Thai VI

คนที่จัดเอาอะไรเป็นเกณฑ มาตราฐาน วัดครับ

http://portal.settrade.com/brokerpage/I ... 550514.pdf

ไม่รู้เหมือนกัน อย่าง PTT หลายๆตัว ก็ได้ 5 ดาว

ลองถามคนอื่นดู เป็นคนดีไม ใครจะตอบว่าตัวเองเลว

อย่าไปคิดมากครับ ถ้ารู้สึกสงสัย ก็ลองหาข่าว ข้อมูล ดู

ยังไงบริษัทที่ดี คือบริษัทที่เติบโต ไม่ทำลายมูลค่าผู้ถือหุ้น ไม่ใช่ ไก่ย่าง 5 ดาว

panwasit เขียน:ไม่รู้เหมือนกัน อย่าง PTT หลายๆตัว ก็ได้ 5 ดาว

ลองถามคนอื่นดู เป็นคนดีไม ใครจะตอบว่าตัวเองเลว

อย่าไปคิดมากครับ ถ้ารู้สึกสงสัย ก็ลองหาข่าว ข้อมูล ดู

ยังไงบริษัทที่ดี คือบริษัทที่เติบโต ไม่ทำลายมูลค่าผู้ถือหุ้น ไม่ใช่ ไก่ย่าง 5 ดาว

เห็นคำนี้ คงต้องปลอบใจกันว่า คิดอะไรมากครับ คงต้องใช้คำว่า Thailand only อีกครั้ง
ขนาดยิ่งกว่านี้...บริษัทมือถือในเครือไก่ย่าง มีสื่อเคยให้คะแนนมีความเสี่ยงที่จะล้ม และเก่งกาจกับการเพิ่มทุนแบบไม่ไหวจะเคลียร์ ....
แต่ตลท.เรา ให้ติดบริษัทน่าลงทุนอย่างมากอย่างเ็ป็นทางการแบบเถียงไม่ออก ถึงขั้นดัชนีตลาด.... มีชื่อบรรจุไว้ใน SET50 SET100 อย่างเหนียวแน่น

อีกสัก20-30ปี
คุณปิยสวัสดิ์ คงได้เขียนหนังสือเล่าเรื่อง
คล้ายๆคุณนุกูล ประจวบเหมาะ

ผมจะรออ่านครับ

ผมว่าการบินไทยคงไม่อยู๋ถึง 20ปีหรอกครับ เจ๊งก่อนแน่นอน เพราะราคาน้ำมันต่อๆไปคงแพงขึ้นเรื่อยๆ 5-10ปีข้างหน้าอาจกลายเป็น 2-3เท่าของราคาณ.เวลานี้ก็ได้ ถึงเวลานั้นค่าเครื่องบินไปไหนทีเป็นหมื่นเป็นแสน คนคงเดินทางไม่ไหว เพราะค่าครองชีพอื่นๆก็คงสูงขึ้นมากด้วย รายได้จะพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

ราคาน้ำมันแพงแน่ๆเพราะน้ำมันในโลกเหลือน้อยนะครับ คนเรามีแต่ใช้น้ำมันมากขึ้นๆ แล้วจะเอาที่ไหนมาพอล่ะครับ เมื่อของมีน้อยลง ราคามันก็ย่อมต้องแพงขึ้นเป็นธรรมดา แล้วอย่างน้ำมันเรือบินโดยสารเนี่ย คงเอาแอลกอฮอผสมเข้าไปแทนก็ไม่ได้ซะด้วย ผมจึงมองว่าธุรกิจการบินอายุคงไม่ถึง 20ปีหรอกครับ การท่องเที่ยวอีกล่ะ มนุษย์เราอีกหน่อยอาจต้องอยู๋กับที่นะครับ อยู๋อย่างพอเพียงเพราะเหตุผลเรื่องน้ำมันหมดโลกนี่แหละ

http://www.youtube.com/watch?v=17lp9v5pyY4

ดูเรื่องนี้แล้วอาจได้ไอเดียดีๆกับโลกใบนี้นะครับ

ผมว่าเรือ กับ เครื่องบิน มันไม่ใช่

ตอนนี้ รถไฟ ดีกว่ากว่า

ปล ความเห็นส่วนตัว

patongpa เขียน:ผมว่าการบินไทยคงไม่อยู๋ถึง 20ปีหรอกครับ เจ๊งก่อนแน่นอน เพราะราคาน้ำมันต่อๆไปคงแพงขึ้นเรื่อยๆ 5-10ปีข้างหน้าอาจกลายเป็น 2-3เท่าของราคาณ.เวลานี้ก็ได้ ถึงเวลานั้นค่าเครื่องบินไปไหนทีเป็นหมื่นเป็นแสน คนคงเดินทางไม่ไหว เพราะค่าครองชีพอื่นๆก็คงสูงขึ้นมากด้วย รายได้จะพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

ราคาน้ำมันแพงแน่ๆเพราะน้ำมันในโลกเหลือน้อยนะครับ คนเรามีแต่ใช้น้ำมันมากขึ้นๆ แล้วจะเอาที่ไหนมาพอล่ะครับ เมื่อของมีน้อยลง ราคามันก็ย่อมต้องแพงขึ้นเป็นธรรมดา แล้วอย่างน้ำมันเรือบินโดยสารเนี่ย คงเอาแอลกอฮอผสมเข้าไปแทนก็ไม่ได้ซะด้วย ผมจึงมองว่าธุรกิจการบินอายุคงไม่ถึง 20ปีหรอกครับ การท่องเที่ยวอีกล่ะ มนุษย์เราอีกหน่อยอาจต้องอยู๋กับที่นะครับ อยู๋อย่างพอเพียงเพราะเหตุผลเรื่องน้ำมันหมดโลกนี่แหละ

อ่านแล้วตลกอะ "มนุษย์อยู่กับที่" "หยุดการท่องเที่ยว" Impossible!
(แต่ก็นะบางคนอาจชอบกินป๊อปคอร์น นอนอ้วนอยู่หน้าทีวีที่บ้านก็เป็นได้)
นี่มันสันชาติญาณของมนุษย์ที่ไม่ต้องสอนเลยนะ การแสวงหาดินแดนใหม่ ความผจญภัย ความท้าทายใหม่ๆ
แล้วโลกเรามันมีแหล่งพลังงานแค่น้ำมันซะที่ไหนละ
แต่ต่อให้ไม่มีแหล่งพลังงานใดๆ้เลย คนมีมือมีเท้ายังไงมันก็หาทางเดินทางจนได้แหละ

ผมว่ามันไม่เจ๊งหรอก แต่ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน อีกกี่ปีก็ไม่ใช่ธุรกิจที่น่าลงทุนเลย การแข่งขันเยอะ ปัจจัยเสี่ยงเพียบ

^
(ต่อ) ธุรกิจการบิน(พูดรวมๆนะ ไม่ได้บอกว่าการบินไทยจะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง) ยังไงก็ยังอยู่อีกนาน ตราบใดที่มนุษย์ยังหารูปแบบการเดินทางระยะไกลที่รวดเร็ว สะดวก และคนยอมจ่าย กว่านี้ไม่ได้ หรือจะเลือกนั่งเรือไปเมกา?

555 รุสึกว่านอกเรื่องไปไกลกว่าหัวข้อกระทู้ยิ่งนัก

กลับมาธรรมมาภิบาลของ THAI ผมขอให้คะแนนว่า "N/A" ไม่สามารถประเมิณค่าได้

ราคาน้ำมันปิโตรเลียม อาจจะแพงจริงในอนาคต แต่ก็อาจมีเทคโนโลยีการบินที่ประหยัดพลังงานหรือใช้พลังงานอื่นแทนเกิดขึ้น สมองมนุษย์ยังพัฒนาสิ่งต่างๆได้เสมอ

แล้วก็ตอนนี้การบินไทยเห็นว่าเอาเชื้อเพลิงชีวภาพอะไรสักอย่างมาผสมในน้ำมันสำหรับเครื่องบินเพื่อลดการปล่อยสิ่งไม่ดีไปทำลายสภาพอากาศโลก และเป็นเจ้าแรกของโลกที่ทำด้วย

ดังนั้นอนาคตข้างหน้า ถ้าคนยังอยากเดินทางข้ามประเทศข้ามทวีปไปเห็นไปสัมผัสของจริง ไม่ดูผ่าหน้าจอทีวีหน้าจอคอม สายการบินก็ยังคงมีอยู่ แต่ใครจะล้มหายตายจาก ใครจะมาใหม่ แล้วจะเป็นงัยต่อ ก็ต้องว่ากันเป็นรายๆไป

ธุรกิจการบินมีการแข่งขันกันมาก การบินไทยถูกมองว่าเป็นสายการบินประจำชาติ ถ้าจะขาดทุนอย่างไรก็ต้องให้บินให้ได้เพราะหมายถึงหน้าตาของประเทศ

การบินไทยถือหุ้นใหญ่โดยกระทรวงการคลัง มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องมาก ผู้บริหารไม่ค่อยเป็นมืออาชีพมักจะเปลี่ยนไปตามวาระการเมือง ปัจจัยเสี่ยงด้านการดำเนินธุรกิจมีมาก

เรื่องบรรษัทภิบาลไม่ค่อยแน่ใจ เพราะฉะนั้นขออยู่ห่างๆ ดีกว่า

ทำให้กลายเป็นเอกชนเต็มตัว

อย่าให้รัฐถือหุ้นใหญ่

กำไรก็กำไร

เจ๊งก็เจ๊ง

การเมืองก็จะแทรกไม่ได้

จะได้ไม่ต้องมาโวยกันคนละทีสองทีเวลาเปลี่ยนรัฐบาล ว่าโดนปลดเพราะการเมือง

จริงๆผมชอบคนที่เพิ่งโดนปลดไปนะ แต่ต้องเข้าใจว่ามาด้วยเหตุใด ก็ต้องไปด้วยเหตุนั้น

หากมันไม่ใช่ของรัฐมันก็จะไม่มีเหตุ

ผมเคยได้คุยกับคนในแวดวงธุรกิจการบิิน เขาว่าที่จริงการบินไทยนั้นต้องปล่อยใ้ห้เจ๊งไปเลย
เพราะระบบที่วางมาโดยเฉพาะการบริหารจัดการภายในและบุคคลนั้นผิดมาก

เฉพาะพนักงานใน office ก็มีจำนนวนมากกว่าบริษัทลักษณะคล้ายกันเป็นสิบๆเท่าแล้ว
แถมยังมีระบบลูกท่านหลานเธอเจ้านายต่างๆนาๆ คอยทำให้การบริหารจัดการยากขึ้นไปอีก

แค่ลองไปออกตั๋วในประเทศแล้วแต่งตัวโทรมๆไปก็รู้แล้วครับ ว่าทัศนคติของคนเป็นอย่างไร

เขียนตรงไป ขอโทษด้วยนะครับ

harikung เขียน:ผมว่ามันไม่เจ๊งหรอก แต่ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน อีกกี่ปีก็ไม่ใช่ธุรกิจที่น่าลงทุนเลย การแข่งขันเยอะ ปัจจัยเสี่ยงเพียบ

ถ้า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง ไม่เพิ่มทุนให้เมื่อสองปีที่แล้ว
กลับบ้านเก่าไปนานมากแล้วครับ ... บริษัท ที่มันบริหารกันแบบ
นี้ สวัสดิการแบบนี้ วันๆ คิิดแต่จะซื้อเครื่องบินใหม่ี ...
มันอยู่ได้ก็แปลกแล้วครับ ...

วันไหนที่รัฐบาลไม่มีตังค์เพิ่มทุนให้ THAI วันนั้นล้มละลาย....

พูดในฐานะ ผถห. รายจิ๊บจ้อยที่สุดคนหนึ่ง ...

อารมณ์ประมาณเลี้ยงลูกตามใจจนเคยตัว สปอยส์ลูกจนเสียคนอ่ะครับ

เป็นหุ้นที่ผมไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวอันดับ 1 ในใจเลยทีเดียวครับ
เพราะดูอะไรในปัจจุบันแล้วประมาณการณ์อนาคตไม่เคยถูกเลยครับตั้งแต่ผลกระทบจากภายในและภายนอก
หลายปีที่การท่องเที่ยวบูม THAI ยังขาดทุนซะงั้น

ฟังคุณปิยะสวัสดิ์ ใน Hard topic แล้วเหนื่อยใจ
เอา MD ออก ง่ายกว่า เอาพนักงานออก

แค่เอาพนักงานที่ผิดออก ก็โดนพนักงานฟ้อง แถมยังวิ่งเต้นสารพัด
แต่บทสรุป ก็คือ การบินไทยก็ยังไปต่อไป เพราะระบบหลายๆอย่างถูกปรับให้ดีขึ้น (ถ้าไม่ถูกทำลายในอนาคต)

Hard topic

http://www.dcs-digital.com/moneychannel ... p?listid=5

วันที่ 23 พฤษภาคม 2555
อนาคต THAI โดยสัมภาษณ์คุณปิยะสวัสดิ์

555

น่าจะลำบากใน sector นี้
credit และรายละเอียด http://www.bangkokpost.com/learning/lea ... profitable

ต่อไป PTT ก็จะเป็นอย่างนั้น วัฒนธรรมการเกื้อกูลกัน เป็นวัฒนธรรมที่หยั่งรากลงลึกในความเป็นไทยไปแล้ว สำหรับเรา ประเมินกันระหว่าง การได้เปรียบในเชิงผูกขาดของความเป็นรัฐวิสาหกิจ กับ ปัจจัยลบในเรื่องการเมืองแทรกแซง และ องค์กรที่ปลูกฝังกันด้วยระบบอุปถัมป์ ส่วนไหนมันหนักเบากว่ากัน และ ราคาที่ตลาด ณ เวลานั้น

ต่ออีกครับ
airline ใน asia pacific กำไรหด 47%
credit http://www.bangkokpost.com/business/avi ... -last-year

คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ แกยังเคยบ่นว่า ถ้าทำได้แกขอให้ พี่น้องตระกูล ไรต์
ไม่สามารถ นำเครื่องบินขึ้นบินได้ แกบอกว่า ธุรกิจสายการบินเป็นธุรกิจที่มี
ลงทุนสูงมาก แข่งขันสูงมาก และระยะยาวนักลงทุนก็จะไม่เหลืออะไร ดูแนวโน้ม
ทั้งราคาน้ำมัน และเคยได้ยินมาว่า การบินไทย เงินเดือนและสวัสดิการ ดีมากกกก
เกินไป ถ้าเป็นบริษัทเอกชนทั่วไปคง ม้วนเสื่อไปนานแล้ว

ครุฑอินโดที่ตัวเลข operations น่าสนใจนะครับ
แต่หาตัวเลขทางการเงินอ่านยังไม่ได้ error 404 ตลอด ที่พออ่านได้ ก็ดันเป็นภาษาอินโด

http://www.garuda-indonesia.com/gi_us/A ... ators.page?

http://manager.co.th/lite/ViewNews.aspx ... 0000064997

DD การบินไทย
โดย ชัยอนันต์ สมุทวณิช 27 พฤษภาคม 2555 16:20 น.
Share16

บริษัท การบินไทย เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่สุด มีคนทำงานประมาณ 25,000 คน การที่บริษัทมีขนาดใหญ่ จึงต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรไว้มาก ธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง มีการตัดราคากันมาก ดังนั้นการตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ต้องมีการวางแผนการใช้เครื่องบินที่ดีด้วย กล่าวคือ มีการใช้เครื่องบินให้คุ้มค่า มีการทำงานที่ตรงต่อเวลา และรู้จักใช้ประโยชน์จากการหาเวลาบินที่ดี โดยปกติแล้วเส้นทางการบินแต่ละเส้นทางทำรายได้ต่างกัน สำหรับการบินไทยแล้ว เส้นทางกรุงเทพฯ-ฮ่องกง เป็นเส้นทางที่ทำกำไรให้มากที่สุด

ธุรกิจการบินไม่เหมือนกับธุรกิจอื่น ตรงที่เมื่อเครื่องบินขึ้นไปแล้วก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้อีก ดังนั้นสิ่งที่เรียกว่า เคบิน แฟคเตอร์ จึงมีความสำคัญ คือดูว่าจำนวนที่นั่งเต็มมากเท่าใด ส่วนใหญ่หากเกินร้อยละแปดสิบก็ถือว่าดีมากแล้ว

การบินไทยเป็นสายการบินที่มีคนนิยมมาก เพราะมีบริการที่ดี มีพนักงานต้อนรับที่ยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมที่จะให้การบริการ มีสจ๊วตคนหนึ่งป๊อปปูล่ามากถึงกับร้องเพลงเต้นระบำแขกเวลามีคนอินเดียขึ้นเครื่อง แต่การเป็นพนักงานต้อนรับนี่ ก็ต้องอดทนอย่างมาก ผู้โดยสารบางคนเมาแล้วก็ลวนลาม บางคนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเท้าด้วย

แต่หนุ่มสาวไทยก็ใฝ่ฝันที่จะเป็นพนักงานการบิน เพราะนอกจากจะได้ท่องเที่ยวโดยไม่ต้องเสียค่าเครื่องบินแล้ว ก็ยังได้เงินค่าเบี้ยเลี้ยงแยะหากได้บินไปยุโรปบ่อยๆ เดือนหนึ่งก็ได้เงินเหยียบแสน แม้เงินเดือนจะน้อย แต่ค่าเบี้ยเลี้ยงแยะ พนักงานส่วนใหญ่อาศัยเงินเบี้ยเลี้ยงผ่อนบ้านผ่อนรถ

พวกพนักงานไม่ชอบกินอาหารบนเครื่อง แต่นิยมพกมาม่าไปต้มกินกัน ผมเองบางทีก็เบื่อเพราะอาหารแม้จะดูดี แต่ก็ไม่อร่อย นึกอยู่ว่าทำไมเขาไม่ทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าบ้าง หรือมันเป็นของพื้นๆ เกินไป แม้แต่เมนูยอดฮิตของนักกอล์ฟคือ ข้าวกะเพราะไก่ไข่ดาวก็ไม่มี สิ่งที่ผมชอบที่สุดเห็นจะเป็นชามะนาวที่รสกลมกล่อมมาก ในระยะยาวถ้านั่งชั้นหนึ่งหรือชั้นธุรกิจ ก็จะได้ทานอาหารดีหน่อย

คนการบินไทยจะมีความภักดีต่อบริษัทสูง พวกพนักงานพากันพูดว่า บริษัทมีบุญคุณ พวกเขาอยู่มาได้มีบ้าน มีรถ ตั้งครอบครัวได้ก็เพราะบริษัท ด้วยเหตุนี้จึงมีความสามัคคีสูง มีสหภาพที่เข้มแข็ง คนทำงานในสหภาพมีความกระตือรือร้นในการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ขององค์กรนี้ นั่นก็คือเต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันกันในสำนักงานใหญ่ และมีการปล่อยข่าวซุบซิบนินทา และมีใบปลิวอยู่ตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศของการทำงานเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริหารสูงสุด

แต่ก็คุ้ม เพราะสิทธิประโยชน์ที่ผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปมีดีมาก เช่น การนั่งเครื่องฟรีในชั้นธุรกิจ ในสมัยก่อนบริษัทยังจ่ายภาษีให้อีกต่างหาก และหากใครไม่หยุดตามวันที่มีสิทธิหรือใช้วันหยุดไม่หมด ก็ได้เงินชดเชย

ผู้บริหารสูงสุดเรียกว่า DD ไม่มีใครรู้ว่าย่อมาจากอะไร นัยว่าเรียกกันมาตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งยังทำงานร่วมกันอยู่ในสมัยก่อน DD เป็นลูกหม้อคนในบริษัทให้ความนับถือ รักใคร่ ที่มีชื่อเสียงก็คือ คุณฉัตรชัย บุญยะอนันต์ และกัปตันโยธิน ภมรมนตรี ลูกหม้อคนหลังสุดก็คือ คุณพิสิฐ กุศลาไสยานนท์ ซึ่งขึ้นมาจากผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ สไตล์การทำงานของคุณพิสิฐเรียบๆ ซื่อสัตย์ ยึดกฎระเบียบ ไม่หวือหวา แต่กระนั้นเมื่อมีการเมืองเข้ามาก็พยายามเอาคุณพิสิฐออก

ผู้ที่เข้ามาแทนคือคุณกนก อภิรดี เป็นคนที่แอคทีฟ และมีความคิดริเริ่ม มีพลังสูง และมีฝีมือทางด้านการตลาด สัญลักษณ์ของคุณกนกก็คือ จะจดบันทึกในกระดาษโน้ต และสั่งงานโดยส่งกระดาษโน้ตนั้นแจกผู้ร่วมงาน กนกมักคิดโครงการใหญ่ๆ เสมอ และชอบไปเยี่ยมลูกน้องตามหน่วยต่างๆ แม้เขาจะไม่ใช่ลูกหม้อ แต่คนในบริษัทก็มีความรักใคร่มาก

เมื่อการบินไทยขาดทุน ก็มีผู้บริหารเก่งๆ เข้ามาเป็นบอร์ดหลายคน เช่น ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย เป็นต้น ในระยะหลังๆ ก็มีคุณพิชัย ชุณหวชิร จากการปิโตรเลียม ในที่สุดก็มีการสรรหาเอาดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เข้ามา ดร.ปิยสวัสดิ์เป็นคนเก่ง จบมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ มีการอบรมที่ดี สุภาพ และที่สำคัญก็คือซื่อสัตย์ ดร.ปิยสวัสดิ์เข้ามาดำเนินการรัดเข็มขัดตัดรายจ่ายลงจนบริษัทฟื้นตัว แต่ก็กระทบผลประโยชน์ของพนักงานมากทั่วทั้งองค์กร ทำให้พนักงานไม่ชอบ และตั้งชื่อใหม่ให้ว่า “ปิยประหยัด” และในที่สุด ดร.ปิยสวัสดิ์ก็ไม่ได้รับการจ้างต่อ เป็นที่น่าเสียดาย และต่อไปก็ไม่แน่ว่าจะมีใครที่เข้ามาทำงานได้ดีเท่ากับดร.ปิยสวัสดิ์

ภาพของการบินไทยเป็นภาพขององค์กรที่มีการเมืองเข้าไปแทรกแซงมาก และมีการแสวงหาผลประโยชน์สูง เมื่อพ้นดร.ปิยสวัสดิ์ไปแล้ว คนที่เข้ามาใหม่ก็คงจะต้องได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายการเมือง ซึ่งถ้าจะพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมแล้ว ก็จะต้องเป็นคนที่ทักษิณเลือกหรือไม่ก็เห็นชอบด้วย

กาแฟดำ BY สุทธิชัย หยุ่น

กรรมการผู้จัดการห้ามเถียงบอร์ด? ความผิดคือปลดออก?

ผมพยายามจะทำความเข้าใจ กับเหตุผลของคณะกรรมการการบินไทย ที่ปลด “ดีดี” ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์

ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เพื่อประเมินว่าคนที่มาดำรงตำแหน่งใหม่จะต้องเผชิญกับปัญหาเดียวกันหรือไม่

เพราะผมกลัวจริงๆ ว่าคนกล้าคนเก่งใครคนไหนจะอาสามาเป็นผู้บริหารของสายการบินแห่งชาติ ถ้าหากมีการประเมินแล้วสอบผ่านด้วยคะแนนดี แต่ถูกให้ออกเพราะมีปัญหา “สื่อสารกับคณะกรรมการบริษัท”

หมายความว่าใครที่ “สื่อสาร” กับบอร์ดได้ดี แต่ประเมินผลงานไม่ผ่านอาจจะยังอยู่ในตำแหน่งนี้ได้กระนั้นหรือ?
ที่ต้องสนใจเหตุผลจริงๆ ที่บอร์ดปลดกรรมการผู้จัดการเพราะการบินไทย นอกจากจะเป็นรัฐวิสาหกิจแล้วก็ยังเป็นบริษัทมหาชนที่มีหุ้นซื้อขายในตลาด

แปลว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยรายใหญ่ที่ไม่ใช่กระทรวงการคลัง จะต้องมีสิทธิมีเสียงในการรับรู้ว่าสาเหตุของปัญหาของฝ่ายบริหารคืออะไรกันแน่

หาไม่แล้วสายการบินแห่งชาติก็อาจจะโดนมองว่าขาดธรรมาภิบาลและการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐานสากล ดั่งที่ผู้คนคาดหมาย

แต่พอแถลงการณ์ทางการออกมาบอกว่า สาเหตุจริงๆ ที่บอร์ดปลดคุณปิยสวัสดิ์ นั้นเพราะ “ดีดี” คนนี้เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติโครงการจัดซื้อเครื่องบิน New Generation จำนวน 12 ลำมูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาทเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 โดยเสนอเป็นวาระจร ส่งผลให้ที่ประชุมไม่มีเวลาศึกษารายละเอียดล่วงหน้า ทั้งๆ ที่เป็นโครงการลงทุนมูลค่าสูง มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจและสถานะการเงินในอนาคต และยังเกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรีซึ่งต้องใช้ความรอบคอบและระมัดระวังในการพิจารณาเป็นพิเศษ โดยฝ่ายบริหารให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน จึงต้องเสนอเป็นวาระจร

แถลงการณ์ที่ออกโดยบอร์ดฉบับนี้บอกต่อว่า

“คณะกรรมการได้พิจารณารายละเอียดโดยสอบถามข้อมูลนายปิยสวัสดิ์ และผู้บริหารระดับสูง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวางจนเกิดประเด็นว่า คณะกรรมการจะไม่มีอำนาจอนุมัติการซื้อเครื่องบินดังกล่าวหากไม่เป็นไปตามหลักการของมติ ครม. วันที่ 20 เมษายน 2554 ซึ่งเห็นชอบโครงการจัดหาเครื่องบินปี 2554-2565 รวม 75 ลำ และการบินไทยจัดหาแล้ว 37 ลำ คงเหลือการจัดหาระยะที่ 2 อีก 38 ลำ...”

แถลงการณ์บอกว่า "คุณปิยสวัสดิ์ ยืนยันว่า การจัดซื้อเครื่องบิน 12 ลำนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการบินไทย และขอให้บันทึกความเห็นในรายงานการประชุมว่าการที่คณะกรรมการไม่อนุมัติจัดซื้อเป็นการไม่ให้ความเห็นชอบต่อวิธีการที่ดีที่สุด และมีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการบินไทย...แต่คณะกรรมการมีความเห็นขัดแย้งกับนายปิยสวัสดิ์....คณะกรรมการไม่มั่นใจอย่างมากที่จะให้นายปิยสวัสดิ์ ร่วมผลักดันแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ เพราะเมื่อคณะกรรมการมีข้อทักท้วง แทนที่นายปิยสวัสดิ์จะรับข้อทักท้วงไปพิจารณาให้รอบคอบ แต่กลับยืนยันว่าความคิดเห็นของตนเท่านั้นที่ดีที่สุดสำหรับการบินไทย และขอให้บันทึกความเห็นในลักษณะที่เป็นการติติงทางลบต่อแนวทางของคณะกรรมการ..."

แถลงการณ์ฉบับนี้เขียนตอนท้ายที่อ่านดูแล้วเป็นภาษาที่ค่อนข้างแปลกเอาการสำหรับ “บอร์ด” เพราะอ้างว่า
“แม้ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ การบินไทยจะมีกำไร แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และยังคงเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ภาวะเศรษฐกิจโลก และวิกฤติหนี้ในยุโรป นอกจากนั้น การบินไทยเคยขาดทุนสูงถึง 21,450 ล้านบาทในปี 2551 หรือก่อนที่คณะกรรมการชุดนี้จะรับตำแหน่ง แต่คณะกรรมการและฝ่ายบริหารได้ร่วมกันจัดทำแผนฟื้นฟู จนสามารถแก้วิกฤติต่างๆ ก่อนที่นายปิยสวัสดิ์จะรับตำแหน่งในเดือนตุลาคม 2552 โดยในปีดังกล่าวการบินไทยมีกำไร 7,344 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าการสร้างผลกำไรให้การบินไทย ไม่ได้เป็นผลงานของผู้ใดผู้หนึ่ง...”

ผมอ่านแล้วก็ไม่เห็นว่าเหตุผลจริงๆ ของบอร์ดที่ปลดคุณปิยสวัสดิ์นั้น คืออะไรกันแน่...ผลงานที่ให้สอบผ่านนั้นไม่ใช่ผลงานของนายปิยสวัสดิ์คนเดียว บอร์ดคนอื่นๆ ก็เก่งไม่แพ้กัน

หรือเพราะคุณปิยสวัสดิ์ มีความเห็นว่าควรจะซื้อเครื่องบินชุดใหม่ แต่บอร์ดไม่เห็นด้วย แล้วปลดเลย?

ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุมีผล เพราะไม่ว่าบอร์ดบริษัทไหนก็ตาม จะต้องพิจารณาข้อเสนอของกรรมการผู้จัดการว่าเห็นพ้องด้วยหรือไม่ และหากไม่เห็นด้วย ก็จะต้องให้ไปศึกษาใหม่ และหากกรรมการผู้จัดการคนนั้นขอให้บันทึกความเห็นของเขาในรายงานการประชุมก็เป็นเรื่องปกติ เพราะแม้จะไม่ขอให้บันทึก, หน้าที่ของเลขาฯ ในที่ประชุมก็จะต้องบันทึกความเห็นและเหตุผลในที่ประชุมอยู่แล้ว

บอร์ดที่ไหนสั่งปลดกรรมการผู้จัดการ เพียงเพราะเสนออะไรที่บอร์ดไม่เห็นด้วย? ความจริง บริษัทไหนโดยเฉพาะที่กรรมการผู้จัดการกล้าเสนออะไรที่บอร์ดเห็นแย้งและพร้อมจะถกแถลงกับกรรมการคนอื่นๆ ย่อมถือว่าเป็นผู้ทำหน้าที่แทนผู้ถือหุ้นและพนักงานอย่างแข็งขัน

กรรมการผู้จัดการที่ “หงอ” ต่อบอร์ดในทุกเรื่องนั่นซิควรจะเข้าข่ายน่าสงสัยว่าขาดความสามารถและกล้าหาญทางการบริหารหรือไม่

กรรมการผู้จัดการคนไหนเถียงบอร์ดถูกปลดเลยหรือ? บอร์ดทุกคนเห็นต่างกับกรรมการผู้จัดการเลยหรือ? บริษัทมหาชนไหนเขามีระเบียบอย่างนี้บ้าง?