ผมลองศึกษาการลงทุนของ Warren Buffett (จากรายงานประจำปีตอนที่ยังเป็น Berkshire Partnership Limited + รายงานประจำปีตอนเป็น BRK) โดยขอสรุปเป็นกลยุทธ์ของ Warren Buffett ซัก 2 ข้อครับ
1. พยายามหาเงินมาลงทุนให้เยอะที่สุด
- ช่วงแรกจัดตั้งเป็น Partnership
เหมือนกู้เงินคนอื่นมาลงทุน โดยจ่ายดอกเบี้ย 6% (หากมีกำไร) + กำไรส่วนเกิน 6% จ่ายเพิ่มให้ 3/4 ส่วน Buffett ขอกำไรส่วนที่เหลืออีก 1/4
- หากขาดทุน ก็อย่าว่ากัน คือ ไม่จ่ายปันผลกำไรครับ แต่ก็กำไรตลอด ขาดทุน นับปีได้เลย
- หลังจากลงทุนไปเรื่อยๆ Buffett ก็ได้พบความมหัศจรรย์ของธุรกิจหนึ่ง ก็คือ ธุรกิจประกันภัย ที่อยู่ดีๆ ก็มีคนเอาเงินมาให้ยืมใช้ก่อน จะจ่ายคืนให้ก็ต่อเมื่อมี Claim และที่ Buffett ชอบเป็นพิเศษ ก็คือ พวกบริษัทประกันภัย (P/C-Property & Casualty) โดย Buffett เรียกเงินก้อนนี้ว่า
"Float" เป็นเงินที่ไหลเข้ามาตลอดเวลา และหากนำไปลงทุนได้เหมาะสม "Float" ก็จะงอกเงยขึ้นไปอีก
- Buffett
ชอบซื้อหุ้นแบบสร้างอาณาจักร คือ ซื้อจนมีอำนาจควบคุมกิจการ จะได้ตัดสินใจ นำเงินไปลงทุนต่างๆ ได้ (โดยเฉพาะพวกบริษัทประกันภัย)
- เพิ่มเติมอีกอย่างคือ จะสังเกตได้ว่า Buffett ชอบซื้อหุ้นที่มี Cash Flow ออกมาให้ผู้ถือหุ้นสูงๆ เหมือนเป็นเครื่องปั๊มเงิน บริษัทที่เป็นขวัญใจตลอดกาล ก็คือ โค้ก (Coca Cola)
2. ทำยังไงก็ได้ให้ผลตอบแทนชนะตลาดเสมอ
- ช่วงที่ยังเป็น Partnership Buffett พยายามเน้นย้ำว่า แนวทางการลงทุนของเขา เป็นแบบ Conservative สุดๆ โดย Buffett ชอบเปรียบเทียบให้ดูเสมอๆ ว่า เขาพอใจผลงานในปีที่ตลาดติดลบ 20% แต่เขาติดลบเพียง 10% มากกว่าปีที่ตลาดมูลค่าเพิ่มขึ้น 30% แต่เขาทำได้เพิ่มขึ้น 35% ครับ (เลขไม่เป๊ะเหมือนที่ Buffett เขียน อย่าว่ากันนะครับ ยกตัวอย่างเฉยๆ)
- กลยุทธ์การลงทุน จะแบ่ง Port เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. "General" ก็คือ หุ้นปกติที่เราซื้อขายกัน ราคาขึ้นลงตามสภาพตลาด ถือประมาณ 60-70% ของ Asset ทั้งหมด
2. "Work-outs" อันนี้คือ พวกไม่ปกติ คือ ขึ้นกับการกระทำต่างๆ ของบริษัทเอง
ไม่ขึ้นกับภาวะตลาด ตัวอย่างเช่น การประกาศควบรวมกิจการ (Mergers), liquidations, reorganizations เป็นต้น พวกนี้จะมีกำหนดระยะเวลาลงทุนที่ค่อนข้างแน่นอน และส่วนใหญ่จะได้กำไรคิดเป็น % ไม่เยอะ แต่ Buffett คิดว่าปลอดภัยสูง เลยกู้เงินเพิ่ม (เหมือนใช้ Margin) มาลงทุนพวกนี้ด้วย กลุ่มนี้สมัยใหม่น่าจะเรียกว่าการทำ "Arbitrage"
3. "Control" คือ ไล่ซื้อหุ้นจนสามารถควบคุมกิจการได้ ดังนั้น ราคาหุ้น ก็จะไม่ถูกกำหนดโดยตลาดอีกต่อไป จะถูกกำหนดด้วยมูลค่าของ Asset ของกิจการ หรือความสามารถในการทำกำไรเอง พวกนี้ก็ซื้อเก็บไว้ดูเล่น ยาวๆ เลย ช่วงแรกๆ มีคนมาขอซื้อต่อก็ขาย เพราะยังเลือกไม่เจอ "Super Stock"
หลังๆ ตัว General เองก็มีแตกกลุ่มย่อยอีก แล้วก็ไปเจอกูรู คือ อ.Fisher เลยเปลี่ยนแนวมาถือหุ้นที่ยอดเยี่ยม ในราคาสมเหตุสมผล (เมื่อก่อนซื้อแต่หุ้นถูกดักดาน) แต่พักไว้ก่อน ตอนนี้เขียนเองเริ่มงงเองแล้ว
ขอสรุปเลยละกันครับ
1. เงินปัจจุบัน ส่วนใหญ่ มาจาก "Float" ของบริษัทประกันภัยที่ BRK เป็นเจ้าของ พอหุ้นตกแล้วเจอบริษัทดีๆ ที่ติดป้าย Sale ก็ซัดเลยครับ
2. ซื้อหุ้นแล้วไม่ขาย คงเป็นแค่บริษัทที่ Buffett เห็นว่าดีจริงๆ หรือเป็น "Super Stock" เท่านั้นครับ ที่เหลือก็ซื้อๆ ขายๆ กระจาย (ตาม Intrinsic Value หรือ Fair Value ที่ Buffett ประเมินได้)
3. ไม่ปันผล ไม่แตกพาร์ ก็อย่างที่คุณ sipoonya บอก คือ Buffett คิดว่าลงทุนต่อเองให้ผลตอบแทนดีกว่าให้ปันผลผู้ถือห้นเป็นค่าขนมแน่นอน ใครอยากใช้เงินก็ขายหุ้นเอาเงินไปใช้สิ (แต่อย่างที่เล่าข้างบน ช่วงแรกก็มีปันผลนะ แต่เหมือนดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่า)
4. ศึกษาเพิ่มเติมได้ "Free" จาก Annual Report ครับ
http://www.berkshirehathaway.com/
http://www.marketfolly.com/2010/08/warr ... tters.html
ปล. อาจไม่ถูกต้อง 100% นะครับ ยังอ่านไม่หมดเลย กำลังค่อยๆ ศึกษาวิธีการลงทุนของ อ.Buffett ครับ (เหมือนมีใครเคยพูดว่า คนส่วนใหญ่ชื่นชมการลงทุนของ Buffett แต่ไม่ค่อยมีใครทำตามซักเท่าไหร่ คงเห็นว่าน่าเบื่อเกินไปมั้งครับ
)