Thai VI

การที่ bgh ซื้อหุ้นบริษัทในเครือมันไม่น่าแปลกอะไร ออกกระเป๋าซ้าย เข้ากระเป๋าขวา จะซื้อถูกซื้อแพงก็ไม่เป็นไร เรือล่มในหนอง...

แต่การเข้าซื้อหุ้น RAM นี่สิครับ...

6. มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) (รพ. รามคำแหง) จากผู้ถือหุ้นเดิมของ รพ. รามคำแหง รวมเป็นจำนวนไม่เกิน 2,400,000 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ รพ.รามคำแหง ในราคาหุ้นละไม่เกิน 150 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 360,000,000 บาท

กดราคาซื้อในราคาที่ต่ำมากครับ การ deal แบบนี้สำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อย ถือว่าเสียเปรียบมากๆนะครับ หรือพี่ๆว่ายังไง ครับ ผมคงถูกบังคับถือยาว.ว.วมากๆแล้วละครับ

ผมว่าคงเป็นราคาที่ BGH อยากจะซื้อ และตกลงกันแล้วภายใน
แต่คงไม่มีรายย่อยขายให้ในกระดานที่ 150
น่าจะเป็นการตกลงกันระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่กันเอง
ราคาในกระดานควรจะสะท้อนผลประกอบการ และแนวโนม้ธุรกิจ
ซึ่งผมว่า กำไร และแนวโนม้ RAM ยังดีต่อครับ
ถ้าไม่ดี BGH ไม่สนใจอยากจะได้หรอกครับ

ผู้บริหารรามฯ ออกมาปฎิเสธข่าวนี้ครับ

28 มิถุนายน 2547

เรื่อง ชี้แจงกรณี บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ซื้อหุ้นบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน)

เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ตามที่ BGH (บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท BGH จะทำการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) (โรงพยาบาลรามคำแหง) จากผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 2,400,000 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่าย นั้น

ทางฝ่ายบริหารของ บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงว่า ไม่เคยทราบข้อมูลเรื่องการเข้าซื้อหุ้นจำนวนนี้มาก่อนแต่อย่างใด และกลุ่มผู้บริหารไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายหุ้นจำนวนดังกล่าว

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ
นายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์
กรรมการผู้จัดการ

แต่ bgh ออกมาให้ข่าวดังนี้

บริษัทจะดำเนินการซื้อหุ้นของรพ. รามคำแหง จำนวนไม่เกิน 2,400,000 หุ้น โดยบริษัทจะดำเนินการซื้อจาก นายวัลลภ อธิคมประภา จำนวน 417,200 หุ้น และ นายสาธิต วิทยากร จำนวน 550,000 หุ้น ภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมติอนุมัติ และบริษัทจะดำเนินการซื้อหุ้นของรพ. รามคำแหง จากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ จำนวนไม่เกิน 1,432,800 หุ้น ภายหลังจากคณะกรรมการของบริษัทมีมติอนุมัติในครั้งนี้

() คู่สัญญาที่เกี่ยวข้องและความสัมพันธ์กับบริษัทจดทะเบียน

ผู้ซื้อ: บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)

ผู้ขาย: (1) นายวัลลภ อธิคมประภา มีความสัมพันธ์กับบริษัทคือ เป็นกรรมการ และผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท

(2) นายสาธิต วิทยากร มีความสัมพันธ์กับบริษัทคือ เป็นผู้ช่วย กรรมการผู้
อำนวยการใหญ่ของบริษัท และ

(3) ผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ ของรพ. รามคำแหง (ผู้ซึ่งมิใช่บุคคลที่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546) .......


เอ..ผมว่ามันยังไงๆอยู่นะครับ เข้าข่ายเกลือเป็นหนอนมั้ยครับ เพราะเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไม ทั่นผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท ทั้ง 2ท่าน จึงไม่แจ้งให้ผู้บริหารรับทราบ มันน่าจะมีลับลมคมในนะครับ

"ที่เหลือจะซื้อจากผู้ถือหุ้นรายย่อย..." รายย่อยคนไหนจะยอมขายในราคาต่ำกว่า 150 บ.ละครับ ผมคนหนึ่งละครับที่ไม่ขายเด็ดขาด !

.......สงสัยต้องมาเก็บ หุ้น BGH แทน

ในท้ายที่สุด ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนก็ถึงผนึกกำลังรวมกัน เมื่อ ร.พ.กรุงเทพถือหุ้น 100% ใน ร.พ.สมิติเวช แล้วจับมือร่วมเปิดศึกเชิงธุรกิจสู้กับ ร.พ.บำรุงราษฎร์ เป็น ร.พ.กรุงเทพ ที่ไตรมาสแรก ปีนี้มีทรัพย์สินรวม 6,452 ล้านบาท หนี้สินรวม 2,877 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 384.47 ล้านบาท เป็น ร.พ.สมิติเวชที่ไตรมาสแรกปีนี้มีทรัพย์สินรวม 2,916 ล้านบาท หนี้สินรวม 2,008.10 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 17 ล้านบาท

จาก..นสพ.ผู้จัดการ คอลัมน์ลัดดาซุบซิบ 28/มิย.47

คนขาย RAM ให้ BGH ก็พรรคพวกกันเองกับ ผู้บริหารฺ BGH
ถ้าให้ราคาแพง ก็คงจะชี้แจงลำบาก
เอาเป็นว่า ผมยังเห็นว่า RAM ยังดีอยู่ครับ
อย่างไรเสีย BGH ก็สนใจลงทุน และน่าจะถือเป็นพันธมิตรกัน
ส่วนหุ้นอีก ล้านกว่าที่จะซื้อจากรายย่อย
ผมเองก็ไม่เห็นว่าใครจะขายนะครับ ราคา 150
คงจะได้เท่าที่มีจาก 2 ท่านนั่นแหละครับ

แล้วBGHจะเอาRAMออกจากตลาดด้วยหรือไม่หรือRAMยังคงซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนเดิมครับขอบคุณมากครับ

คงเอาออกไม่ได้หรอกคับ

ผมถามคุณหมอเอื้อชาติแล้วครับ ได้คำตอบเท่าๆที่กลต.แจ้งต่อสาธารณะ ( คุณหมอไม่ยอมบอกมากกว่านั้น )

ก็เลยต้องคิดเอง ข้อมูลที่ประกอบการคิดได้แก่

1. เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน มีการซื้อขาย big lot ของ RAM ที่ราคา 140 บาท จำนวน 280,000หุ้น

2.จากข้อมูลการซื้อขายของผู้บริหาร คุณหมอเอื้อชาติซื้อ RAM ที่ราคา 177 บาท 25,000 หุ้น

3.แนวโน้มธุรกิจโรงพยาบาลดีขึ้นเรื่อยๆ จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และไม่มีโรงพยาบาลเอกชนคู่แข่งใหม่ๆ ใหญ่ๆ เกิดขึ้น

4.รัฐบาลก็พยายามผลักดันให้เมืองไทยเป็น HUB ด้านสุขภาพของเอเซีย สอดรับกับข่าวที่รายจ่ายด้านสุขภาพของต่างชาติในเมืองไทยสูงกว่าสิงคโปร์เป็นปีแรก

5.ขณะนี้ พรก.เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการอยู่ในระหว่างระดมความคิดเห็น โดยส่งมาตามโรงพยาบาลของรัฐ ว่าเห็นด้วยใหม ถ้าจะเพิ่มเพดานวงเงินของผู้ป่วยในที่รักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลเอกชน จากไม่เกินครั้งละ 3,000 บาท เป็นไม่มีเพดาน

ถ้า พรก.นี้ผ่าน รพ.เอกชนก็รับประโยชน์ไปเต็มๆ

สรุปแล้วผมเห็นด้วยกับคุณ RAM ว่าไม่มีใครขายให้หรอกครับ
ก็เลยเกิดคำถามว่า BGH ออกข่าวนี้มาทำไม คุณหมอเอื้อชาติก็บอกว่า " ไม่ทราบ " ลูกเดียว แหะๆ

"ก็เลยเกิดคำถามว่า BGH ออกข่าวนี้มาทำไม คุณหมอเอื้อชาติก็บอกว่า " ไม่ทราบ " ลูกเดียว แหะๆ"

นั่นหนะสิครับคุณสามัญชน BGH ออกข่าวนี้มาทำไม? หรือต้องการให้รายย่อยตกใจเทขายออกมา อิ อิ อิ ผมว่ารายย่อยจะยิ่งกอดไว้ไม่ปล่อยตังหาก เพราะแสดงว่าของเราดีจริงจึงมีคนอยากได้ 8) RAM ไม่ใช่หุ้นตลาดและขาดสภาพคล่อง ดังนั้นผู้ที่ถือหุ้น RAM ส่วนใหญ่น่าจะเป็นนักลงทุนจริงๆ

แต่ไม่แน่การที่เขาออกข่าวมาใหญ่โตขนาดนี้ โดยคุยว่าจะเป็นบริษัทที่มี market share 15 % นั้น เป็นการข่มขวัญคู่ต่อสู้ก็ได้

เอ..อย่างนี้รายย่อยอย่างไรก็คงต้องรอดูว่าเขาจะสามารถซื้อหุ้นที่เหลือจากรายย่อยในราคาต่ำกว่า 150 บ. จากใครอีกได้อีก หรือสุดท้ายผู้บริหารยอมขายโดยเป็นการแลกหุ้นกัน ??? win win ทั้งคู่

คงต้องออกข่าวแหละครับ
เพื่อภาพที่ดี การที่ BGH ซื้อหุ้นจากกรรมการของบริษัทเอง
หากซื้อแพงก็จะแลดูไม่ธรรมมาภิบาล
และผมว่าต้นทุนของกรรมการทั้ง 2 ก็ไม่น่าแพง (ไม่เกิน 100)
ส่วนว่าหากจะออกข่าวว่าซื้อเฉพาะแต่ของกรรมการ 2 ท่านก็จะแลไม่ดี
ก็เลยต้องออกข่าวจะซื้อซัก RAM 20 %
เพื่อเปิดโอกาศกับคนอื่น ไม่ถูกมองว่าเอาแต่เฉพาะกรรมการ
เอาเข้าจริงๆ ก็ได้เท่าที่ว่านั่นแหละ
แต่อย่างไรเสีย BGH และ RAM ก็ดูจะเป็นพันธมิตรกันหละ
และธุรกิจ รพ กำลังไปได้สวยครับ

คุณ rammมีมุมมองเหมือนคุณ invisible hand ปรมาจารย์ของผมเลยครับ

ตอบกลับโดย : Invisible_hand
เมื่อ 28/06/2004 , 21:30:48 »
--------------------------------------------------------------------------------
ข่าวที่ bgh แจ้งตลาดมีอย่างนี้นะครับ

บริษัทจะดำเนินการซื้อหุ้นของรพ. รามคำแหง จำนวนไม่เกิน 2,400,000 หุ้น โดยบริษัทจะดำเนินการซื้อจาก นายวัลลภ อธิคมประภา จำนวน 417,200 หุ้น และ นายสาธิต วิทยากร จำนวน 550,000 หุ้น ภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมติอนุมัติ และบริษัทจะดำเนินการซื้อหุ้นของรพ. รามคำแหง จากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ จำนวนไม่เกิน 1,432,800 หุ้น ภายหลังจากคณะกรรมการของบริษัทมีมติอนุมัติในครั้งนี้

() คู่สัญญาที่เกี่ยวข้องและความสัมพันธ์กับบริษัทจดทะเบียน

ผู้ซื้อ: บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)

ผู้ขาย: (1) นายวัลลภ อธิคมประภา มีความสัมพันธ์กับบริษัทคือ เป็นกรรมการ และผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท

(2) นายสาธิต วิทยากร มีความสัมพันธ์กับบริษัทคือ เป็นผู้ช่วย กรรมการผู้
อำนวยการใหญ่ของบริษัท และ

(3) ผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ ของรพ. รามคำแหง (ผู้ซึ่งมิใช่บุคคลที่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546) .......

ตอบกลับโดย : Invisible_hand
เมื่อ 28/06/2004 , 21:38:06 »
--------------------------------------------------------------------------------
คุณ วัลลภ อธิคมประภา และคุณ สาธิต วิทยากร เป็นผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร bgh ครับ แต่เข้าไปถือหุ้น ram มาค่อนข้างนานจำนวนมากพอสมควรแล้วแต่ผมไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ แต่ที่พอเดาได้ว่าต้นทุนของทั้ง 2 คนต่ำกว่า 100 บาทแน่นอนครับ

ผมเองไม่ทราบจุดประสงค์การเข้าซื้อ ram ของ 2 ท่านนี้นะครับ แต่ deal นี้เป็นการซื้อ ชาย ระหว่าง bgh และ 2 ท่านนี้ โดยตกลงราคากันที่ 150 บาท ซึ่งเป็นราคาที่น่าจะพอใจกันทั้ง 2 ฝ่าย เพราะฝั่งคนขายก็มีกำไรมากในระดับหนึ่ง แม้จะขายถูกกว่าในตลาดก็ตาม และฝั่งคนซื้อ คือ bgh ก็ซื้อได้ถูกกว่าในตลาด และไม่ตกเป็นที่ครหาว่ามาซื้อหุ้นจากผู้บริหารเหมือนเป็นการผ่องถ่ายเงิน การได้ซื้อหุ้น ram ที่ 150 บาทซึ่งถูกกว่าราคาตลาดค่อนข้างมากและคิดเป็น p/e ต่ำกว่า 10 เท่าก็น่าจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น bgh เช่นกัน

ดังนั้นราคา 150 บาทนี้จึงไม่สามารถเป็น benchmark ที่จะบอกอะไรได้และจำนวนที่ bgh ซื้อก็ไม่ได้มากพอที่จะถอน ram ออกจากตลาดได้เพราะผู้บริหาร ram ไม่ได้ขายออกมา และก็ไม่แปลกใจว่าทำไม่ผู้บริหาร ram ไม่ทราบข่าวนี้เพราะเป็น transaction ที่ bgh กับผู้บริหารทำกันเอง

และนี่น่าจะเป็นคำตอบเกี่ยวกับ big lot ของ ram ที่คุณจิ๊กถามมาด้วยนะครับ

และการซื้อ ram ของ bgh ก็ไม่ได้ถือเป็นการ hostile takeover ครับเพราะผู้บริหาร 2 ฝั่งนี้เป็นพันธมิตรกันในระดับหนึ่งครับ เท่าที่ผมทราบนะครับ

ramm เขียน:คงต้องออกข่าวแหละครับ
เพื่อภาพที่ดี การที่ BGH ซื้อหุ้นจากกรรมการของบริษัทเอง
หากซื้อแพงก็จะแลดูไม่ธรรมมาภิบาล
และผมว่าต้นทุนของกรรมการทั้ง 2 ก็ไม่น่าแพง (ไม่เกิน 100)
ส่วนว่าหากจะออกข่าวว่าซื้อเฉพาะแต่ของกรรมการ 2 ท่านก็จะแลไม่ดี
ก็เลยต้องออกข่าวจะซื้อซัก RAM 20 %
เพื่อเปิดโอกาศกับคนอื่น ไม่ถูกมองว่าเอาแต่เฉพาะกรรมการ
เอาเข้าจริงๆ ก็ได้เท่าที่ว่านั่นแหละ
แต่อย่างไรเสีย BGH และ RAM ก็ดูจะเป็นพันธมิตรกันหละ
และธุรกิจ รพ กำลังไปได้สวยครับ

แม่นยังกับตาเห็นครับผม
คุณ ramm เยี่ยมมากๆ
ไม่ได้เข้า เวปนี้มานานมากกก
ขอชมจริงๆ :lol:

ขอบคุณครับคุณ Fitch ที่ชม
ผมเองก็ว่าไปตามเนื้อผ้าครับ
ไปอ่านความเห็นคุณอินวิ ที่ greenbull ว่า
BGH ซื้อ SVH แพงไป ก็เห็นด้วยนะครับ
ส่วนความเห็นผมเองเรื่องการรวมกันของ BGH ครั้งนี้
แลดูตื่นเต้น ใหญ่โต แต่ผมเองหลังจากสงบสติอารมณ์แล้วคิด
พบว่า อันที่จริงก็เป็นแค่การรวมลูกๆ มาอยู่ด้วยกันเท่านั้น
ฺBGH ถือหุ้น SVH อยู่แล้ว และลูกๆคนอื่นอยู่
การรวมกันก็ไม่น่าจะเกิดประโยชนใหม่มากนัก
กลุ่มลูกค้า BGH และ SVH ก็น่าจะระดับเดียวกัน
การรวมกันที่ีน่าจะตื่นตา ถ้ามี ผมว่า RAM+BH
จะเป็นการเก็บฐานลูกค้ากระจายหลายระดับ
และน่าจะเกิดประโยชนใหม่ๆ เช่นการสามารถใช้ประโยชนทีมแพทย BH
ในฐานที่กว้างขึ้นจากเครือข่าย RAM
ก็เป็นแค่คิดเล่นๆ ของผมคนที่ไม่ใช่หมอครับ

ผมว่าเป้าหมายหลักในการรวมของ BGH SVH และโรงพยาบาลในเครืออีก 3 แห่งเป็นการรวมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันตามนโยบาย medical hub

และทำให้บริษัทมี market cap ที่ใหญ่ขึ้น มีสภาพคล่องมากขึ้น ทำให้น่าสนใจในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น ทำให้ง่ายต่อการระดมทุนที่ปลอดดอกเบี้ยมาขยายปรับปรุงกิจการ เพื่อลดภาระรายจ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ปัญหาอยู่ที่การลงทุนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายของกลุ่มโรงพยาบาลนี้เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่ ในอดีต BGH เคยมีผลประกอบการขาดทุนตอนวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนทุก ๆ โรงพยาบาล อนาคตไม่มีใครตอบได้เพราะเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดและเพิ่มหนี้สินมากพอสมควร (ผมไม่ทราบตัวเลขแน่นอนหรอกครับ แต่ดูจากโรงพยาบาลหัวใจที่เกิดใหม่ที่ซอยศูนย์วิจัยแล้ว ไม่รู้ว่าลงทุนไปถึงพันล้านหรือเปล่า?)

ผมเองยังเป็นมือใหม่ มักจะมองอะไรแบบ conservative และไม่กล้ามองอนาคตยาว ๆ นัก ทำให้เป็นข้อจำกัดในการลงทุนแบบ vi เหมือนกันก็ค่อย ๆ ศึกษาอยู่ครับ