เตือนยุโรปโยก 1.2 ล้านล. $ กลับบ้าน โลกป่วนแน่ ชี้ รบ.ไทย ตั
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 17, 2012 7:28 am
เตือนยุโรปโยก 1.2 ล้านล. $ กลับบ้าน โลกป่วนแน่ ชี้ รบ.ไทย ตั้งการ์ดหลวม
นักวิชาการ ศศ. ชี้ ส่งออกปี 55 หมดโอกาสโต 15% ตามเป้าหมาย รัฐบาลเจองานหินแน่ เพราะการหาตลาดใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเจอพี่เบิ้ม "จีน-อินเดีย" พร้อมมองการตั้งรับมือปัญหาหนี้ยุโรปของรัฐบาลไทย ยังไม่เข้มข้นเพียงพอ ควรจะต้องมีการติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ข้อมูลให้มากกว่านี้ แนะจับตา "กรีซ" ออกจาก "ยูโรโซน" ตลาดหุ้น ตราสารหนี้ น้ำมัน ทองคำ ปั่นป่วนทั่วโลกแน่ โดยตลาดเงินตลาดทุนจะกระทบก่อน เพราะยุโรปมาปล่อยกู้ในเอเชีย 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดเม็ดเงินจะถูกโยกกลับไปแก้ปัญหาในประเทศของตนทันที
นายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวถึงการตั้งรับมือปัญหาหนี้ยุโรปของรัฐบาลไทยว่ายังไม่เข้มข้น ควรจะต้องมีการติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ข้อมูลให้มากกว่านี้ เพื่อจะได้ตั้งรับได้อย่างเร่งด่วน เพราะกรณีหนี้ของหลายประเทศในยุโรปในขณะนี้มีแนวโน้มจะมีปัญหามากขึ้น
ทั้งนี้ หากกรีซออกจากยูโรโซน ในขณะที่สเปน อิตาลี มีปัญหามากขึ้น สิ่งแรกที่จะกระทบต่อทั่วโลก คือ ตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน และทองคำราคาจะหดตัว กระทบด้านการท่องเที่ยว การส่งออก โดยคาดว่าการส่งออกของไทยจะไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดหวังที่ร้อยละ 15 โดยจะเป็นตัวเลขการเติบโตหลักเดียว และมีแนวโน้มสูงคงจะขยายตัวตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ที่ร้อยละ 8
“ตลาดเงินตลาดทุนจะกระทบก่อน เพราะยุโรปมาปล่อยกู้ในเอเชีย 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนนี้จะมีการโยกกลับไปประเทศของตน จะส่งผลทำให้อัตราแลกเปลี่ยนวูบวาบ เพราะเงินทุนจะไหลออก-ไหลเข้าตามกระแส กระทบต่อผู้ส่งออก ต้องรับมือให้ได้ ยิ่งหากผลมีต่อเนื่องไปยังฝรั่งเศสและเยอรมนีแล้วก็จะกระทบต่อทั่วโลก”
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลตั้งรับมือกับปัญหา โดยเฉพาะหาทางช่วยเหลือเรื่องแอล/ซีของผู้ส่งออก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผลกระทบต่อการส่งออกเริ่มเห็นชัดขึ้น และตัวเลขการส่งออกคงจะไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายขยายตัวร้อยละ 15 อย่างแน่นอน ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คงจะเป็นงานหินของรัฐบาล เพราะการหาตลาดใหม่คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยุโรปเป็นตลาดหลักของจีนและอินเดียเช่นกัน ดังนั้น สองประเทศนี้ก็จะมุ่งหาตลาดใหม่ ทำให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น
นักวิชาการ ศศ. ชี้ ส่งออกปี 55 หมดโอกาสโต 15% ตามเป้าหมาย รัฐบาลเจองานหินแน่ เพราะการหาตลาดใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเจอพี่เบิ้ม "จีน-อินเดีย" พร้อมมองการตั้งรับมือปัญหาหนี้ยุโรปของรัฐบาลไทย ยังไม่เข้มข้นเพียงพอ ควรจะต้องมีการติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ข้อมูลให้มากกว่านี้ แนะจับตา "กรีซ" ออกจาก "ยูโรโซน" ตลาดหุ้น ตราสารหนี้ น้ำมัน ทองคำ ปั่นป่วนทั่วโลกแน่ โดยตลาดเงินตลาดทุนจะกระทบก่อน เพราะยุโรปมาปล่อยกู้ในเอเชีย 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดเม็ดเงินจะถูกโยกกลับไปแก้ปัญหาในประเทศของตนทันที
นายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวถึงการตั้งรับมือปัญหาหนี้ยุโรปของรัฐบาลไทยว่ายังไม่เข้มข้น ควรจะต้องมีการติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ข้อมูลให้มากกว่านี้ เพื่อจะได้ตั้งรับได้อย่างเร่งด่วน เพราะกรณีหนี้ของหลายประเทศในยุโรปในขณะนี้มีแนวโน้มจะมีปัญหามากขึ้น
ทั้งนี้ หากกรีซออกจากยูโรโซน ในขณะที่สเปน อิตาลี มีปัญหามากขึ้น สิ่งแรกที่จะกระทบต่อทั่วโลก คือ ตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน และทองคำราคาจะหดตัว กระทบด้านการท่องเที่ยว การส่งออก โดยคาดว่าการส่งออกของไทยจะไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดหวังที่ร้อยละ 15 โดยจะเป็นตัวเลขการเติบโตหลักเดียว และมีแนวโน้มสูงคงจะขยายตัวตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ที่ร้อยละ 8
“ตลาดเงินตลาดทุนจะกระทบก่อน เพราะยุโรปมาปล่อยกู้ในเอเชีย 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนนี้จะมีการโยกกลับไปประเทศของตน จะส่งผลทำให้อัตราแลกเปลี่ยนวูบวาบ เพราะเงินทุนจะไหลออก-ไหลเข้าตามกระแส กระทบต่อผู้ส่งออก ต้องรับมือให้ได้ ยิ่งหากผลมีต่อเนื่องไปยังฝรั่งเศสและเยอรมนีแล้วก็จะกระทบต่อทั่วโลก”
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลตั้งรับมือกับปัญหา โดยเฉพาะหาทางช่วยเหลือเรื่องแอล/ซีของผู้ส่งออก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผลกระทบต่อการส่งออกเริ่มเห็นชัดขึ้น และตัวเลขการส่งออกคงจะไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายขยายตัวร้อยละ 15 อย่างแน่นอน ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คงจะเป็นงานหินของรัฐบาล เพราะการหาตลาดใหม่คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยุโรปเป็นตลาดหลักของจีนและอินเดียเช่นกัน ดังนั้น สองประเทศนี้ก็จะมุ่งหาตลาดใหม่ ทำให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น