หุ้นพื้นฐานดีแค่ไหนก็ไม่น่าลงทุน
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 06, 2012 4:34 am
วันที่ 6 มิถุนายน 2555 01:00
หุ้นพื้นฐานดีแค่ไหนก็ไม่น่าลงทุน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ปมการเมืองที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ กลายเป็นประเด็นหลัก ที่จะกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น
จากก่อนหน้านี้ บรรดาแวดวงตลาดทุน ทั้งโบรกเกอร์ และนักลงทุน ทุ่มน้ำหนักให้กับวิกฤติหนี้ในยูโรโซน เป็นหลัก ซึ่งนักลงทุนในประเทศต่างก็ทำใจรับสภาพกับปัจจัยภายนอกที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยูโรโซน การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน เพราะถือเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบในอุตสาหกรรม ต่างก็ปรับกลยุทธ์เพื่อบริหารความเสี่ยง
ขณะที่ประเด็นการเมืองภายใน ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้มากกว่าตัวแปรนอกประเทศ กลับกำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่เข้ามาทำลายบรรยากาศการลงทุน ซ้ำเติมผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยุโรป บรรดาโบรกเกอร์เริ่มทยอยปรับลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นลดลง แนะให้นักลงทุนหันไปถือครองเงินสดแทน เพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าความวุ่นวายทางการเมือง จะย้อนรอยเหมือนกับปี 2551 ที่เกิดความแตกแยกรุนแรงจนเกิดเหตุการณ์เผากลางกรุงหรือไม่
ความเสี่ยงทางการเมือง เป็นสิ่งที่นักลงทุนหรือกระทั่งผู้ประกอบการ บริหารความเสี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องศักยภาพของการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่มีได้ ไม่มีเสมอตัว มีแต่เสียอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ความสูญเสียทางด้านการลงทุนเท่านั้น แต่จะรวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศ
ความคลุมเครือของการเมืองในประเทศ เป็นสิ่งที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกังวล โดยเฉพาะต่างชาติแล้วมองว่าความไม่ชัดเจน คือ ความเสี่ยงสูงสุด และยิ่งสถานการณ์ในปัจจุบันไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าการเมืองจะมีจุดจบอย่างไร เพียงแต่ภาวนาไม่ให้ความขัดแย้งการเมือง มีการพัฒนาไปสู่ความรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความเสี่ยงก็ย่อมมีโอกาส โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว ที่ไม่หวั่นไหวกับกระแสระยะสั้น และที่สำคัญ มีความเข้าใจกับการเมืองของบ้านเรา เพราะหากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทย ก็ถือว่ามีความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค มีอัตราการจ่ายปันผลที่ดีกว่าเงินฝากธนาคาร บริษัทจดทะเบียนมีอัตราการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นก็อาจจะเป็นโอกาสการลงทุน
ตัวแปรที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากพัฒนาการความรุนแรงทางด้านการเมืองแล้ว คงต้องดูแรงขายของต่างชาติ ที่เก็บสะสมมาตั้งแต่ต้นปีเฉียด 7 หมื่นล้านบาทนั้น จะมีการโยกเงินออกอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ ซึ่งหากซ้ำเติมเข้ามาอีกในช่วงนี้ ต่อให้หุ้นดี และถูกแค่ไหน นักลงทุนก็คงขยาดไม่กล้าที่จะลงทุนในช่วงนี้
สอดคล้องกับมุมมองของไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ที่เพิ่งจะเดินสายโรดโชว์ที่ประเทศอังกฤษหมาดๆ บอกว่า ถ้าถามภาพรวมการลงทุนหุ้นช่วงนี้ใครบอกว่าดีก็แปลกแล้ว เพราะข่าวร้ายที่โถมเข้ามาทั้งในและต่างประเทศ ยกเว้นนักลงทุนระยะยาว จะมองเห็นโอกาสภายใต้ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเสมอ ยิ่งหุ้นตกแรง ก็ยิ่งเป็นโอกาสการลงทุน ส่วนนักลงทุนระยะสั้น ที่ต้องการทำกำไรในตลาดหุ้นระยะสั้น พับแผนการลงทุนได้เลย
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%99.html
หุ้นพื้นฐานดีแค่ไหนก็ไม่น่าลงทุน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ปมการเมืองที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ กลายเป็นประเด็นหลัก ที่จะกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น
จากก่อนหน้านี้ บรรดาแวดวงตลาดทุน ทั้งโบรกเกอร์ และนักลงทุน ทุ่มน้ำหนักให้กับวิกฤติหนี้ในยูโรโซน เป็นหลัก ซึ่งนักลงทุนในประเทศต่างก็ทำใจรับสภาพกับปัจจัยภายนอกที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยูโรโซน การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน เพราะถือเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบในอุตสาหกรรม ต่างก็ปรับกลยุทธ์เพื่อบริหารความเสี่ยง
ขณะที่ประเด็นการเมืองภายใน ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้มากกว่าตัวแปรนอกประเทศ กลับกำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่เข้ามาทำลายบรรยากาศการลงทุน ซ้ำเติมผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยุโรป บรรดาโบรกเกอร์เริ่มทยอยปรับลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นลดลง แนะให้นักลงทุนหันไปถือครองเงินสดแทน เพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าความวุ่นวายทางการเมือง จะย้อนรอยเหมือนกับปี 2551 ที่เกิดความแตกแยกรุนแรงจนเกิดเหตุการณ์เผากลางกรุงหรือไม่
ความเสี่ยงทางการเมือง เป็นสิ่งที่นักลงทุนหรือกระทั่งผู้ประกอบการ บริหารความเสี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องศักยภาพของการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่มีได้ ไม่มีเสมอตัว มีแต่เสียอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ความสูญเสียทางด้านการลงทุนเท่านั้น แต่จะรวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศ
ความคลุมเครือของการเมืองในประเทศ เป็นสิ่งที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกังวล โดยเฉพาะต่างชาติแล้วมองว่าความไม่ชัดเจน คือ ความเสี่ยงสูงสุด และยิ่งสถานการณ์ในปัจจุบันไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าการเมืองจะมีจุดจบอย่างไร เพียงแต่ภาวนาไม่ให้ความขัดแย้งการเมือง มีการพัฒนาไปสู่ความรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความเสี่ยงก็ย่อมมีโอกาส โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว ที่ไม่หวั่นไหวกับกระแสระยะสั้น และที่สำคัญ มีความเข้าใจกับการเมืองของบ้านเรา เพราะหากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทย ก็ถือว่ามีความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค มีอัตราการจ่ายปันผลที่ดีกว่าเงินฝากธนาคาร บริษัทจดทะเบียนมีอัตราการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นก็อาจจะเป็นโอกาสการลงทุน
ตัวแปรที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากพัฒนาการความรุนแรงทางด้านการเมืองแล้ว คงต้องดูแรงขายของต่างชาติ ที่เก็บสะสมมาตั้งแต่ต้นปีเฉียด 7 หมื่นล้านบาทนั้น จะมีการโยกเงินออกอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ ซึ่งหากซ้ำเติมเข้ามาอีกในช่วงนี้ ต่อให้หุ้นดี และถูกแค่ไหน นักลงทุนก็คงขยาดไม่กล้าที่จะลงทุนในช่วงนี้
สอดคล้องกับมุมมองของไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ที่เพิ่งจะเดินสายโรดโชว์ที่ประเทศอังกฤษหมาดๆ บอกว่า ถ้าถามภาพรวมการลงทุนหุ้นช่วงนี้ใครบอกว่าดีก็แปลกแล้ว เพราะข่าวร้ายที่โถมเข้ามาทั้งในและต่างประเทศ ยกเว้นนักลงทุนระยะยาว จะมองเห็นโอกาสภายใต้ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเสมอ ยิ่งหุ้นตกแรง ก็ยิ่งเป็นโอกาสการลงทุน ส่วนนักลงทุนระยะสั้น ที่ต้องการทำกำไรในตลาดหุ้นระยะสั้น พับแผนการลงทุนได้เลย
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%99.html