หน้า 1 จากทั้งหมด 1
อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 9:37 am
โดย patongpa
ขาดทุนอยู่ 0-10% ของ port อาการจะเซ็งๆ ลังเล ระหว่างจะ cut หรือ ลุ้น ความเครียดช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นความลังเล
ขาดทุนอยู่ 11-20% ของ port เริ่มบ่นๆ เฝ้าคิดหาเรื่องถัวอยู่ ว่า จะเอาเงินมาเฉลี่ยตอนไหนดี ความเครียดช่วงนี้ มาจากหาเงินมาถัว ซะส่วนใหญ่
ขาดทุนอยู่ 21-30% ของ port หน้ามึด ทะเลาะกับแฟนเรื่องเล็กๆน้อยๆ แม้มีความหวังเล็กๆ แต่ก็ยังหงุดหงิดมากอยู่ ตาเริ่มขวาง หงุดหงิด ว่าไปซื้อถัวทำไม
ขาดทุนอยู่ 31-40% ของ port เบื่ออาหาร ท้องผูก ถ่ายไม่ออก เครียดมากว่าทำไมไม่ cut ตั้งแต่ 10%แรก
ขาดทุนอยู่ 41-50% ของ port หน้ามึดตาลาย คล้ายจะเป็นลม หมดเรี่ยวแรง คิดในใจว่าทำไมไปซื้อถัวตอน 20% ทำให้ไม่มีเงินมาซื้อตอนนี้
ขาดทุนอยู่ 51-60% ของ port หวาดระแวง คล้ายจะมีคนมาทำร้าย ทวงหนี้ เริ่มตั้งแต่นี้ เริ่มเป็นจุดวิกฤติ เพราะคนที่ติด เริ่มไม่ cut แล้ว ประมาณว่า สู้ตาย ไม่มีอะไรจะเสีย เครียดว่า ตอนที่ซื้อหุ้นตัวนี้ ไม่น่าเชื่อมาร์หรือเพื่อน หรือกระทู้เลย
ขาดทุนอยู่ 61-70% ของ port เริ่มทำลายข้าวของ ใครมีแฟนติดดอยช่วงนี้ อย่าพึ่งไปทัก ชวนคุยเรื่องสัตว์เลี้ยง ปลา ต้นไม้เป็นต้น เริ่มคิดถึงวัยเรียนว่าทำไมไม่เอาดีทางด้านประกอบกิจการอะไรสักอย่าง
ขาดทุนอยู่ 71-80% ของ port ขอบตาคล้ำ น้ำลายเหนียว ใครพูดอะไรไม่เข้าหู เช่น มีคนชวนไปทานข้าว ยังนึกว่าเค้ามาล้อชื่อแฟน เป็นต้น เริ่มโทษคนที่ชวนมาให้รู้จักตลาดหุ้น
ขาดทุนอยู่ 81-100% ของ port จุดนี้ เป็นจุดกลับตัว ความเครียดหายไป อารมณ์ดี เป็นจุดที่เรียกได้ว่า ล่องลอย จิตใจเบาหวิว ไม่มีสติ จิตใจอยู่ในความฝันตลอดเวลา เพ้อบอกตัวเองว่า สิ่งที่ทำลงไปคือความฝัน อีกแป๊ปเดียวก็ตื่นแล้ว คนที่ติดดอยในช่วงนี้ จะพยายามหนีความเป็นจริง บางทีแยกไม่ค่อยออกระหว่าง ความฝันกับความจริง ชอบพูดเรื่องเก่าๆ สมัย port โต ขึ้น 200% อะไรประมาณนั้น เวลาใครทัก ต้องเรียกหลายทีหน่อยกว่าจะหันมา ไม่ทำอะไร ชอบนั่งเหม่อตรงระเบียง มีเพื่อนในจินตนาการ คุยคนเดียว ทานอาหารได้น้อย ถ่ายไม่เป็นเวลา
จากคุณ : kasimasi
เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 07:35:20
ลอกมาจากพันทิพครับ หวังว่าอ่านแล้วคงพอมีประโยชน์กับพวกเราในยามนี้
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 10:17 am
โดย chukieat30
คนไม่มี MOS ดอยแน่นอนครับ
โดยเฉพาะพวกรายวัน เพราะเค้าจะเอาต้นทุนที่ไหนมาถูกหล่ะครับ ซื้อกันทุกวัน
VI=อัศวิน กฎของอัศวินสายดั้งเดิม โชริวเค็น4ข้อ
1.ใจต้องมั่นคงแน่วแน่ ไม่ดูราคาแค่ รายวัน แต่มองภาพใหญ่ กิจการ (ใจ)
2.หุ้นที่มี เป็นหุ้นที่ยังต่ำกว่า มูลค่าตลาดและทน ต่อ(เรื่องร้ายๆ)ได้ดี (ม้า)
3.หุ้นที่เรามีเราวิเคราะห์ดีแล้ว ยังมีอนาคตและสตอรี่ (ดาบ)
4.หุ้นที่เราถือ เรายังมี MOS >หรือ เท่ากับ 30เปอ+ (โล่ห์)
ขาดใจ คุณก้เป็นแค่ นักรบที่ขาดเขลา
ขาดม้า คุณก้เป็นแค่พลเดินเท้า
ขาดดาบ คุณก้เป็นแค่พลเดินดิน
ขาดโล่หฺ คุณก้ไม่ใช่อัศวิน
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 10:27 am
โดย chukieat30
[quote="patongpa"]ขาดทุนอยู่ 0-10% ของ port อาการจะเซ็งๆ ลังเล ระหว่างจะ cut หรือ ลุ้น ความเครียดช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นความลังเล
มี MOS 11-20% ของ port เริ่มบ่นๆ เพราะใกล้ชนป้อมปราการ(ทุน)
มี mos 21-30% ของ port เริ่มเสียวๆๆแต่ก้ยังไม่กลัว
มี mos 31-40% ของ port ไม่เสียวแต่ก้อาจจะมามองราคาในกระดานบ้าง
มี mos>50 % ของพอรท์ นอนดูหนังฟังเพลง
มี mosser mos>100% ไปเที่ยว พอรท์เป็นไงไม่ต้องมอง
มี mosset mos>300% ดูหนังฟังเพลงทำกับข้าวไปดำน้ำ เล่นสกีตกปลา จัดดอกไม้
เลี้ยงหมาแมวไหว้พระดูดิสนี่ย
เยอะเนอะ มากกว่าเมืองไทยประกันชีวิต สำหรับคนมี mosset
VI เค้าต้องมีโล่ห์ ไม่มีโล่ห์ ก้ไม่ใช่ VI
ไม่มีโล่ห์ เวลาถูกยิง ตายสถานเดียว
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 10:48 am
โดย chitadisai
เคยครั้งนึง จำจนวันตาย
โลภมาก คันมือ ไปซื้อ IEC กะว่าขึ้นช่องเดียวก็ขาย แล้ว
ซื้อมา 0.02
ทนถืออยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ เพราะขายออกไม่ได้ ขายราคาเดิมก็ โวลุ่มหนามากไม่มีทางจะขายได้เลย ต้องขายที่ 0.01
นอนไม่หลับ เครียด ไม่กล้าบอกแฟน
สุดท้าย วัดใจ ขายแบบ ATC
โชคดี หลุดออกมาได้ ในราคาทุน
จำจนวันตายเลยว่าจะไม่เก็งกำไรอีก ไม่เจอกับตัวไม่เก็ทจริงๆ
ทุกวันนี้ ขยะแขยง การเก็งกำไรขึ้นหัวเลย
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 10:54 am
โดย picatos
เห็นด้วยว่าจริง ความกลัว มันทำให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้น คำถามคือ เราจะทำยังไงเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว
อย่างที่พี่ chukieat30 บอกว่า ซื้อหุ้นที่มี MOS ยังไงก็ไม่ติดดอย... ข้อนี้ผมเห็นว่าจะไม่จริง เพราะ ผมซื้อหุ้นที่ผมคิดว่ามี MOS แล้วก็ติดดอยอยู่บ่อยๆ เพราะ valuation มัน dynamic และเป็น subjective ดังนั้น MOS ก็ dynamic และ subjective เช่นเดียวกัน วันเวลาเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป มุมมอง และใจของเราเปลี่ยนไป MOS ก็เปลี่ยนไป แถมการที่ซื้อหุ้นที่ MOS ไม่ได้หมายความว่าในระยะสั้นจะไม่ขาดทุนอีกต่างหาก
ดังนั้นสภาวะเหล่านี้เกิดขึ้นแน่ๆ หากได้เข้ามาลงทุนถึงจุดหนึ่ง...
คำถามคือ เราจะทำอย่างไร เมื่อความกลัวเกิดขึ้น เราจะทำอย่างไร เมื่อเราความโลภเกิดขึ้น ทำอย่างไร เราถึงจะวิเคราะห์ มองการลงทุนอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอคติ
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 11:47 am
โดย chukieat30
picatos เขียน:เห็นด้วยว่าจริง ความกลัว มันทำให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้น คำถามคือ เราจะทำยังไงเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว
อย่างที่พี่ chukieat30 บอกว่า ซื้อหุ้นที่มี MOS ยังไงก็ไม่ติดดอย... ข้อนี้ผมเห็นว่าจะไม่จริง เพราะ ผมซื้อหุ้นที่ผมคิดว่ามี MOS แล้วก็ติดดอยอยู่บ่อยๆ เพราะ valuation มัน dynamic และเป็น subjective ดังนั้น MOS ก็ dynamic และ subjective เช่นเดียวกัน วันเวลาเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป มุมมอง และใจของเราเปลี่ยนไป MOS ก็เปลี่ยนไป แถมการที่ซื้อหุ้นที่ MOS ไม่ได้หมายความว่าในระยะสั้นจะไม่ขาดทุนอีกต่างหาก
ดังนั้นสภาวะเหล่านี้เกิดขึ้นแน่ๆ หากได้เข้ามาลงทุนถึงจุดหนึ่ง...
คำถามคือ เราจะทำอย่างไร เมื่อความกลัวเกิดขึ้น เราจะทำอย่างไร เมื่อเราความโลภเกิดขึ้น ทำอย่างไร เราถึงจะวิเคราะห์ มองการลงทุนอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอคติ
+1ให้ครับ เมื่อนั่งอ่านที่พี่ picatos ว่าไว้ ถ้ามองอีกที มันก้จริง
ขอบคุณในไอเดียครับ
และขอบคุณที่แชร์เหรียญอีกด้านให้ผมได้รู้ ผมชื่นชมพี่ picatos ตรงที่ อย่างน้อย
ก้เป็นคนตรงไปตรงมาและลงทุนด้วย สติ
ถือว่าเราแชร์แนวคิดกันไปครับ
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 12:37 pm
โดย nut776
mos หรือ upside อะคับ
ถ้า mos คือ ส่วนต่างของราคาเหมาะสม กับ ราคากระดาน
มันต้องมีมิติเวลามาเกี่ยวด้วยไหมคับ
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 7:16 pm
โดย dragonrider
picatos เขียน:เห็นด้วยว่าจริง ความกลัว มันทำให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้น คำถามคือ เราจะทำยังไงเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว
อย่างที่พี่ chukieat30 บอกว่า ซื้อหุ้นที่มี MOS ยังไงก็ไม่ติดดอย... ข้อนี้ผมเห็นว่าจะไม่จริง เพราะ ผมซื้อหุ้นที่ผมคิดว่ามี MOS แล้วก็ติดดอยอยู่บ่อยๆ เพราะ valuation มัน dynamic และเป็น subjective ดังนั้น MOS ก็ dynamic และ subjective เช่นเดียวกัน วันเวลาเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป มุมมอง และใจของเราเปลี่ยนไป MOS ก็เปลี่ยนไป แถมการที่ซื้อหุ้นที่ MOS ไม่ได้หมายความว่าในระยะสั้นจะไม่ขาดทุนอีกต่างหาก
ดังนั้นสภาวะเหล่านี้เกิดขึ้นแน่ๆ หากได้เข้ามาลงทุนถึงจุดหนึ่ง...
คำถามคือ เราจะทำอย่างไร เมื่อความกลัวเกิดขึ้น เราจะทำอย่างไร เมื่อเราความโลภเกิดขึ้น ทำอย่างไร เราถึงจะวิเคราะห์ มองการลงทุนอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอคติ
เมื่อมีความกลัวเกิด หรือ ความโลภ เกิดขึ้น สำหรับผม มันเกิดขึ้นเมื่อผมเห็นราคาและผมเชื่อว่าทุกคน
ก็เป็นเหมือนกันกับผม เพราะเราเคยชินกับราคาและ การเปรียบเทียบคุณค่าด้วยราคาที่เราซื้อมา
ถ้าจะตัดอคติเราต้องลืมราคาที่เราซื้อมามังครับ เราต้องเชื่อมั่นว่าราคาที่เราซื้อมันเหมาะสม แม้ว่าวันนี้ตลาดจะ
ลดราคาให้มันถูกกว่าเดิม เมื่อเราเห็นว่ามันยิ่งถูก แต่ถ้าเรามองว่าสภาพตลาดเหมือนจะแน่น ไปด้วย
พ่อค้าแม่ค้า มาขายของลดราคา ในขณะที่คนมาจับจ่ายบางตา เราจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า หรือเราจะเป็นคนซื้อ
หรือเราจะเป็นแค่คนดูสถานการณ์ เวลานี้ผมมองตลาดก่อน เมื่อตลาดไม่วุ่นวายแล้ว ค่อยเข้าตลาดไปจับจ่าย
แต่บางทีก็อดใจไม่ไหว อาจมีติดไม้ติดมือกลับมาบ้างแต่เพียงเล็กน้อย แก้คันมือครับผม ยังนิสัยเสียอยู่
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 7:55 pm
โดย chitadisai
ขออณุญาตินำ ข้อความของพี่ Montri Nipitvittaya มาให้เพื่อนๆ อ่านนะครับ
เมื่อเศรษฐกิจดูดี ใครๆก็บอกว่ามันดี ซึ่งจริงๆมันก็ดี...การเอาวันนี้ตั้งและมองไปข้างหน้าโดยบวกเรื่องดีๆไว้มากเกินไป ก็อาจทำให้เรา Overconfidentได้...
Expectation Investing นักลงทุนแบบ VI เขามองวันนี้เอาวันนี้เป็นที่ตั้ง และถ้าราคาสมเหตุสมผลก็ลงทุน ไม่บวกอนาคต แต่เอาอนาคตเป็น Margin of safety ....
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 9:11 pm
โดย OutOfMyMind
หาทางทำกำไรให้ได้ตั้งแต่ตอนซื้อ แล้วจะสบายใจ อยู่บนที่ดอนก็สุนทรีย์กับอากาศเย็น อยู่บนที่ลุ่มก็อบอุ่นกับภูมิอากาศ
ปล. แต่อย่าถามผมเลยว่าทำไง เพราะผมก็ยังทำไม่ค่อยจะได้เหมือนกัน
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 11:07 pm
โดย panwasit
เคยขาดทุน 106% ในวันเดียวครับ ไม่ใช่มาร์จิ้น หรือ อนุพัน ด้วย
นึกสนุก ซื้อหุ้น xx 1 บาท มา 100 หุ้น 100บาท ก็ไม่มีอะไรมาก
ค่าโบรก 53 บาท ขาดทุนทันทีที่ซื้อ 33% (ต้นทุน 153 บาท ราคา 100 บาท)
งง เลย ตกใจขาย โดนค่าโบรก โบกหัวไปอีกที 53 บาท
สรุป เงินหายไป 106 บาท จากการลงทุน 100 บาท
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2012 11:50 pm
โดย watkij
อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย) น่าจะอ่านเอาฮามากกว่านะครับ เพราะปกติชาว vi จะซื้อหุ้นสักตัวต้องวิเคราะห์ ไตร่ตรอง
เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง ไม่ได้ซื้อหุ้นตามใครเชียร์ใครบอกโดยไม่ได้ไตร่ตรอง ถึงแม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลงมาเราก็จะมีสติและเหตุผล ไม่น่าจะมีอาการในระดับต่างๆตามเปอร์เซ็นต์ที่ราคาหุ้นตกลงมานะครับ
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2012 12:23 am
โดย KGYF
ผมชอบพี่ patongpa นะครับ
ที่ติดดอยแล้วยังอารมณ์ดีอยู่แบบ ชิล ๆ
มีความสุขกับชีวิตครับ
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2012 2:31 pm
โดย patongpa
ลองติดหุ้นดูสิครับ อาการยังกะคนติดยาบ้า ยิ่งลงมาลึกๆแล้วไม่ได้ขายเนี่ยเหมือนที่คุณ kasimasi เค้าโพสไว้นั่นเลยครับ ผมอ่านแล้วไม่ได้ขำนะแต่สะเทือนลึกๆก้นบึ้งในหัวใจเลย(555ขำตัวเอง)
ตั้งแต่เล่นหุ้นมาติดมันทุกรอบไม่รู้เป็นไร รอบขาลงรอบนี้ก็ติดอีก พยามปล่อยวางครับใช้วิธียิ่งลงยิ่งขาย ทยอยลดพอร์ตตามภาวะตลาด ก็สบายใจไประดับหนึ่ง แต่แปลกนะยิ่งลดมันก็ยิ่งลงตามลงมาอีก ชักจะไม่มีเหลือหุ้นให้ลดพอร์ทแล้วเนี่ย ถ้ายังลงต่อจาทำไงดีฟะ
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2012 2:48 pm
โดย KGYF
patongpa เขียน:ลองติดหุ้นดูสิครับ อาการยังกะคนติดยาบ้า ยิ่งลงมาลึกๆแล้วไม่ได้ขายเนี่ยเหมือนที่คุณ kasimasi เค้าโพสไว้นั่นเลยครับ ผมอ่านแล้วไม่ได้ขำนะแต่สะเทือนลึกๆก้นบึ้งในหัวใจเลย(555ขำตัวเอง)
ตั้งแต่เล่นหุ้นมาติดมันทุกรอบไม่รู้เป็นไร รอบขาลงรอบนี้ก็ติดอีก พยามปล่อยวางครับใช้วิธียิ่งลงยิ่งขาย ทยอยลดพอร์ตตามภาวะตลาด ก็สบายใจไประดับหนึ่ง แต่แปลกนะยิ่งลดมันก็ยิ่งลงตามลงมาอีก ชักจะไม่มีเหลือหุ้นให้ลดพอร์ทแล้วเนี่ย ถ้ายังลงต่อจาทำไงดีฟะ
ผมว่าพี่ปล่อยวางนะดีแล้วครับ อย่าไปเฝ้าจอมากกกกก วันไหนตลาดแดง ๆ อย่าไปเปิดดู ให้ไปหากิจกรรมอย่างอื่นทำ จะได้ไม่เครียด
หุ้นตัวที่เราถือ ถ้าเรายังมั่นใจในพื้นฐาน ก็ถือต่อไป ถึงแม้ราคาจะลงบ้าง ตัวที่พี่ถือ ผมก็มีอยู่นะครับ(ตอนนี้เหลือไม่เยอะ)
ผมเคยเครียดติด siri-w1 เปิดดูพอร์ตทุกวัน ติดลบลงเรื่อย ๆ จนถึง 40 % ทีแรกเครียดครับ เพราะคิดว่าตัวเองคิดผิด
เพราะดูพื้นฐาน และวิเคราะห์มาพอสมควรแล้ว ตอนนั้นเลิกตามราคาหุ้น เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
กลับมาดูราคาอีกที กำไร เด้งกว่า ๆ เกือบ สองเด้ง บร๊ะเจ้าไหม๊ล่ะ
ผม ฟลุค อีกแล้วหรือนี่ เป็น วีไอ ทำไมมันง่าย อย่างนี้
ตัวที่พี่ถือแล้วเครียด พื้นฐานเริ่มเปลี่ยนแล้ว อีกไม่นาน ผมว่าพี่อาจจะคิดว่า(ตรูจะขายไปทำไมว่ะ หุ้นดีๆ รู้งี้ ถืออยู่เฉย ๆ ดีฟ่า)
มีความสุขในการลงทุนครับ
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 20, 2012 1:13 am
โดย viviosmanager
ถือหุ้นได้ปันผล จะกลัวอะไร
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 20, 2012 6:39 am
โดย pat4310
ในโลกธรรม 8 ได้ลาภ เสื่อมลาภเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ที่เราเห็นว่าไม่ธรรมดาก็เพราะยึดว่า "เป็นเงินของเรา"
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 20, 2012 11:04 am
โดย wanidaja
คุณPanwasit ซื้อหุ้นได้ฮามาก
นี่เรียกว่า ซื้อหุ้นเสียไปสองไพเบี้ย(206บาท) นิ่งเสียตำลึงทอง
ลงมือ มิสู้อยู่เฉยจริงๆ
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 20, 2012 4:47 am
โดย chowbe76
viviosmanager เขียน:ถือหุ้นได้ปันผล จะกลัวอะไร
กลัวมันไม่จ่ายปันผลซิ
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 20, 2012 6:48 am
โดย torpongpak
viviosmanager เขียน:ถือหุ้นได้ปันผล จะกลัวอะไร
ได้ปันผลrpcมาเเสนนึง กดจ่ายหมดเเล้ว ใครเคยpostไว้หว่า....
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 20, 2012 7:41 am
โดย wj
คุณ chukieat30 บางคนบอกว่าหุ้น 10 บาทนี่ mos 50% ถ้าลงมาจะซัดให้หมด
แต่ตอนนี้หุ้นราคา 6 บาทกว่าๆ mos เหลือแค่ 10%
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 20, 2012 9:21 am
โดย ปรัชญา
patongpa เขียน:ขาดทุนอยู่ 0-10% ของ port อาการจะเซ็งๆ ลังเล ระหว่างจะ cut หรือ ลุ้น ความเครียดช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นความลังเล
ขาดทุนอยู่ 11-20% ของ port เริ่มบ่นๆ เฝ้าคิดหาเรื่องถัวอยู่ ว่า จะเอาเงินมาเฉลี่ยตอนไหนดี ความเครียดช่วงนี้ มาจากหาเงินมาถัว ซะส่วนใหญ่
ขาดทุนอยู่ 21-30% ของ port หน้ามึด ทะเลาะกับแฟนเรื่องเล็กๆน้อยๆ แม้มีความหวังเล็กๆ แต่ก็ยังหงุดหงิดมากอยู่ ตาเริ่มขวาง หงุดหงิด ว่าไปซื้อถัวทำไม
ขาดทุนอยู่ 31-40% ของ port เบื่ออาหาร ท้องผูก ถ่ายไม่ออก เครียดมากว่าทำไมไม่ cut ตั้งแต่ 10%แรก
ขาดทุนอยู่ 41-50% ของ port หน้ามึดตาลาย คล้ายจะเป็นลม หมดเรี่ยวแรง คิดในใจว่าทำไมไปซื้อถัวตอน 20% ทำให้ไม่มีเงินมาซื้อตอนนี้
ขาดทุนอยู่ 51-60% ของ port หวาดระแวง คล้ายจะมีคนมาทำร้าย ทวงหนี้ เริ่มตั้งแต่นี้ เริ่มเป็นจุดวิกฤติ เพราะคนที่ติด เริ่มไม่ cut แล้ว ประมาณว่า สู้ตาย ไม่มีอะไรจะเสีย เครียดว่า ตอนที่ซื้อหุ้นตัวนี้ ไม่น่าเชื่อมาร์หรือเพื่อน หรือกระทู้เลย
ขาดทุนอยู่ 61-70% ของ port เริ่มทำลายข้าวของ ใครมีแฟนติดดอยช่วงนี้ อย่าพึ่งไปทัก ชวนคุยเรื่องสัตว์เลี้ยง ปลา ต้นไม้เป็นต้น เริ่มคิดถึงวัยเรียนว่าทำไมไม่เอาดีทางด้านประกอบกิจการอะไรสักอย่าง
ขาดทุนอยู่ 71-80% ของ port ขอบตาคล้ำ น้ำลายเหนียว ใครพูดอะไรไม่เข้าหู เช่น มีคนชวนไปทานข้าว ยังนึกว่าเค้ามาล้อชื่อแฟน เป็นต้น เริ่มโทษคนที่ชวนมาให้รู้จักตลาดหุ้น
ขาดทุนอยู่ 81-100% ของ port จุดนี้ เป็นจุดกลับตัว ความเครียดหายไป อารมณ์ดี เป็นจุดที่เรียกได้ว่า ล่องลอย จิตใจเบาหวิว ไม่มีสติ จิตใจอยู่ในความฝันตลอดเวลา เพ้อบอกตัวเองว่า สิ่งที่ทำลงไปคือความฝัน อีกแป๊ปเดียวก็ตื่นแล้ว คนที่ติดดอยในช่วงนี้ จะพยายามหนีความเป็นจริง บางทีแยกไม่ค่อยออกระหว่าง ความฝันกับความจริง ชอบพูดเรื่องเก่าๆ สมัย port โต ขึ้น 200% อะไรประมาณนั้น เวลาใครทัก ต้องเรียกหลายทีหน่อยกว่าจะหันมา ไม่ทำอะไร ชอบนั่งเหม่อตรงระเบียง มีเพื่อนในจินตนาการ คุยคนเดียว ทานอาหารได้น้อย ถ่ายไม่เป็นเวลา
จากคุณ : kasimasi
เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 07:35:20
ลอกมาจากพันทิพครับ หวังว่าอ่านแล้วคงพอมีประโยชน์กับพวกเราในยามนี้
ไม่ใช่หลักการลงทุน
การลงทุนของกลุ่มเน้นคุณค่า คงไม่ได้ซื้อเร็วขายเร็วแบบไม่ถึงชั่วโมงไม่ถึงวัน
อาการแบบนี้คงไม่ค่อยมี
ขาดทุนอยู่ 71-80% ของ port
คงแทบจะไม่เคยเจอหากการลงทุนศึกษามาดี
เพราะไม่ได้ซื้อเพราะเขาเล่าว่า....
เพราะไม่ได้ซื้อเพราะวอลุ่มมันมา
เพราะไม่ได้ซื้อเพราะเจ้าจะลาก
เพราะไม่ได้ซื้อเพราะเทรนกำลังสวย
และสาเหตุปฎิหารอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ศึกษาแล้วลงมือซื้อ
ลอกมาจากพันทิพครับ หวังว่าอ่านแล้วคงพอมีประโยชน์กับพวกเราในยามนี้[/quote]
คงไม่มีประโยชน์ทั้งยามนี้และยามหน้า
Re: อาการของคนติดหุ้น(ติดดอย)
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 20, 2012 10:29 am
โดย blackninja
ถ้าเราลงทุนเปิดร้านอาหาร ซึ้ออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ โต๊ะเก้าอี้ ตกแต่ง ณ วันเปิดร้าน ถามว่ามูลค่าที่เราลงทุนไปนั้นสามารถขายที่ราคาตลาดได้เท่าไร ผมตอบคร่าวๆว่าได้แค่ 50% คนลงทุนร้านอาหารเค้ายังไม่เห็นต้องเสียใจเลย เพราะเค้ามองโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าเรามองแบบเดียวกันกับราคาหุ้นที่ซื้อไปอาจทำให้สบายใจขึ้นครับ