อิตาลีจะตามสเปนไปด้วยหรือเปล่า จากข่าวนี้
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 18, 2012 8:55 am
วันที่ 18 มิถุนายน 2555 06:52
ความน่าจะเป็น'อิตาลี'ขอเงินช่วยเหลือตามกรีซ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ออสเตรเลีย ส่งสัญญาณเตือนอิตาลีจ่อคิวขอเงินช่วยเหลือตามกรีซ โปรตุเกส และไอร์แลนด์
ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยุโรปเพิ่มสูงขึ้น หลังจากนางมาเรีย เฟคเทอร์ รมว.คลังออสเตรีย กล่าวว่า อิตาลี อาจจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีอยู่ในระดับสูง อแต่นายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติของอิตาลี แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงต่อถ้อยแถลงของนางเฟคเทอร์
นักลงทุนกังวลว่า วิกฤติหนี้ยุโรป ที่ดำเนินมานาน 2 ปีครึ่ง อาจจะยืดเยื้อต่อไปอีกนาน ซึ่งความกังวลนี้ ได้รับแรงกระตุ้นจากถ้อยแถลงของนางเฟคเทอร์ และจากถ้อยแถลงของนายยาน คีส เดอ ยาเกอร์ รมว.คลังเนเธอร์แลนด์ ที่ว่า ยูโรโซน "ยังคงอยู่ห่างไกลจากการมีเสถียรภาพ"
รัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) เพิ่งตกลงกันได้ ที่จะปล่อยเงินกู้แก่สเปนราว 1 แสนล้านยูโร (1.25 แสนล้านดอลลาร์)เพื่อเพิ่มทุนแก่ธนาคารดังกล่าว แต่นักลงทุนหลายคนมองว่า มาตรการนี้ช่วยแก้ปัญหาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ 6.86 % ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการใช้สกุลเงินยูโรในปี 1999 เป็นต้นมา
นางเฟคเทอร์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า กองทุนคุ้มครองยูโรโซน อาจจะมีเงินไม่เพียงพอที่จะใช้ช่วยเหลืออิตาลี เนื่องจากทางกองทุนได้ใช้เงินไปมากแล้วในการช่วยเหลือกรีซ, โปรตุเกส และไอร์แลนด์และจะต้องช่วยเหลือสเปนด้วยในเร็วๆนี้
"อิตาลีจำเป็นต้องหาทางออกจากปัญหายุ่งยากทางเศรษฐกิจของตน ซึ่งได้แก่ปัญหาหนี้และยอดขาดดุลงบประมาณที่ระดับสูงมาก แต่อิตาลี อาจจะต้องขอความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงที่อิตาลีจำเป็นต้องจ่ายในการกู้เงินก้อนใหม่จากตลาดเพื่อนำมาชำระหนี้เก่า (รีไฟแนนซ์)" รมว.คลังออสเตรีย กล่าว
ด้านนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ของอิตาลี กล่าวว่า เขาไม่เชื่อว่า อิตาลีจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศและว่าถ้อยแถลงของนางเฟคเทอร์ "เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง" สำหรับรัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรป (อียู) ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูโรโซนคนอื่นๆกล่าวว่า ถ้อยแถลงของนางเฟคเทอร์เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
แม้ว่ายอดขาดดุลงบประมาณและอัตราการว่างงานของอิตาลี อยู่ในระดับต่ำกว่าสเปน และถึงแม้ธนาคารพาณิชย์อิตาลี ไม่ได้เผชิญกับวิกฤติอสังหาริมทรัพย์เหมือนสเปน แต่นักลงทุนต่างประเทศก็ไม่ต้องการลงทุนในอิตาลีช่วงนี้ เนื่องจากกังวลกับความสามารถของรัฐบาลอิตาลี ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยอย่างรุนแรง
ถ้าหากเศรษฐกิจอิตาลี ไม่เริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากอยู่ในภาวะชะงักงันมานานสิบปี รัฐบาลอิตาลี ก็จะประสบความยากลำบากในการปรับลดหนี้สินของประเทศลงจากระดับ 120 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งในปัจจุบัน หนี้ดังกล่าวถือว่ามีขนาดสูงเป็นอันดับ 2 ของยูโรโซน โดยรองจากกรีซ ขณะที่อิตาลี เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยูโรโซน
แต่ความเห็นของนางเฟคเทอร์ สอดคล้องกับความเห็นของนายลาร์สเฟลด์ หนึ่งในที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลเยอรมนี โดยนายเฟลด์กล่าวว่า อิตาลี อาจจะเป็นประเทศถัดไปที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤตการณ์
ที่มา http://bit.ly/LZebA9
ความน่าจะเป็น'อิตาลี'ขอเงินช่วยเหลือตามกรีซ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ออสเตรเลีย ส่งสัญญาณเตือนอิตาลีจ่อคิวขอเงินช่วยเหลือตามกรีซ โปรตุเกส และไอร์แลนด์
ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยุโรปเพิ่มสูงขึ้น หลังจากนางมาเรีย เฟคเทอร์ รมว.คลังออสเตรีย กล่าวว่า อิตาลี อาจจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีอยู่ในระดับสูง อแต่นายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติของอิตาลี แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงต่อถ้อยแถลงของนางเฟคเทอร์
นักลงทุนกังวลว่า วิกฤติหนี้ยุโรป ที่ดำเนินมานาน 2 ปีครึ่ง อาจจะยืดเยื้อต่อไปอีกนาน ซึ่งความกังวลนี้ ได้รับแรงกระตุ้นจากถ้อยแถลงของนางเฟคเทอร์ และจากถ้อยแถลงของนายยาน คีส เดอ ยาเกอร์ รมว.คลังเนเธอร์แลนด์ ที่ว่า ยูโรโซน "ยังคงอยู่ห่างไกลจากการมีเสถียรภาพ"
รัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) เพิ่งตกลงกันได้ ที่จะปล่อยเงินกู้แก่สเปนราว 1 แสนล้านยูโร (1.25 แสนล้านดอลลาร์)เพื่อเพิ่มทุนแก่ธนาคารดังกล่าว แต่นักลงทุนหลายคนมองว่า มาตรการนี้ช่วยแก้ปัญหาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ 6.86 % ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการใช้สกุลเงินยูโรในปี 1999 เป็นต้นมา
นางเฟคเทอร์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า กองทุนคุ้มครองยูโรโซน อาจจะมีเงินไม่เพียงพอที่จะใช้ช่วยเหลืออิตาลี เนื่องจากทางกองทุนได้ใช้เงินไปมากแล้วในการช่วยเหลือกรีซ, โปรตุเกส และไอร์แลนด์และจะต้องช่วยเหลือสเปนด้วยในเร็วๆนี้
"อิตาลีจำเป็นต้องหาทางออกจากปัญหายุ่งยากทางเศรษฐกิจของตน ซึ่งได้แก่ปัญหาหนี้และยอดขาดดุลงบประมาณที่ระดับสูงมาก แต่อิตาลี อาจจะต้องขอความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงที่อิตาลีจำเป็นต้องจ่ายในการกู้เงินก้อนใหม่จากตลาดเพื่อนำมาชำระหนี้เก่า (รีไฟแนนซ์)" รมว.คลังออสเตรีย กล่าว
ด้านนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ของอิตาลี กล่าวว่า เขาไม่เชื่อว่า อิตาลีจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศและว่าถ้อยแถลงของนางเฟคเทอร์ "เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง" สำหรับรัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรป (อียู) ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูโรโซนคนอื่นๆกล่าวว่า ถ้อยแถลงของนางเฟคเทอร์เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
แม้ว่ายอดขาดดุลงบประมาณและอัตราการว่างงานของอิตาลี อยู่ในระดับต่ำกว่าสเปน และถึงแม้ธนาคารพาณิชย์อิตาลี ไม่ได้เผชิญกับวิกฤติอสังหาริมทรัพย์เหมือนสเปน แต่นักลงทุนต่างประเทศก็ไม่ต้องการลงทุนในอิตาลีช่วงนี้ เนื่องจากกังวลกับความสามารถของรัฐบาลอิตาลี ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยอย่างรุนแรง
ถ้าหากเศรษฐกิจอิตาลี ไม่เริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากอยู่ในภาวะชะงักงันมานานสิบปี รัฐบาลอิตาลี ก็จะประสบความยากลำบากในการปรับลดหนี้สินของประเทศลงจากระดับ 120 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งในปัจจุบัน หนี้ดังกล่าวถือว่ามีขนาดสูงเป็นอันดับ 2 ของยูโรโซน โดยรองจากกรีซ ขณะที่อิตาลี เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยูโรโซน
แต่ความเห็นของนางเฟคเทอร์ สอดคล้องกับความเห็นของนายลาร์สเฟลด์ หนึ่งในที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลเยอรมนี โดยนายเฟลด์กล่าวว่า อิตาลี อาจจะเป็นประเทศถัดไปที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤตการณ์
ที่มา http://bit.ly/LZebA9