หน้า 1 จากทั้งหมด 1

วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCHOOL

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 10:21 am
โดย humdrum
อาจารย์ ชาลี มังเกอร์ กล่าวสุนทรพจน์เมื่อ 26 ปีก่อน ให้กับบัณฑิตจบใหม่ในวันรับปริญญาซึ่งเป็นประเพณีประจำมหาวิทยาลัย Harvard มารายสิบปี ในหัวข้อ

“วิธีทำให้ชีวิตตกอับ ใครทำตามแล้วรับประกันชีวิตจะตกทุกข์ได้ยากประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน”

ผมแปลอ่านเอง สำนวนคาดเคลื่อนไปมาก แนะนำอ่านฉบับจริงประกอบ
อมงคลชีวิตสามข้อของ Johny Carson อาจารย์มังเกอร์ได้บรรยาย
บวกอีกสี่ข้ออกุศลวิบากของอาจารย์มังเกอร์ท่านเอง
สุนทรพจน์ของท่านเป็นคุณประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังอย่างมหาศาล
ผู้ด้อยปัญญาอย่างผมขอน้อมคาราวะต่อท่านทั้งสอง
และกราบขออนุญาตแปลสุนทรพจน์ต่อ ณ บัดนี้ครับ

......................................

CHARLES T. MUNGER
HARVARD SCHOOL COMMENCEMENT SPEECH.
JUNE 13, 1986.
Prescriptions for Guaranteed Misery in Life
รูปภาพ

ปีนี้ ท่านอธิบดีเบอร์ริสเฟริดได้เชิญบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติทั้งแก่ที่สุดและทั้งอยู่ทนที่สุดในตำแหน่ง trustee ของมหาวิทยาลัยนี้เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งก็คือผมเอง
ตอนนี้น้องๆ คงอยากรู้ว่า หนึ่ง ทำไมผู้พูดถึงต้องเป็นผม และ สอง ที่สำคัญกว่า ผมจะพูดนานหรือปล่าว

ผมจะตอบคำถามว่า ทำไมท่านอธิบดีที่นั่งอยู่ตรงนี้ถึงเลือกผม

สำหรับ Harvard ท่านอธิบดีมีชื่อเสียงมายาวนานในการคัดเลือกนักเรียนและอาจารย์ที่เยี่ยมยอดเข้ามาที่นี่ ท่านมองขาด สายตาท่านเฉียบคมเปรียบเหมือนท่านกำลังคัดเลือกม้า แต่ม้าของท่านไม่ธรรมดา ไม่เหมือนคนอื่น ม้าของท่านเป็นม้าที่สามารถนับหนึ่งถึงเจ็ดได้ และ วันนี้ผมก็เป็นม้าตัวนั้นเช่นกัน

คำถามที่สอง ผมจะพูดนานแค่ไหน ตอนนี้ผมหันมองหน้าตาน้องๆ แล้วเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มไปด้วยแววตาที่กระตือรือร้นและความคาดหวังที่สดใสในชีวิต ผมอยากจะเห็นบรรยากาศแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างนี้ตลอดทั้งงาน ดังนั้นผมจะขอเก็บคำตอบข้อที่สองไว้กับตัวเองน่าจะดีกว่า

ตอนแรกที่ผมทราบว่าได้รับเชิญนั้น ผมดีใจมากครับ แถบตัวลอยเลย แต่ก็อดวิตกคิดไม่ได้ว่า สุนทรพจน์ของผมจะนานแค่ไหนดีถึงจะเหมาะสม ผมคิดวนไปวนมาถึงเรื่องนี้ว่าสุนทรพจน์จะใช้เวลานานเท่าไหร่ดี จนมันเกือบกลายเป็นหัวข้อในสิ่งที่ผมจะพูดซะแล้ว

“อาจารย์ ชาลี มังเกอร์ กล่าวสุนทรพจน์ให้กับบัณฑิตจบใหม่ในวันรับปริญญาซึ่งเป็นประเพณีประจำมหาวิทยาลัย Harvard มาหลายสิบปี ในหัวข้อหัวเรื่อง “สุนทรพจน์นานแค่ไหนดี”

ผมไม่มีสายดำประสบการณ์พูดต่อหน้าสาธารณะ ผมมีแต่สายดำในเรื่องของการทำอะไรนอกคอกไม่เหมือนชาวบ้านเขา ฮีโร่ของผมคือ Cicero นักพูดโรมันก่อนคริสกาล และฮี่โร่ของ Cicero คือ Demosthens ถ้าใครย้อนเวลาไปถาม Cicero ว่าสุนทรพจน์อันไหนของ Demosthens ที่เขาประทับใจที่สุด เขาจะตอบว่า “อันที่นานที่สุด ยิ่งนานยิ่งดี”

สุนทรพจน์ที่ยิ่งนานยิ่งดี แต่เป็รตอนนั้นผมบังเอิญคิดถึง Samuel Johnson พอดี ตอนที่เขาพิจารย์บทกวีของ Milton ที่ชื่อ “Paradise Lost” และบอกว่า “พอทีเถอะ ไม่มีใครอยากให้บทกวีนี้ยาวกว่านี้อีกแล้ว”

แล้วผมก็เลยเกิดคำถามผุดขึ้นมาทันทีว่า ในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา คำกล่าวสุนพจน์ในอดีตที่ Harvard มีอันไหนที่ผมฟังแล้ว ไม่สะใจเลย อยากให้เนื้อหาที่พูดในวันนั้นมันน่าจะยึดเวลานานกว่านั้นไปอีกสักหน่อย มันจะมีไหมนะ มีจริงๆ ครับ มีอยู่ปีเดียวครับ ผู้พูดในปีนั้นคือ Johny Carson ในหัวข้อเรื่อง “ วิธีทำให้ชีวิตตกอับ ใครทำตามแล้วรับประกันชีวิตจะตกทุกข์ได้ยากประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน” ผมชอบเรื่องนี้ น่าสนใจครับ ผมตกลงจะพูดเรื่องนี้ แต่จะเพิ่มเติมบางส่วนของผมเข้าไป

ถ้าจะเทียบอายุตอนที่ Carson มาพูดที่ Harvard กับอายุผมตอนนี้ ผมแก่กว่าเขามาก ผมทั้งล้มเหลวมากกว่า ทั้งตกอับมามากกว่า ผมมีคุณสมบัติที่จะพูดในหัวข้อนี้ดีกว่าเขาอย่างแน่นอน

Carson เป็นนักพูดที่มีเสน่ห์เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน แต่สิ่งที่เขาพูดในวันนั้น ไม่ใช่ “ทำอย่างไรให้ชีวิตมีความสุข” แต่เป็น “ทำอย่างไรให้ชีวิตตกอับ” และมีใบรับประกันด้วยว่าถ้าทำตามที่เขาพูดรับรองไม่ผิดหวัง เพราะเขาได้ลองภาคสนาม ลองทดสอบทฤษฎีของเขาและปฏิบัติจริงมาหมดแล้ว ผลก็คือ ชีวิตของเขาตกอับสมดั่งใจปราถนาทุกประการ รับประกันสรรพคุณได้ว่าใช้แล้วได้ผลจริง บทข้อสรุป สิ่งที่เขาแนะนำก็คือ จงเป็นคน…หนึ่งขี้เหล้าเมายา สอง จงเป็นคนขี้อิจฉาตาร้อนเข้าไว้ และสามให้เป็นคนขี้หงุดหงิดโกรธง่ายโมโหเร็ว มีทั้งสามข้อครบ รับรองเห็นผลเร็วทันตาภายในสามวันเจ็ดวัน จะไม่มีใครคบด้วย

เรื่องติดเหล้าเมายาสูตรสำเร็จตกอับของ Carson ผมยืนยันว่าได้ผลจริง หลักฐานจากเพื่อนสนิทผมสามคนสมัยเด็กๆ ทั้งสามคนทั้งเรียนเก่งและนิสัยดี พวกเขาเติบโตมาจากพื้นฐานครอบครัวที่ปลูกฝังเรื่องจริยธรรมเป็นอย่างดี ถ้าดูจากวัยเด็กก็เดาไม่ออกเลยว่า ชีวิตพวกเขาจะลงเอยอย่างนี้ ตอนนี้คนแรกกำลังเป็นโรคแอลกอฮอลิค มัวเมาในอบายมุขกินเหล้าไม่พัก เมาสรวลเสเฮฮาตลอดรายการ ทุกวัน ทุกเดือน ทุกเวลา อีกสองคนไม่ต้องพูดถึง เพราะตับแข็งตายไปนานแล้ว น้องๆ ที่นั่งตรงนี้ ขอให้ลองเถอะ ขอให้ได้เริ่มก่อน ไม่ต้องห่วงเลย ไม่ต้องห่วงว่าจะเลิกได้ง่ายๆ ชีวิตจะหาความสงบไม่ได้ ขาดสติ ขาดปัญญา การปฏิบัติของท่านในข้อแรกรับประกันเหมือนตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน ชีวิตตกอับสมความมุ่งมาดปรารถนาทุกประการ

ข้อสอง ฝึกให้เกิดสันดานขี้อิจฉาเป็นพื้นฐานของจิตน้องๆ ให้มากๆ ต้องกำหนดความขี้อิจฉาทุกอริยาบถ ความขี้อิจฉานี้เป็นสูตรสำเร็จไปสู๋ความหายนะตั้งแต่ครั้งโบราณกาลก่อนที่จะมีบัญญัติ 10 ประการของโมเสสซะอีก มันจะปิดบังปัญญาของน้องเอาไว้และรับประกันชีวิตที่ทุกข์แสนสาหัสอย่างแน่นอน ถ้าอยากหาประวัติคนดังๆ ที่ขี้อิจฉา ลองอ่านประวัติฮิตเลอร์ หรือไม่ก็ลองดูเองเลยจากประสบการณ์จริง จะได้รู้เองว่าเป็นคนขี้อิจฉาแล้วตกอับขนาดไหน ไม่ต้องรู้ตามประวัติคนอื่นมาบอกเล่าอีกที

ข้อสาม ทางเชิงปฏิบัติการแล้ว ขี้หงุดหงิดผมแนะนำไม่ผิดหวัง รับรองน้องๆ จะมีแต่ความเศร้าหมองใจตลอดเวลา อธิบายเชิงวิชาการละเอียดกว่านี้ ไม่ยากเลย เก็บความโกรธเข้าไว้กับตัว จิตมีแต่โทสะ จิตมีแต่ผูกเวรผูกพยาบาท น้องๆ จะมีแต่ปัญหาในชีวิตแน่นอน

เพียงพอสำหรับคำแนะนำชีวิตที่มึดมนจาก Carson ต่อไปเป็นของผมเอง ผมมีทั้งหมดสี่ข้อ

ข้อแรก อย่ามีสัจจะ เป็นคนไม่รักษาคำพูดทั้งกายวาจาใจ ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น พูดอย่างไรก็ไม่ทำตาม ทำอย่างไรก็พูดอีกอย่าง
ผมชอบเปรียบคนที่มีนิสัยอย่างนี้เหมือนกระต่ายในเรื่องกระต่ายกับเต่า ไม่ว่าเต่าตัวไหนแม้กระทั้งเต๋าขาเป๋ถือไม้เท้ากะโผลกกะเผลกก็ยังสามารถแซงกระต่ายอย่างนี้ได้
ผมขอยกตัวอย่างเพื่อน roommate ของผมที่มหา'ลัย เขาเป็นเด็กออทิสติก อาการค่อนข้างรุนแรง แต่เขาเป็นคนที่มีสัจจะ ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและต่อคนอื่น อาจจะมากที่สุดในบรรดาคนที่ผมเคยรู้จักในโลกนี้ ทุกวันนี้มีครอบครัวที่ดี ลูกที่ดี และอาชีพการงานที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง คำแนะนำผม ขอเตือนอีกครั้ง ถ้าใครคิดอยากมีชีวิตที่บัดซบ อย่าพลาดข้อนี้อย่างเด็ดขาด สมหวังอย่างแน่นอน แล้วชีวิตน้องๆ จะดับมืดสนิทในปีนี้ ปีหน้า และต่อไปจนกระทั่งตาย

ข้อสอง ข้อนี้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย ยึดมั่นในตัวเอง เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง จดจำไว้ในส่วนลึกของดวงใจน้องๆ ว่า "ข้าเก่งคนเดียว" คุณสมบัติขอนี้อกุศลอย่างแน่นอน ต้องท่องให้ได้ อย่าไปฟังคำแนะนำจากคนอื่น ไม่อย่างนั้นแล้วเห้นทีจะมีชีวิตที่ตกอับได้ยากมาก อย่าไปเรียนรู้ความสำเร็จและความล้มเหลวจากคนอื่น ผมขอพูดด้วยความตื้นตันว่า ชีวิตน้องๆ จะประทับใจกับความยากลำบากในชีวิตจนสะอื้นไห้ถ้ามีนิสัยข้อนี้ ถ้าน้องๆทำดังที่ผมแนะนำแล้ว รับรองได้ผลทุกคน

ผมเคยอ่านประวัติของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าเขาอาจเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลกก็เป็นไปได้ เขากล่าวว่างานของเขาแตกต่างจากงานคนอื่นตรงที่ เขาศึกษาความคิดจากคนอื่นแล้วนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น เขาบอกว่า "ไม่มีใครฉลาดพอที่จะเรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมดด้วยตัวเอง" ชายคนนั้นชื่อว่า ไอแซก นิวตัน

ข้อสาม อย่าลืมเด็ดขาดครับ เป็นคนล้มแล้วไม่ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ เก็บข้อนี้ไว้ในเรือนใจของน้องๆ ปลูกฝังสันดานท้อถอยต่อปัญหาให้มากๆ ต้องทำให้ถูกจุดนี้ รับรองชีวิตจะไม่ราบรื่น ขอย้ำไว้ซ้ำข้อนี้ เน้นหลักข้อนี้ไว้ให้มาก มันมีประโยชน์ต่อน้องๆ ที่เอาไปปฏิบัติในกิจประจำวันให้ชีวิตตกอับอย่างดีที่สุด

ผมขอยกคำพูดของ เจมส์ คอร์เบต นักมวยอมเริกันระดับแชมเปี้ยนตำนานของโลก ที่เคยกล่าวไว้ว่า “สู้อีกยก เมื่อไม่ไหวจนต้องลากขากลับไปชกกางเวทีใหม่ ก็ต้องสู้อีกยก เมื่อแขนยกไม่ขึ้น ก็ต้องสู้อีกยก เมื่อเลือดไหลออกจมูก ตาเริ่มเบลอ จนอยากให้ฝ่ายตรงข้ามชกเราให้น๊อคสลบนับสิบไปเลย จะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาใหม่ ก็ต้องสู้ต่ออีกสักยก จงจำไว้ คนที่มักสู้ต่ออีกยก เป็นผู้ที่ไม่เคยโดนน๊อค”

อย่าทำอย่าง เจมส์ คอร์เบต อย่างเด็ดขาด ถ้าน้องๆ อยากมีชีวิตที่ตกอับ


ข้อสี่สุดท้าย

“I wish I knew where I was going to die, and then I’d never go there.”

ส่วนใหญ่ได้ยินแล้วก็จะหัวเราะเหมือนน้องๆ ตอนนี้ แต่ถ้าอยากตกอับจนหัวเราะไม่ออก ก็ให้น้องๆ รีบๆ ลืมประโยคนี้ครับ สิ่งที่ Carson ต้องการบอกน้องๆ กับกับประโยคที่ผมพึ่งกล่าวไปนั้นเหมือนกันครับ ตรงที่ถ้าน้องๆ อยากมีความสุขก็ให้น้องๆ หาทางว่าวิธีใดทำให้มีความทุกข์บ้างและหลีกเหลี่ยงสิ่งเหล่านั้นไป เหมือนนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลกที่ชื่อว่า จาค๊อปบี้ เขาเคยกล่าวว่า ปัญหาที่ยากๆ ผมจะตีโจทย์ออกได้ก็ต่อเมื่อผมคิดถึงปัญหาจากหลังไปหน้าเท่านั้น


ผมจะยกอีกตัวอย่าง ครั้งหนึ่ง นักวิทยาศาตร์ที่เก่งๆ ของโลกมารวมตัวกัน พวกเขาเอาทฤษฏีของ Maxwell มาตรวจสอบกับทฤษฎีของ นิวตัน แล้วดูว่าของ Maxwell ขัดแย้งกับนิวตันหรือไม่ แต่มีนักฟิสิกส์ท่านหนึ่งทำไม่เหมือนคนอื่น เขากลับทำตรงข้าม เอาทฤษฎีของนิวตันมาตรวจสอบกับของ Maxwell และเขาก็ค้นพบทฤษฎีที่ชื่อว่า Relativity เขาชื่อ แอลเบริด ไอสไตน์ นักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก

ไอสไตน์บอกว่าชีวิตของเขาประสบความสำเร็จได้เพราะเขามีนิสัยที่กระตือรือร้น มุ่งมั่น อดทนต่อปัญหา และจับผิดตนเอง และการจับผิดตนเองหมายถึงเขาพยามพิสูจน์ว่าทฤษฎีของเขานั้นใช้ไม่ได้จริง น่าแปลกที่เหมือนนักชีววิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง ชาร์ล ดาวิน ที่ใช้เวลาในบั้นปลายชีวิตโดยจับผิดทฤษฎีต่างๆ ที่เขาค้นพบ

ผมพบว่า ทำไมชีวิตบรรดาบุคคลในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าอาชีพนักวิทยาศาสตร์ นักชีวิวิทยา นักสำรวจ นักกีฬา นักธุระกิจนักลงทุน ที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงถึงจับผิดตนเองอย่างนั้น

ความจริงที่แสนจะธรรมดาก็คือ อุปสรรคมีทุกที่ ความสำเร็จก็คือการตัดทิ้งความไม่สำเร็จออก อุปสรรคจะมีอยู๋ทุกหนทางในชีวิต ยอมรับมัน ยอมรับตั้งแต่อายุยังน้อยๆอย่างนี้ และให้มั่นใจว่าความพากเพียรและความอดทนเท่านั้นที่ชนะพวกมันได้

ผมขอจบสุนทรพจน์ของผมโดยเอาประโยคที่ควรพูดขึ้นต้นตั้งแต่แรกมาเป็นประโยคลงท้าย

สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ขอให้ชีวิตทุกท่านเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปสู่ที่สูง ด้วยการใช้ชีวิตทุกวันมองไปสิ่งที่ทำให้ชีวิตท่านไหลลงสู่ที่ต่ำ

โชคดีและสวัสดีครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 11:06 am
โดย siebelize
ขอบคุณครับ

อันนี้เรียกว่า คิดแบบ inverted รึเปล่าครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 11:48 am
โดย แมงเม่าสายลม
ชอบมากครับ

อยากให้มีหนังสือพวกแนวการลงทุน แนวคิด การใช้ชีวิตของ ชาลี มังเกอร์ แปลไทยบ้างครับ
ผมอ่านหนังสือของพี่ วิบูลย์ ที่ลิลู เขียนเรื่องอาจารย์มังเกอร์ ชอบมากเลยฮับ

ผมว่าความคิดเค้าน่าสนใจสุดๆ :mrgreen:

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 12:53 pm
โดย wc
เยี่ยมครับ ขอบคุณ K.HUMDRUM ครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 8:25 pm
โดย sakkaphan
"ข้อสอง "ข้าเก่งคนเดียว"
ขอยืนยันอีกคน หากใครอยากลองสักข้อผมขอแนะนำข้อนี้ ผมเคยลองแล้วครับ รับรองได้ล้มเหลวสมใจแน่ เอิ๊กๆ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 08, 2012 9:59 am
โดย Sorgios
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 08, 2012 11:43 am
โดย ericaa
เป็นบทความที่ผมชอบมากๆเลย

ขอบคุณครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 08, 2012 11:56 am
โดย SawScofield
ก็หาตั้งนานว่าวลีเด็ด
"I wish I knew where I was going to die, and then I'd never go there." มาจากไหน 555+

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ นะครับ ^^

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 08, 2012 12:40 pm
โดย Rocker
เป็น บทความที่ดีมากๆครับ ขอบคุณ พี่ Humdrum ครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 08, 2012 6:13 pm
โดย ปล้องนาง
ขอบคุณครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 09, 2012 8:46 am
โดย ลูกเต่า
ขอบคุณมากๆครับ :bow:

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 09, 2012 9:49 am
โดย Tibular
นี่คือคมความคิดของคนระดับสุดยอดอีกคนที่น่านับถือ
ขอบคุณมากคับที่แบ่งปันสิ่งดีๆ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 09, 2012 2:37 pm
โดย mong_eg
สวดยวดดดดครับ ^^

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 10, 2012 8:41 am
โดย keroppi
รบกวนขอฉบับจริงภาษาอังกฤษด้วยได้มั๊ยครับ อยากมีเก็บไว้มากๆ ขอบคุณครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 10, 2012 11:03 am
โดย wc
Charlie Munger's Prescription to Guaranteed Misery
I learnt positivity builds well on positivity and conversely, negativity feeds on negativity. From Warren Buffett, I learnt about Charlie Munger and from Munger, I learnt about Munger's personal heroes like Benjamin Franklin.


There're so many things that I have learnt from Charlie. One of my favorites is a speech he gave in 1986 on his son's graduation day at the Harvard School. His speech was an extension of Johnny Carson's graduation speech years prior, in which Carson gave his prescription for a life filled with misery. Munger's speech is well worth to be read in its entirety, and here, it should be summarized.


In Carson's original speech, he could not tell the graduating class how to be happy, but he could tell them from personal experience how to guarantee misery. Carson's prescription for sure misery are:


1) Ingesting chemicals in an effort to alter mood or perception
2) Envy
3) Resentment


Munger went on to add on four more prescriptions to guaranteed misery.


1) Be unreliable. Do not faithfully do what you have engaged to do. If you will only master this one habit, you will more than counterbalance the combined effect of all your virtues, however great your virtues may be. If you like being distrusted and excluded from the best human contribution and company, this prescription is for you. Master this one habit, you will always play the role of the hare in the fable, except that instead of being outrun by one fine turtle, you will be outrun by hordes and hordes of mediocre turtles and even some mediocre turtles on crutches.


2) To learn everything you possibly can from your own experience, minimizing what you learn vicariously from the good and bad experience of others, living or dead. This prescription is to become as non-educated as you reasonably can. There was once a man who assiduously mastered the work of his best predecessors, despite a poor start and very tough time in analytical geometry. Eventually, his own work attracted wide attention, and he said of his work: "If I have seen a little further than other men, it is because I stood on the shoulders of giants."


The bone of that man lie buried now, in Westminster Abbey, under an unusual inscription: "Here lie the remains of all that was mortal in Sir Isaac Newton"


(This shows even genius like Newton learn from others. In the book Outliers, it argues that no one, even geniuses included can succeed solely on their own, example in point, Chris Langan - a person with an IQ over 190).


3) To go down and stay down when you get your first, second and third severe reverse in the battle of life. Because there is so much adversity out there, even for the lucky and wise, this will guarantee that, in due course, you will be permanently mired in misery.


4) To ignore a story told to the young Munger by a rustic who said, "I wish I knew where I was going to die, and then I'd never go there." Most people smile at the rustic's ignorance and ignore his basic wisdom. If you are bent on misery, ignore the rustic's approach at all cost. An example, if you keep losing on lottery, keep buying. If you keep drinking, keep on drinking and double up.


What Carson did was to approach the study of how to create X by turning the question backward, that is, by studying how to create non-X. Munger quoted the great algebraist, Jacobi who said, "Invert, always invert." Many hard problems are best solved only when they are addressed backward.


Munger thinks that Charles Darwin would have ranked near the middle of the Harvard School graduating class of 1986. Yet he is now famous in the history of science. This is precisely the type of example you should learn NOTHING from if bent on minimizing your results from your own endowment.


Darwin's result was due in large part to his working method, which violated all Mungers' and Carson's rules for guaranteed misery and particularly emphasized a backward twist in that he always gave priority attention to evidence tending to disconform whatever cherished and hard-won theory he already had. In contrast, most people early achieve and later intensify a tendency to process new and disconforming information so that any original conclusions remain intact.


The life of Darwin demonstrates how a turtle may outrun a hare (in business alike, turtle - like Walmart, Cap Cities/ABS in its early days - outrun hares - like Sears Roebuck, CBS), aided by extreme objectivity, which helps the objective person to end up like the only player without a blindfold in a game of Pin the Tail on the Donkey.


So minimize objectivity is another way to misery. If you minimize objectivity, you ignore not only a lesson from Darwin but also from Einstein. Einstein said that his successful theories came from "Curiosity, concentration, perseverance, and self-criticism." And by self-criticism, he meant the testing and destruction of his own well-loved ideas.


Munger signed off saying, "Gentleman, may each of you rise by spending each day of a long life aiming low."

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 10, 2012 2:09 pm
โดย woodooshy
:D ขอบคุณมากครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 10, 2012 2:41 pm
โดย syj
ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ

:D :D :D

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 11, 2012 8:30 am
โดย Montri M.
ขอบคุณครับ เป็นวิธีคิดทีดีครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 11, 2012 10:15 pm
โดย humdrum
keroppi เขียน:รบกวนขอฉบับจริงภาษาอังกฤษด้วยได้มั๊ยครับ อยากมีเก็บไว้มากๆ ขอบคุณครับ
ผมแปลจากอันนี้ครับ
Prescriptions For Guaranteed Misery in Life InLife.http://jamesgoulding.com/Research_II/In ... speech.pdf

ความผิดพลาดของผม ไม่ได้บอก ผลข้างเคียง ของการเอา "prescriptions" อันนี้ไปใช้
อย่าจับผิดตนเองมากเกินไป จนลืมที่จะเหลือพื้นที่ในสมองของเราไว้มองภาพรวมครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 11, 2012 10:40 pm
โดย humdrum
คำแนะ นำจากผม นั่นดูจริงจังเก๊กมาดเกินไป เอาใหม่ เชื่อพี่เถอะน้อง ไม่ว่าจะเข้าใจเรื่องนี้มากแค่ไหน น้องๆ ไม่มีทางทันอารมณ์ตัวเองได้ตลอดเวลาหรอกนะครับ เพราะเราเป้นมนุษย์ ไม่ใช่หุ่นยนตร์ อย่าว่าจุ้นจ้านเลบนะครับ น้องๆ ควรปลูกฟังเรื่อง Margin of safety เอาไว้ให้มากเลย ใครไม่เข้าใจ ก็ไปอ่าน Intelligent Investor บทที่แปดกับยี่สิบอีกสักรอบซ้ำไปซ้ำมาเพราะสิ่งเหล่านี้จำเป็นต่ออาชีพนักลงทุนทั้งนั้น ใครหัวรับไม่ได้ ก็ต้องบังคับตัวเองให้รับจนได้ เราไม่สามารถตามทันข้อผิดพลาดของเราได้ทุกเวลา สิ่งที่เราต้องทำ คือมองไปข้างหน้า และหาทาง ป้องกัน หรือ หา margin of safety นั่นเองละครับ เตรียมซักซ้อมทางแก้เอาไว้ก่อนที่ปัญหาจะเกิด ทุกอย่างมี limitations ในตัวมันเอง แม้กระทั่งบทความนี้ที่ใช้วิธี "ตรงกันข้าม" ก็มีจุดอ่อนในตัวของมันเองเช่นกันครับ ชีวิตใคร ก็ชีวิตมันครับ อ่านแล้วก็ปรับใช้กับชีวิตตนเองให้เหมาะสม ไมมีอะไรสายเกินแก้ครับ

Re: วีธีทำให้ชีวิตตกอับ --สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ HARVARD SCH

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 14, 2012 10:41 pm
โดย guaycheng
ขออนุญาตเผยแพร่ต่อนะครับพี่