Thai VI

หุ้นที่เข้าข่ายว่าเป็น "หุ้นพันธบัตร" ต้องมีคุณสมบัติยังไง
และบริษัทไหนในตลาดที่จัดได้ว่าเป็นหุ้นพันธบัตรได้บ้างครับ

เหมือนพันธบัตรทั้งหมด

หรือมีคุณสมบัติของพันธบัตรอยู่ ต่างกันนะครับ

พันธบัตร ตามที่ควรจะเป็น คือ low risk , sure but low return เมื่อเทียบกับ asset class หุ้น

แต่ก็เห็นกันว่า ซื้อพันธบัตร ก็ไม่ไม่ดูตาม้าตาเรือไม่ได้ ครับ เจ้งได้เหมือนกัน low return , high risk อีก

ดังนั้นหุ้นเหมือนพันธบัตร ควรจะเป็น บริษัทที่ โมเดลธุรกิจไม่หวือหวาตัวแปรขึ้นไม่ขึ้นอยู่กับวัฏจักรหรือน้อยมาก มีความ steady & secular สูง กระแสเงินสดดำเนินงานเข้ามาสม่ำเสมอ คาดเดาได้ไม่ยาก (เพราะปัจจัยกระทบไม่เยอะ) ส่วนใหญ่บริษัทพวกนี้ก็โตมาถึงจุด ธุรกิจรันตัวเองไม่ต้องกู้ ไม่ได้เอาเงินสดที่ได้มาไปจ่ายดอกหรือคืนหนี้หรือไปลงทุนต่อมากมายหละครับ คือค่อนข้างอิ่มตัว เน้นปันผล สรุปมันคือหุ้น defensive ปันผลดีนั้นเอง 55

แต่อย่างที่ผมบอก หุ้นเหมือนพันธบัตรทั้งหมด หรือมีคุณสมบัติของพันธบัตรอยู่ ต่างกัน

ถ้าจะเอาหุ้นเหมือนพันธบัตรเป๊ะไปซื้อพันธบัตรดีกว่าผมว่า

เพราะถ้าเป็นหุ้น นลท ได้ปันผล , ราคาอาจไม่แกว่งมาก เหยียบเส้นสภาพคล่องระดับนึง (แต่สภาพคล่องขึ้นอยู่ขนาดของการลงทุนด้วย) งั้นหาหุ้นมี growth factor ที่ให้ cap gain ด้วยไม่ดีกว่าหรอ สรุปลักษณะพันธบัตรก็คือ แค่ มั่นคง และ สม่ำเสมอ คาดเดาได้ง่าย ประมาณนี้

ว่ากันเสร็จ เรื่องบริษัทไหนผมว่าอันนี้แต่ละคนคงมองต่างกัน แล้วแต่มุมมอง ผมไม่ระบุบริษัทละกัน แค่ให้ไอเดียคร่าวๆ

ที่น่าจะเข้าข่าย wg sauce dcc(แต่คิวสองงบชักแย่) dsgt หุ้นพวกนี้ หากลองดูโมเดลธุรกิจ เปรียบเทียบหลายๆตัวจะมองเป็นความเหมือนครับ
บอกชื่อหุ้นผิดกฎไหมคับ ถ้าผิด ต้องรบกวน mod ลบด้วยนะคับ ตั้งใจแค่ให้ลองเปรียบเทียบเท่านั้นนะคับ

ส่วนตัวผมเห็นว่า หุ้นพันธบัตร ต้องเป็นหุ้นที่มั่นคงมาก แต่คาดหวังผลตอบแทนสูงไม่ได้นัก เพราะอาจจะไม่ค่อยโต
ราคาไม่หวือหวา แต่มีปันผลดีและค่อนข้างสม่ำเสมอ กำไรเพิ่มไม่มากแต่โอกาสขาดทุนมีน้อยมากเช่นกัน

ผมคิดว่า พวกหุ้นที่ทำอะไรขายให้ภาครัฐ หรือพวกสาธารณูปโภคที่มีรายได้แน่นอน ไม่ต้องกังวลนักว่าจะขายไม่ได้
เช่น ไฟฟ้า ประปา แต่นอกจากกลุ่มพวกนี้ กลุ่มอื่นที่เข้าข่ายหุ้นพันธบัตร ตามเกณฑ์ที่ผมว่านั้นมีอีกไหมครับ

เมื่อเอาตราสารหนี้ไปเปรียบกับตราสารทุน มันคนละ Asset Class เลยครับ

ผมตีความ ความคิดของ Warren นะครับ

มุมมอง หุ้นธนบัตร นั้น แกคงต้องการจะแสดงให้เห็นว่า

ทำไมต้องไปซื้อ พันธบัตร ด้วยในเมื่อมี บริษัท ที่ออกธนบัตร และมีหุ้น โดยมีความมั่งคงสูง

และราคาหุ้นของบริษัท นั้นมี MOS เพียงพอ

ยกตัวอย่างตอนนั้น บริษัท Coke ที่มีทั้ง Dividend ใกล้เคียง กับ Coupon และอาจได้ Capital Gain โดยตอนนั้น Coke มีอัตราการโตที่สม่ำเสมอ

ปรากฎว่า ป๋า Warren เดาถูกอีกแล้วครับ ท่าน


ดังนั้น ถ้าเราหาหุ้นที่มีความมั่นคงสูง มี Dividend สม่ำเสมอ และ ซื้อได้ที่ MOS เพียงพอ

ก็น่าจะเป็น EQUITY BOND ได้ ยกตัวอย่าง เช่น .....



ไม่รู้เหมือนกัน

หุ้นพันธบัตร คือ หุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนด้าน DIV ใกล้เคียง

หรือมากกว่านิดหน่อย

กิจการไม่หวือหวามีเงินสดและสินทรัพย์ >หนี้สินมากๆ

โอกาศจะล้ม ยาก ธุรกิจเป็นธุรกิจที่ดูน่าเบื่อ ราคาหุ้นมักจะถูกกว่า

PBV และ PEต่ำ เพราะกิจการไม่น่าสนใจ

ขยายออกข้างไม่ได้ และโตไม่ได้

คนที่ถือหุ้นประเภทนี้ก้ มักจะถือเพื่อสองอย่างคือ

1.เมื่อผลตอบแทนในตลาดทุนค่อนข้างเี่สี่ยงสูง เช่นเกิดวิกฤติ หรือ

มีการขึ้นดอกเบี้ยของระบบการเงิน

2.คนซื้อหุ้นมักจะได้รับผลตอบแทนปันผล ในระดับใกล้ๆพันธบัตร

3.กรณีมีการปลดล็อค มูลค่า หรือ เขื่อนแตก คงเหมือนถูกหวยแจ๊กพ๊อต

ที่ิอยู่ๆๆ เงินวิ่งมาชนครับ (อาการเงินวิ่งชน)

หุ้นพันธบัตรนั้น จะต้องจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ และกิจการก้ต้องมีรายได้

ที่ค่อนข้างแน่นอน

ราคาหุ้นไม่หวือหวา ออกแนวน่าเบื่อ
หนึ่งในหุ้นประเภทนี้ ได้แก่ CSR ครับ

BeSmile เขียน:ผมตีความ ความคิดของ Warren นะครับ

มุมมอง หุ้นธนบัตร นั้น แกคงต้องการจะแสดงให้เห็นว่า

ทำไมต้องไปซื้อ พันธบัตร ด้วยในเมื่อมี บริษัท ที่ออกธนบัตร และมีหุ้น โดยมีความมั่งคงสูง

และราคาหุ้นของบริษัท นั้นมี MOS เพียงพอ

ยกตัวอย่างตอนนั้น บริษัท Coke ที่มีทั้ง Dividend ใกล้เคียง กับ Coupon และอาจได้ Capital Gain โดยตอนนั้น Coke มีอัตราการโตที่สม่ำเสมอ

ปรากฎว่า ป๋า Warren เดาถูกอีกแล้วครับ ท่าน


ดังนั้น ถ้าเราหาหุ้นที่มีความมั่นคงสูง มี Dividend สม่ำเสมอ และ ซื้อได้ที่ MOS เพียงพอ

ก็น่าจะเป็น EQUITY BOND ได้ ยกตัวอย่าง เช่น .....



ไม่รู้เหมือนกัน

เห็นด้วยครับ