ไพบูลย์มันนี่ทอล์ค พอร์ตหุ้นพันล้าน
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 09, 2012 11:47 am
คอลัมน์: จับข่าวมาเล่า: ไพบูลย์มันนี่ทอล์ค พอร์ตหุ้นพันล้าน
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, May 07, 2012 08:02
ตะวัน BizWeek
ในอดีตตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาจำได้ว่าเป็นแฟนรายการ Money Talk (มันนี่ทอล์ค) ของ รศ.ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา อย่างเหนียวแน่น ติดใจลูกเล่น อารมณ์ขัน เสียงหัวเราะที่มีเอกลักษณ์ เนื้อหารายการที่ตอบโจทย์สิ่งที่นักลงทุนอยากรู้ พอมาเป็นนักข่าวเคยไปดูอาจารย์ถ่ายทอดสดรายการมันนี่ทอล์คหลายครั้ง ทุกครั้งจะมีการ "จัดฉาก" (เตี๊ยม) ผู้ชมรายการให้ "ตบมือ" สร้างเสียงหัวเราะก่อนอัดรายการอย่างครึกครื้น
แม้ ดร.ไพบูลย์ จะจัดรายการเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน และตลาดหุ้น มานานแต่มุมทางด้านการลงทุนส่วนตัวของอาจารย์กลับถูกเปิดเผยออกมาน้อยมาก อาจารย์มักปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนส่วนตัว ขณะที่ในวงการหุ้นมีเสียงร่ำลือว่า นี่แหละ!! เซียนหุ้นตัวจริง..พอร์ตใหญ่มากกๆๆ
ถามด้วยความไม่แน่ใจ!!! อาจารย์นิด้า..น่ะเหรอ! ใช่ไพบูลย์มันนี่ทอล์ค..รึเปล่า!! "ไพบูลย์มันนี่ทอล์คนั่นแหละ..พอร์ตหุ้นเป็นพันล้านเลย" ว้าวววว!!!
ชื่ออาจารย์ไพบูลย์เริ่ม "ดัง" ในวงการหุ้นในฐานะ "เซียนหุ้น (วีไอ) รายใหญ่" ช่วงที่เข้าไปลงทุนหุ้น JAS (หุ้น 10 เด้ง) ของ พิชญ์ โพธารามิก ช่วงประมาณปี 2553-2554 ขณะนั้นหุ้น JAS มี นพ.บำรุง ศรีงาน เป็นแกนนำวีไอ แต่อาจารย์ไม่เคยใช้ชื่อตัวเองลงทุน เห็นแต่ชื่อภรรยา วราณี เสรีวิวัฒนา ที่ถือหุ้นตัวนั้นตัวนี้อยู่เยอะมาก
เมื่อปีที่แล้วเคยนั่งเปิดดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทต่างๆ ที่ถือหุ้นเกิน 0.5% นั่งดูไปเรื่อยๆ เห็นชื่อภรรยาอาจารย์ถือหุ้น Mid Cap. พื้นฐานดีหลายตัว เช่น SVI, MAJOR, RS, NOBLE, SMT, CENTEL, TRT, IHL ฯลฯ แต่ปีนี้ไม่เห็นถือหุ้นเหล่านี้แล้ว
สังเกตว่าหุ้นหลายๆ ตัวที่อาจารย์ไพบูลย์ลงทุนและนั่งเป็นกรรมการบริษัทอยู่เป็นหุ้นของ "เพื่อนฝูง" ที่มีสายสัมพันธ์มาจาก "วิศวะจุฬาฯ" อย่างล่าสุด อาจารย์รับเป็นประธานกรรมการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) ของเพื่อนร่วมรุ่น กิตติ ชีวะเกตุ เป็นกรรมการอิสระ บมจ.ทีมพรีซิชั่น (TEAM) ของ จักรพันธ์ มานัสสถิตย์ และเป็นกรรมการอิสระ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ของน้องรัก มนตรี ศรไพศาล
ปัจจุบันเพื่อนร่วมรุ่น "วศ.2515" เพื่อน ดร.ไพบูลย์ นั่งเป็นผู้บริหารระดับสูงอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลายคน อาทิ วีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล (TOP) และ บวร วงศ์สินอุดม (PTTGC) อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ (KTB) สลิบ สูงสว่าง (HYDRO) ชวลิต หวังธำรง และ ธีรเดช จารุตั้งตรง (PHOL) สมัย ลี้สกุล และ ไพฑูรย์ โกสียรักษ์วงศ์ (TRC) รวมทั้ง กิตติ ชีวะเกตุ (UAC) จักรพันธ์ มานัสสถิตย์ (TEAM) และ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ก็อยู่ในรุ่นนี้ ปัจจุบันอายุอานามของเพื่อนรุ่นนี้ก็ประมาณ 59-60 ปี มีฐานะทางสังคมดีๆ ทั้งนั้น
คนส่วนใหญ่อาจจะรู้แล้วว่า รศ.ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา กับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เป็น "เพื่อนรัก" กันแต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้เรียน "ตรี-โท-เอก" มหาวิทยาลัยเดียวกันคือ จบปริญญาตรีวิศวะจุฬาฯ รุ่นเดียวกัน จบโทบริหารธุรกิจที่นิด้าเหมือนกัน ดร.นิเวศน์ยังตามไปเรียนปริญญาเอก สาขาการเงิน ที่ University of Mississippi สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยเดียวกันอีก แถมทั้งสองคนนี้เป็น "เซียนหุ้นวีไอ" พอร์ตใหญ่ระดับ "พันล้านบาท" จับหุ้นตัวไหนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาตามแห่กันเป็นขบวน
นั่งเปิดดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทต่างๆ ในปี 2555 ที่ถือหุ้นเกิน 0.5% เห็นชื่อภรรยาอาจารย์ (วราณี เสรีวิวัฒนา) ถือหุ้นอยู่ประมาณ 9 ตัว โดยวางน้ำหนักมากที่สุด (เต็ง) ในหุ้น 2 ตัว ได้แก่ โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) และ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เฉพาะหุ้นสองตัวนี้มีมูลค่าตลาดรวมกัน 685 ล้านบาท และวางน้ำหนักหุ้น UAC และหุ้น SF ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน (ดูตารางประกอบ)
รศ.ดร.ไพบูลย์ เคยให้สัมภาษณ์สั้นๆ ทางช่อง Money Channel เมื่อสองปีที่แล้วว่า เรื่องการออมได้รับการปลูกฝังมาจากคุณพ่อคุณแม่ เพราะฐานะยากจน จึงสอนให้รู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ต้องใช้อย่างรู้คุณค่า โดยเฉพาะถ้าเรารู้จักเก็บสตางค์ก็เท่ากับเราหาเงินได้เพิ่มขึ้น ตั้งแต่เด็กผมจึงเก็บเงินหยอดกระปุก วันเสาร์ก็จะนำไปฝากธนาคารออมสิน แม้ว่าเงินจะไม่เยอะแต่พอโตขึ้นทำให้เรามีวินัยในการออม คือต้องเก็บก่อนใช้ ซึ่งคนโบราณทำมาตั้งนานแล้ว
"หลักสำคัญคือในชีวิตผมไม่เคยเป็นหนี้ เพราะเคยกู้มากแค่ครั้งเดียวแต่อีก 2 วันต้องรีบนำไปคืนเพราะนอนไม่หลับ ไม่สบายใจ ก็เลยคิดว่าจากนี้ไปเราจะไม่เป็นหนี้ จึงต้องควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้มีเงินออมเหลือพอที่จะสร้างฐานะในอนาคตได้"
ส่วนการลงทุนในปัจจุบัน (พูดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว) อาจารย์ไพบูลย์ บอกว่า จะลงทุนในหุ้นเยอะ! เมื่อ 20 ปีก่อนจะลงทุนในหุ้น 70-80% ด้วยเงินจำนวนไม่เยอะ แต่พออายุมากขึ้นก็ลดเหลือ 60% ที่เหลือเก็บเป็นที่ดิน พันธบัตร ทองคำ และกองทุน Money Market Fund แต่สำหรับพี่สาว พี่ชาย จะไม่แนะนำให้ลงทุนในหุ้นมากนัก แค่ 20% ก็พอ เพราะไม่ได้อยู่วงการนี้และไม่มีเวลาติดตามข้อมูล
เงินลงทุนเมื่อ 20 ปีก่อนและลงทุนมาอย่างต่อเนื่องของอาจารย์ วันนี้ออก "ดอกผล" กลายเป็นเงิน "พันล้านบาท" นี่ยังไม่นับทรัพย์สินอื่นๆ ของอาจารย์อีกบานตะไท ลืมไปเลยอาจารย์นิด้าจนๆ ที่ชื่อ รศ.ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เพราะวันนี้ He กลายเป็น "เซียนหุ้นวีไอ" ระดับแถวหน้าของเมืองไทย
บรรยายใต้ภาพ
รศ.ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, May 07, 2012 08:02
ตะวัน BizWeek
ในอดีตตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาจำได้ว่าเป็นแฟนรายการ Money Talk (มันนี่ทอล์ค) ของ รศ.ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา อย่างเหนียวแน่น ติดใจลูกเล่น อารมณ์ขัน เสียงหัวเราะที่มีเอกลักษณ์ เนื้อหารายการที่ตอบโจทย์สิ่งที่นักลงทุนอยากรู้ พอมาเป็นนักข่าวเคยไปดูอาจารย์ถ่ายทอดสดรายการมันนี่ทอล์คหลายครั้ง ทุกครั้งจะมีการ "จัดฉาก" (เตี๊ยม) ผู้ชมรายการให้ "ตบมือ" สร้างเสียงหัวเราะก่อนอัดรายการอย่างครึกครื้น
แม้ ดร.ไพบูลย์ จะจัดรายการเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน และตลาดหุ้น มานานแต่มุมทางด้านการลงทุนส่วนตัวของอาจารย์กลับถูกเปิดเผยออกมาน้อยมาก อาจารย์มักปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนส่วนตัว ขณะที่ในวงการหุ้นมีเสียงร่ำลือว่า นี่แหละ!! เซียนหุ้นตัวจริง..พอร์ตใหญ่มากกๆๆ
ถามด้วยความไม่แน่ใจ!!! อาจารย์นิด้า..น่ะเหรอ! ใช่ไพบูลย์มันนี่ทอล์ค..รึเปล่า!! "ไพบูลย์มันนี่ทอล์คนั่นแหละ..พอร์ตหุ้นเป็นพันล้านเลย" ว้าวววว!!!
ชื่ออาจารย์ไพบูลย์เริ่ม "ดัง" ในวงการหุ้นในฐานะ "เซียนหุ้น (วีไอ) รายใหญ่" ช่วงที่เข้าไปลงทุนหุ้น JAS (หุ้น 10 เด้ง) ของ พิชญ์ โพธารามิก ช่วงประมาณปี 2553-2554 ขณะนั้นหุ้น JAS มี นพ.บำรุง ศรีงาน เป็นแกนนำวีไอ แต่อาจารย์ไม่เคยใช้ชื่อตัวเองลงทุน เห็นแต่ชื่อภรรยา วราณี เสรีวิวัฒนา ที่ถือหุ้นตัวนั้นตัวนี้อยู่เยอะมาก
เมื่อปีที่แล้วเคยนั่งเปิดดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทต่างๆ ที่ถือหุ้นเกิน 0.5% นั่งดูไปเรื่อยๆ เห็นชื่อภรรยาอาจารย์ถือหุ้น Mid Cap. พื้นฐานดีหลายตัว เช่น SVI, MAJOR, RS, NOBLE, SMT, CENTEL, TRT, IHL ฯลฯ แต่ปีนี้ไม่เห็นถือหุ้นเหล่านี้แล้ว
สังเกตว่าหุ้นหลายๆ ตัวที่อาจารย์ไพบูลย์ลงทุนและนั่งเป็นกรรมการบริษัทอยู่เป็นหุ้นของ "เพื่อนฝูง" ที่มีสายสัมพันธ์มาจาก "วิศวะจุฬาฯ" อย่างล่าสุด อาจารย์รับเป็นประธานกรรมการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) ของเพื่อนร่วมรุ่น กิตติ ชีวะเกตุ เป็นกรรมการอิสระ บมจ.ทีมพรีซิชั่น (TEAM) ของ จักรพันธ์ มานัสสถิตย์ และเป็นกรรมการอิสระ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ของน้องรัก มนตรี ศรไพศาล
ปัจจุบันเพื่อนร่วมรุ่น "วศ.2515" เพื่อน ดร.ไพบูลย์ นั่งเป็นผู้บริหารระดับสูงอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลายคน อาทิ วีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล (TOP) และ บวร วงศ์สินอุดม (PTTGC) อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ (KTB) สลิบ สูงสว่าง (HYDRO) ชวลิต หวังธำรง และ ธีรเดช จารุตั้งตรง (PHOL) สมัย ลี้สกุล และ ไพฑูรย์ โกสียรักษ์วงศ์ (TRC) รวมทั้ง กิตติ ชีวะเกตุ (UAC) จักรพันธ์ มานัสสถิตย์ (TEAM) และ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ก็อยู่ในรุ่นนี้ ปัจจุบันอายุอานามของเพื่อนรุ่นนี้ก็ประมาณ 59-60 ปี มีฐานะทางสังคมดีๆ ทั้งนั้น
คนส่วนใหญ่อาจจะรู้แล้วว่า รศ.ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา กับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เป็น "เพื่อนรัก" กันแต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้เรียน "ตรี-โท-เอก" มหาวิทยาลัยเดียวกันคือ จบปริญญาตรีวิศวะจุฬาฯ รุ่นเดียวกัน จบโทบริหารธุรกิจที่นิด้าเหมือนกัน ดร.นิเวศน์ยังตามไปเรียนปริญญาเอก สาขาการเงิน ที่ University of Mississippi สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยเดียวกันอีก แถมทั้งสองคนนี้เป็น "เซียนหุ้นวีไอ" พอร์ตใหญ่ระดับ "พันล้านบาท" จับหุ้นตัวไหนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาตามแห่กันเป็นขบวน
นั่งเปิดดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทต่างๆ ในปี 2555 ที่ถือหุ้นเกิน 0.5% เห็นชื่อภรรยาอาจารย์ (วราณี เสรีวิวัฒนา) ถือหุ้นอยู่ประมาณ 9 ตัว โดยวางน้ำหนักมากที่สุด (เต็ง) ในหุ้น 2 ตัว ได้แก่ โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) และ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เฉพาะหุ้นสองตัวนี้มีมูลค่าตลาดรวมกัน 685 ล้านบาท และวางน้ำหนักหุ้น UAC และหุ้น SF ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน (ดูตารางประกอบ)
รศ.ดร.ไพบูลย์ เคยให้สัมภาษณ์สั้นๆ ทางช่อง Money Channel เมื่อสองปีที่แล้วว่า เรื่องการออมได้รับการปลูกฝังมาจากคุณพ่อคุณแม่ เพราะฐานะยากจน จึงสอนให้รู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ต้องใช้อย่างรู้คุณค่า โดยเฉพาะถ้าเรารู้จักเก็บสตางค์ก็เท่ากับเราหาเงินได้เพิ่มขึ้น ตั้งแต่เด็กผมจึงเก็บเงินหยอดกระปุก วันเสาร์ก็จะนำไปฝากธนาคารออมสิน แม้ว่าเงินจะไม่เยอะแต่พอโตขึ้นทำให้เรามีวินัยในการออม คือต้องเก็บก่อนใช้ ซึ่งคนโบราณทำมาตั้งนานแล้ว
"หลักสำคัญคือในชีวิตผมไม่เคยเป็นหนี้ เพราะเคยกู้มากแค่ครั้งเดียวแต่อีก 2 วันต้องรีบนำไปคืนเพราะนอนไม่หลับ ไม่สบายใจ ก็เลยคิดว่าจากนี้ไปเราจะไม่เป็นหนี้ จึงต้องควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้มีเงินออมเหลือพอที่จะสร้างฐานะในอนาคตได้"
ส่วนการลงทุนในปัจจุบัน (พูดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว) อาจารย์ไพบูลย์ บอกว่า จะลงทุนในหุ้นเยอะ! เมื่อ 20 ปีก่อนจะลงทุนในหุ้น 70-80% ด้วยเงินจำนวนไม่เยอะ แต่พออายุมากขึ้นก็ลดเหลือ 60% ที่เหลือเก็บเป็นที่ดิน พันธบัตร ทองคำ และกองทุน Money Market Fund แต่สำหรับพี่สาว พี่ชาย จะไม่แนะนำให้ลงทุนในหุ้นมากนัก แค่ 20% ก็พอ เพราะไม่ได้อยู่วงการนี้และไม่มีเวลาติดตามข้อมูล
เงินลงทุนเมื่อ 20 ปีก่อนและลงทุนมาอย่างต่อเนื่องของอาจารย์ วันนี้ออก "ดอกผล" กลายเป็นเงิน "พันล้านบาท" นี่ยังไม่นับทรัพย์สินอื่นๆ ของอาจารย์อีกบานตะไท ลืมไปเลยอาจารย์นิด้าจนๆ ที่ชื่อ รศ.ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เพราะวันนี้ He กลายเป็น "เซียนหุ้นวีไอ" ระดับแถวหน้าของเมืองไทย
บรรยายใต้ภาพ
รศ.ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ