หน้า 1 จากทั้งหมด 2

จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 10:40 am
โดย blueplanet
หลังจากอ่านบทความ ของ ดร.นิเวศน์ เรื่องตามรอยบัฟเฟต
มีข้อหนึ่งที่ 2ท่านนี้แตกต่างกัน คือ
"ข้อสอง หุ้นกลุ่มที่บัฟเฟตต์ลงทุนมากที่สุดกลุ่มหนึ่งตั้งแต่อดีตและก็ยังลงทุน
อยู่เรื่อย ๆ เมื่อมีโอกาสก็คือ หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของ
บริษัทประกันภัยและธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ นี่คือหุ้นที่บัฟเฟตต์
ลงทุนมาตลอด"
แต่ ดร.นิเวศน์แทบจะไม่ลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้เลย(ไม่รู้ว่า ดร.ยังถือ ktc อยู่ไม๊)
ถ้าคิดแบบลวกๆ ถ้าคน 2 คนคิดไม่เหมือนกัน ต้องมีคนหนึ่งถูกอีกคนหนึ่งผิด
แล้วใครละ ที่เราเชื่อว่าถูก และใครละที่เราเชื่อว่าผิด แล้วอะไรละคือเหตุผล
(ในfieder on the roofบอกว่าแม้คนเราคิดไม่เหมือนกันก็อาจจะถูกทั้งคู่)
อีกอย่าง ที่ทั้ง 2ท่านนี้แตกต่างกันคือหุ้นพลังงานและหุ้นคอมโมดิตี้
วอเรนจะเก็งกำไรบ้างแต่ ดร.นิเวศน์ ไม่สนใจเลย (หรือว่าซื้อเหมือนกันแต่ผมไม่รู้)

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 10:56 am
โดย Factor_9
ไม่เลือกทำตามใครครับ แต่ศึกษาวิธีคิดของทั้ง 2ท่าน
แล้วทำตามความเข้าใจของตัวเองครับ :mrgreen:

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 11:08 am
โดย amornd
เท่าที่ผมรู้ มันมีปัจจัยอย่างอื่นมาเกี่ยวข้องนะครับ เช่น

1) ธุรกิจประกันภัยที่ buffet ลงทุนไว้เยอะ เพราะ buffet มีความเข้าใจในบริษัทและผู้บริหารที่นั่น ตั้งแต่เริ่มลงทุนเลยทีเดียว อีกอย่าง บริษัทนั้นมีจุดแข็งในเชิงธุรกิจที่ ผมไม่คิดว่ามีในบริษัทประกันภัยของไทย

2) ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สำหรับกรณีนี้ ดร. เคยอยู่วงในมาก่อน ผมคิดว่าคงไม่ต้องอธิบายมากมั้งครับ อาจจะดีในเมืองไทยระดับนึง แต่ธุรกิจอื่นอาจดูดีกว่า ในขณะที่บริษัทซึ่ง buffet ซื้อนั้นถือว่าเป็นระดับ global คงเทียบกันไม่ได้

3) ธุรกิจหลักทรัพย์ อันนี้ไม่แน่ใจ แต่สำหรับผม ถ้าย้อนหลังไปดูอดีตและมองไปในอนาคต ยังไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้อนาคตรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปได้ครับ มีแต่จะโดนสถาบันต่างชาติใหญ่ๆมาควบ ดู KIMENG เป็นตัวอย่าง แต่บริษัทที่ buffet ซื้อนั้นมีการลงทุนในระดับ global นะครับ อีกทั้ง FED, สถาบันจัดอันดับ อยู่ที่อเมริกา คิดว่าใครจะได้เปรียบกว่า

โดยเฉพาะ ข้อ 2, 3 ด้วยความที่ไทยเราผ่านปี 40 มา ก็เป็นไปได้ที่ ดร. จะเห็นความเปราะบาง หรือ ขยาดกับความไม่แน่นอนก็เป็นได้ สู้ถือหุ้นที่แน่นอนดีกว่า ถ้าจะมองก็คงเป็นเรื่องการยอมรับความเสี่ยงที่ต่างกัน

สรุป ปัจจัยต่างกัน สภาพแวดล้อมต่างกัน ผู้บริหารบริษัทต่างกัน การยอมรับความเสี่ยงของผู้ลงทุนต่างกัน ความรู้ความเข้าใจในธุรกิจต่างกัน

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 11:27 am
โดย บูรพาไม่แพ้
amornd เขียน:เท่าที่ผมรู้ มันมีปัจจัยอย่างอื่นมาเกี่ยวข้องนะครับ เช่น

1) ธุรกิจประกันภัยที่ buffet ลงทุนไว้เยอะ เพราะ buffet มีความเข้าใจในบริษัทและผู้บริหารที่นั่น ตั้งแต่เริ่มลงทุนเลยทีเดียว อีกอย่าง บริษัทนั้นมีจุดแข็งในเชิงธุรกิจที่ ผมไม่คิดว่ามีในบริษัทประกันภัยของไทย

2) ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สำหรับกรณีนี้ ดร. เคยอยู่วงในมาก่อน ผมคิดว่าคงไม่ต้องอธิบายมากมั้งครับ อาจจะดีในเมืองไทยระดับนึง แต่ธุรกิจอื่นอาจดูดีกว่า ในขณะที่บริษัทซึ่ง buffet ซื้อนั้นถือว่าเป็นระดับ global คงเทียบกันไม่ได้

3) ธุรกิจหลักทรัพย์ อันนี้ไม่แน่ใจ แต่สำหรับผม ถ้าย้อนหลังไปดูอดีตและมองไปในอนาคต ยังไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้อนาคตรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปได้ครับ มีแต่จะโดนสถาบันต่างชาติใหญ่ๆมาควบ ดู KIMENG เป็นตัวอย่าง แต่บริษัทที่ buffet ซื้อนั้นมีการลงทุนในระดับ global นะครับ อีกทั้ง FED, สถาบันจัดอันดับ อยู่ที่อเมริกา คิดว่าใครจะได้เปรียบกว่า

โดยเฉพาะ ข้อ 2, 3 ด้วยความที่ไทยเราผ่านปี 40 มา ก็เป็นไปได้ที่ ดร. จะเห็นความเปราะบาง หรือ ขยาดกับความไม่แน่นอนก็เป็นได้ สู้ถือหุ้นที่แน่นอนดีกว่า ถ้าจะมองก็คงเป็นเรื่องการยอมรับความเสี่ยงที่ต่างกัน

สรุป ปัจจัยต่างกัน สภาพแวดล้อมต่างกัน ผู้บริหารบริษัทต่างกัน การยอมรับความเสี่ยงของผู้ลงทุนต่างกัน ความรู้ความเข้าใจในธุรกิจต่างกัน
+10 ครับได้ข้อคิดที่ดีมากครับ :D

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 11:46 am
โดย yoko
เราจะทำตามใครก็ได้ ขอให้เราประสบความสำเร็จ
555 555

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 11:54 am
โดย ส.สลึง
ประเด็นนี้มันไม่ใช่เรื่องถูกหรือผิด
และมันก็ไม่ใช่ ขาว หรือว่า ดำ ด้วย
นอกจากจังหวะ และโอกาส
ผมคิดว่าก็มีความรู้ กับข้อมูล ณ ตอนนั้นที่มีด้วย

พอ อ. ไปซื้อหุ้นอะไร เดี๋ยวก็ยกมาเป็นประเด็นอีก
ทั้งๆ ที่หลักการก็เดิมๆ ไม่มีไรใหม่

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 12:17 pm
โดย sathaporne
ตัวเลือกมันมีแค่นี้เองเหรอ "ไม่ถูก ก็ผิด"
"ไม่ทำ" มันไม่้ได้แปลได้แต่เพียงว่า "เห็นว่าผิด ก็เลยไม่ทำ"
มันอาจจะแปลว่า "ไม่น่าสนใจเลยไม่ทำ", "มีสิ่งอื่นที่น่าสนใจมากกว่า"
"เท่าที่มีอยู่ก็เยอะแล้ว ขี้เกียจทำ" ฯลฯ
ผมไม่ทำตามคุณ มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมคิดว่า "คุณทำผิดนะ ผมเลยไม่ทำตาม"

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 12:57 pm
โดย plern074
ถ้าทำตามบัฟเฟต์ แปลว่าเราเชื่อว่า ดร. นิเวศน์ ผิด
ถ้าเราทำตามดร. แสดงว่าเราเชื่อว่าบัฟเฟต์ผิด
อย่างนั้นหรือคะ ในเมื่อคุณ blueplanet ก็บอกเองว่า "ถ้าคิดแบบลวกๆ"

ลองคิดให้ละเอียดและพิจารณาถึง "หลักการ" น่าจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ
บางคนต้องการผลลัพธ์เหมือนกัน เริ่มต้นด้วยหลักการเหมือนกัน แต่วิธีการต่างกัน
เริ่มต้นจาก 0 ต้องการให้เป็น 10 จะ 5+5, 50-40, 5x2, 100/10
สุดท้ายก็ได้ 10 เท่ากัน ไม่เห็นมีวิธีไหนที่ผิดเลย :D

เรานับถือพุทธนะคะ คงเหมือนคำพระพุทธเจ้าที่บอกว่า พิธีกรรม ประเพณี ความเชื่อต่างๆ ของพุทธนั้นเป็นเพียง "เปลือก" แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "แก่น" ต่างหาก

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 1:09 pm
โดย chowbe76
blueplanet เขียน:หลังจากอ่านบทความ ของ ดร.นิเวศน์ เรื่องตามรอยบัฟเฟต
มีข้อหนึ่งที่ 2ท่านนี้แตกต่างกัน คือ
"ข้อสอง หุ้นกลุ่มที่บัฟเฟตต์ลงทุนมากที่สุดกลุ่มหนึ่งตั้งแต่อดีตและก็ยังลงทุน
อยู่เรื่อย ๆ เมื่อมีโอกาสก็คือ หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของ
บริษัทประกันภัยและธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ นี่คือหุ้นที่บัฟเฟตต์
ลงทุนมาตลอด"
แต่ ดร.นิเวศน์แทบจะไม่ลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้เลย(ไม่รู้ว่า ดร.ยังถือ ktc อยู่ไม๊)
ถ้าคิดแบบลวกๆ ถ้าคน 2 คนคิดไม่เหมือนกัน ต้องมีคนหนึ่งถูกอีกคนหนึ่งผิด
แล้วใครละ ที่เราเชื่อว่าถูก และใครละที่เราเชื่อว่าผิด แล้วอะไรละคือเหตุผล

(ในfieder on the roofบอกว่าแม้คนเราคิดไม่เหมือนกันก็อาจจะถูกทั้งคู่)
อีกอย่าง ที่ทั้ง 2ท่านนี้แตกต่างกันคือหุ้นพลังงานและหุ้นคอมโมดิตี้
วอเรนจะเก็งกำไรบ้างแต่ ดร.นิเวศน์ ไม่สนใจเลย (หรือว่าซื้อเหมือนกันแต่ผมไม่รู้)
ตรงนั้นแหละที่ทำให้สมการผิดครับ
ลางเนื้อชอบลางยานะครับ

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 9:15 pm
โดย prichar s.
โอ้ อะไรกันนี่
ตามความคิด ตามมุมมอง ตามหลักการลงทุน เพื่อหวังประสบความสำเร็จ
กับ.........ซื้อหุ้นตาม(ใครก็แล้วแต่)
นี่แตกต่างกันนะ ว่ามั้ย?

แก่นกลายร่างเป็นกระพี้?

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 9:53 pm
โดย zesar
ทำไมต้องมีคนนึงถูกคนนึงผิดล่ะครับ มันอาจจะถูกทั้งคู่ก็ได้ คนเราถนัดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 10:17 pm
โดย theerasak24
ผมคิดว่าควรศึกษาวิธีคิดของท่านทั้งสองเพื่อนำมาสั่งสมประสพการณ์แล้วเมื่อทราบแล้วก็นำมาประยุกต์ใช้กับตนเอง

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 10:35 pm
โดย blueplanet
ตอนที่ไอสไตน์พุดว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ คนส่วนมากชอบมากเลย
เพราะขี้เกียจหาความรู้ ส่วนจินตนาการนั้นหลับๆตื่นๆเดี๋ยวก็กระฉูดแล้ว
ทำไมไอไสตน์พูดแบบนั้น ก็เพราะไอสไตน์เป็นคนมีความรู้มาก
ก็เลยคิดว่าคนส่วนมากมีความรู้มากเหมือนตัวเอง
จินตนาการไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้ามาจากคนที่มีความรู้น้อย
คนที่จะคิดเป็นและความคิดนั้นจะถูกต้องมีความรู้อย่างเพียงพอ
ไม่สงสัยหรือว่าทำไมคนทั้ง 2 คนนี้คิดไม่เหมือนกัน
หรือจะพอใจว่า คน 2 คนคิดไม่เหมือนกันเป็นเรื่องธรรมดา

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 11:04 pm
โดย picatos
แค่โจทย์ว่าจะทำตามใครก็ผิดแล้วครับ คนแต่ละคนมีวิถี มีประสบการณ์ มีความรู้ที่แตกต่างกัน เราเรียนรู้วิธีคิด เรียนรู้หลักการ แนวทางของคนอื่นเค้า เพื่อประยุกต์มาเป็นแนวทางของเรา ให้เหมาะกับอุปนิสัย เหมาะกับประสบการณ์ของเรา เพราะ เราไม่สามารถคิดเหมือน และทำตามคนๆ นั้นได้ทุกอย่าง แค่กายใจเราเองยังตามดูตามรู้ได้ไม่ทัน จะไปตามดูตามรู้กายใจคนอื่นได้อย่างไร

ถ้าเราเจอนักลงทุนที่มีอุปนิสัย มีประสบการณ์ร่วม มีวิธีคิดที่ใกล้เคียงกับเรา เราก็อาจจะเอามาประยุกต์ใช้ได้มากหน่อย อาจจะเรียกว่าถูกจริตได้ แต่ถ้าไม่ถูกจริตก็อาจจะเอามาประยุกต์ใช้ได้น้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิธีการของเค้าผิด ก็แค่เราไม่ถูกจริต ผมว่าคนเราจะใช้ชีวิต หรือจะหาเงินมันมีหลายวิธีการในการไปถึงจุดหมาย ไม่จำเป็นต้องมีวิธีเดียวเสมอ ดังนั้นถึงแม้เราจะไม่เข้าใจ ไม่ถูกจริต ก็ไม่ควรลบหลู่ดูหมิ่นวิธีการของเค้า เค้าก็ถูกในแบบของเค้า เราก็ถูกในแบบของเรา ทางสายกลาง ความเหมาะสมของคนแต่ละคนก็ต่างกันไปเป็นธรรมดา

แต่เท่าที่อ่านแนวความคิด วิธีการแสดงความคิดเห็นของพี่ blueplanet ผมคิดว่าพี่ไม่น่าจะถูกจริตกับอาจารย์นิเวศน์ หรือ บัฟเฟต นะครับ ซึ่งการแสดงความคิดเห็นหลายๆ อย่างของพี่นี่ ผมว่าพี่น่าจะระมัดระวังหน่อยนะครับ เพราะ คนที่นี่นับถืออาจารย์นิเวศน์และบัฟเฟตอย่างมากนะครับ

ด้วยความหวังดีนะครับพี่โลกฟ้า

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 11:19 pm
โดย multipleceilings
ชอบจริงๆกระทู้พี่คนนี้ ล่อเป้าได้ใจ 5555555+

ผมว่าคนออกความเห็นทั้งหลายอาจจะ serious เกินไป พี่ฟ้าเค้าไม่มีอะไรหรอกครับ เค้าเน้นเอามันอย่างเดียว :mrgreen:

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 11:31 pm
โดย blueplanet
ความชอบ และ จริตของเรา ไม่ได้ทำให้สิ่งใดผิดหรือถูก
แต่มันผิดหรือถูก ก็เพราะมันผิดหรือถูกอย่างนั้นเอง
มีหลายคนเชื่อว่า มีหลายวิธีในการประสพความสำเร็จในการลงทุน
แต่ผมเชื่อว่า มีน้อยวิธีมากที่ทำให้เราประสพความสำเร็จ
เช่น จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง มีเพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่สั้นที่สุด
ทั้งๆที่หลายคนเชื่อว่ามีหลายเส้นทางนั้นไม่จริง
สีน้ำเงินนั้นสวยมาก ยิ่งถ้าเรามองจากท้องฟ้า
ถ้า 2 คนนั้นคิดต่างกัน และถ้าเราคิดว่า 2 คนนั้นไม่ธรรมดา
เราต้องรู้ว่ามีเหตุผลอะไรที่ 2 คนนั้นคิดต่างกัน
จริงๆแล้วความเห็นของคุณ amornd ทำให้ผมแทบจะไม่มีข้อสงสัยแล้ว
แต่ อีกสักนิด ผมก็อยากรู้ว่า อาจจะมีคนที่คิดได้ลึกกว่าคุณ amornd ก็ได้
ส่วนคนที่บอกว่า ผมเอามันอย่างเดียวนั้น ไม่จริง
สิ่งที่ผมต้องการคือ ความรู้ของคนที่ฉลาดกว่าผม
มีเซียนคนหนึ่งบอกว่า หุ้น อย่าคิดเองเออเอง จะหมดตัวเอาง่ายๆ
(เสี่ยยักษ์ถ้าจำไม่ผิด)

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 04, 2012 11:36 pm
โดย multipleceilings
blueplanet เขียน:ความชอบ และ จริตของเรา ไม่ได้ทำให้สิ่งใดผิดหรือถูก
แต่มันผิดหรือถูก ก็เพราะมันผิดหรือถูกอย่างนั้นเอง
มีหลายคนเชื่อว่า มีหลายวิธีในการประสพความสำเร็จในการลงทุน
แต่ผมเชื่อว่า มีน้อยวิธีมากที่ทำให้เราประสพความสำเร็จ
เช่น จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง มีเพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่สั้นที่สุด
ทั้งๆที่หลายคนเชื่อว่ามีหลายเส้นทางนั้นไม่จริง
สีน้ำเงินนั้นสวยมาก ยิ่งถ้าเรามองจากท้องฟ้า
ถ้า 2 คนนั้นคิดต่างกัน และถ้าเราคิดว่า 2 คนนั้นไม่ธรรมดา
เราต้องรู้ว่ามีเหตุผลอะไรที่ 2 คนนั้นคิดต่างกัน
จริงๆแล้วความเห็นของคุณ amornd ทำให้ผมแทบจะไม่มีข้อสงสัยแล้ว
แต่ อีกสักนิด ผมก็อยากรู้ว่า อาจจะมีคนที่คิดได้ลึกกว่าคุณ amornd ก็ได้
ส่วนคนที่บอกว่า ผมเอามันอย่างเดียวนั้น ไม่จริง
สิ่งที่ผมต้องการคือ ความรู้ของคนที่ฉลาดกว่าผม
มีเซียนคนหนึ่งบอกว่า หุ้น อย่าคิดเองเออเอง จะหมดตัวเอาง่ายๆ
(เสี่ยยักษ์ถ้าจำไม่ผิด)
อาการหนักนะครับ 5555555+

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 12:04 am
โดย ส.สลึง
blueplanet เขียน:...ส่วนจินตนาการนั้นหลับๆตื่นๆเดี๋ยวก็กระฉูดแล้ว
ทำไมไอไสตน์พูดแบบนั้น ก็เพราะไอสไตน์เป็นคนมีความรู้มาก...
จินตนาการไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้ามาจากคนที่มีความรู้น้อย...
ผมขออนุญาตแนะนำพี่บลูฯ ว่า
ลองหาประวัติท่านมาอ่านอย่างละเอียดดูสักครั้งนะครับ

หรือถ้าคิดว่าอ่านละเอียดแล้ว
ลองอ่านอีกสักรอบ แล้วมาแชร์กันนะครับ

สำหรับเรื่องความรู้ ?

ผมเดาว่าพี่บลูเป็นคนมีการศึกษาสูงครับ
แต่อาจจะขาดประสบการณ์ใช้ชีวิต
หรือทำงานกับคนหลากหลายระดับ

ถ้าเข้าใจผิด ผมขออภัยครับ
เดี๋ยวจะลากประเด็นออกไปไกล

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 12:11 am
โดย ส.สลึง
blueplanet เขียน:...
มีหลายคนเชื่อว่า มีหลายวิธีในการประสพความสำเร็จในการลงทุน
แต่ผมเชื่อว่า มีน้อยวิธีมากที่ทำให้เราประสพความสำเร็จ
เช่น จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง มีเพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่สั้นที่สุด
ทั้งๆที่หลายคนเชื่อว่ามีหลายเส้นทางนั้นไม่จริง...
อัตตามาก ขีดเส้นได้น้อย
อัตตาน้อย ขีดเส้นได้มาก

ถ้าไม่เชื่อ...

ลองใช้ "จินตนาการ" ดูสิครับ :wink:

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 12:15 am
โดย jack2262
จริงๆ แล้วที่ท่าน Buffet นิยมการลงทุนในบริษัทประกันภัย ปัจจัยสำคัญมากๆ ตัวนึงก็คือ Float (เงินสำรองประกันภัยที่ยังไม่ต้องจ่ายคืนผู้ทำประกัน แล้วเอาไปลงทุน) ซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่มาก ที่สำคัญ 'ไม่มีต้นทุน'

ส่วนการลงทุนในธนาคารก็ต้องไปศึกษาต่อว่า Buffet อาศัย Leverage จากสถาบันการเงินนั้น เวลาทำ M&A หรือเปล่า

จะเห็นว่ามีประโยชน์พลอยได้ที่มากไปกว่าการลงทุนปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ Buffet มักจะลงทุนเป็นจำนวนมากจนได้ 'control' ขณะที่ท่าน ดร.นิเวศน์ เป็น passive investor ที่ไม่นิยมเข้าไปมีส่วนในการบริหารครับ

และจากประสบการณ์ส่วนตัวผมเองที่เคยทำงานทั้งในธนาคาร และ วาณิชธนกิจของเมืองไทย รวมทั้งประสบการณ์ที่ได้เคยทำดีลกับ Goldman หรือ Morgan จะเห็นว่า ความสามารถในการทำกำไรต่างกับของไทยลิบลับเลยครับ แม้คนของเขาจะได้เงินเดือนมากกว่าเรา 5-10 เท่า เช่นอาจจะเดือนละล้าน แต่รายได้ต่อดีลที่เขาทำได้อย่างน้อยๆก็ 'หลักร้อยล้าน' ครับ ขณะที่ IB เมืองไทยส่วนใหญ่ทำดีลนึงๆ (โดยเฉพาะ IPO) ไม่ค่อยถึง 10 ล้านครับ (เว้นแต่ Big deal ซึ่งนานๆ จะมีที มักจะทำโดย Phatra, SCB, BLS แต่ก็มักจะไม่ถึงร้อยล้านอยู่ดี หลายๆ ปีจะมีซักดีลนึง ที่ IB ไทยทำได้เกินร้อยล้านต่อดีล)

นอกจากนั้น ถ้าไปดูการลงทุนของท่าน Buffet ใน Goldman จะพบว่าเป็นการ "ตีแตก" ครับ เพราะ Goldman ต่างกับพวก Lehman และ Merrill ที่มีการลงทุนใน CDS เป็นสัดส่วนที่ต่ำกว่ามาก ขณะที่ธุรกิจ IB และ Brokerage แข็งแกร่งกว่ามาก Balance Sheet จึง clean กว่าและไม่ค่อยมีอะไรหมกเม็ด Buffet ลงทุนเป็น convertible ที่มี option ในการซื้อหุ้นราคา fix และได้ดอกเบี้ย 10% ต่อปี และตอนลงทุนก็ได้เข้าไปทำ due diligence อย่างละเอียดจึงมั่นใจว่าโอกาสเจ๊งน้อยมาก ลงทุนผ่านไปไม่ถึงปีราคาของ Goldman ก็สูงกว่า exercise price ไม่รู้กี่เท่าแล้วครับ ผมเชื่อว่าถ้าโอกาสลักษณะนี้มีอยู่ในเมืองไทย ท่าน ดร. จะตีแตกเช่นเดียวกัน

กล่าวโดยสรุป ผมเชื่อว่าแนวคิดทางการลงทุนของท่าน Buffet หรือ ดร. ก็คือแนวทางเดียวกันนั่นแหละครับ คือหาโอกาสการลงทุนที่ดี มีความเสี่ยงต่ำ ตนเองมีความเข้าใจธุรกิจดี และมี Margin of Safety ส่วนประเภทธุรกิจ....ไม่เกี่ยวครับ คนละประเทศ ธุรกิจเดียวกันแต่ความเสี่ยง/ผลตอบแทน ฯลฯ ต่างกันฟ้ากับเหวครับ

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 12:23 am
โดย sakkaphan
blueplanet เขียน:ความชอบ และ จริตของเรา ไม่ได้ทำให้สิ่งใดผิดหรือถูก
แต่มันผิดหรือถูก ก็เพราะมันผิดหรือถูกอย่างนั้นเอง
มีหลายคนเชื่อว่า มีหลายวิธีในการประสพความสำเร็จในการลงทุน
แต่ผมเชื่อว่า มีน้อยวิธีมากที่ทำให้เราประสพความสำเร็จ
เช่น จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง มีเพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่สั้นที่สุด
ทั้งๆที่หลายคนเชื่อว่ามีหลายเส้นทางนั้นไม่จริง
สีน้ำเงินนั้นสวยมาก ยิ่งถ้าเรามองจากท้องฟ้า
ถ้า 2 คนนั้นคิดต่างกัน และถ้าเราคิดว่า 2 คนนั้นไม่ธรรมดา
เราต้องรู้ว่ามีเหตุผลอะไรที่ 2 คนนั้นคิดต่างกัน
จริงๆแล้วความเห็นของคุณ amornd ทำให้ผมแทบจะไม่มีข้อสงสัยแล้ว
แต่ อีกสักนิด ผมก็อยากรู้ว่า อาจจะมีคนที่คิดได้ลึกกว่าคุณ amornd ก็ได้
ส่วนคนที่บอกว่า ผมเอามันอย่างเดียวนั้น ไม่จริง
สิ่งที่ผมต้องการคือ ความรู้ของคนที่ฉลาดกว่าผม
มีเซียนคนหนึ่งบอกว่า หุ้น อย่าคิดเองเออเอง จะหมดตัวเอาง่ายๆ
(เสี่ยยักษ์ถ้าจำไม่ผิด)
ไม่ได้คิดว่าคุณพูดเอามันครับ แต่ที่เห็นคุณตั้งกระทู้มา ผมติดใจกับตรรกะของคุณ
มีแต่คำว่า"ทำตาม"ทั้งนั้น ซึ่งมันขัดแย้งกับตรรกะของผมอย่างสิ้นเชิง
มาเข้าใจก็ตรงreplyนี้เอง ตรรกะคุณคือ คุณคิดว่า เส้นทางประสบความสำเร็จในเรื่องนึงๆ มีน้อยมาก แสดงว่าจึงต้องเลือกทำตามคนที่ประสบความสำเร็จแค่คนสองคน จึงจะสำเร็จ

แต่ตรรกะของผมคือ ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จ 2 คนไหน"ที่เหมือนกันอย่างสินเชิง" คุณต้องเป็นตัวของตัวเองต่างหาก จึงจะสำเร็จ
ถ้าเอาแค่เรื่องการลงทุน ก็ดูจากคนที่ประสบความสำเร็จในเว็บนี้ ก็มีไม่รู้กี่สิบคนแล้ว คุณลองไปถามเค้าตัวต่อตัวเลยก็ได้ว่า แนวความคิด แนวการลงทุนเค้า เป็นอย่างไร
ผมคิดว่า คุณจะพบเลยว่า"ไม่มีคนไหนเลยที่เหมือนกันเดี๊ยะ" อย่างมากก็คล้ายๆ

ไม่ต้องเรื่องการลงทุนหรอกครับ เอาทุกเรื่องเลยครับ กีฬา ดนตรี เกม ธุรกิจ การแข่งขันทุกอย่าง
คุณพบเหรอครับว่า เจอ2คนไหนที่มันcopyมาเดี๊ยะๆ

สรุปคือ ผมคิดว่า คนที่ประสบความสำเร็จทุกคน อาจจะมีความรู้ ทักษะ ที่ได้แนวมาจากคนที่ประสบความสำเร็จคนอื่น แต่สุดท้ายแล้วเค้าเอามาประยุกต์ใช้จน"ตกผลึกเป็นของตัวเอง"ต่างหาก จึงสำเร็จ
ไม่ใช่ว่าคุณต้องทำตามแค่บัฟเฟตหรือดร.นิเวศเท่านั้นจึงจะสำเร็จ... แล้วถ้าต่อไป2ท่านนี้ไม่อยู่แล้ว คุณจะทำตามใคร???

แค่แชร์ความคิดที่เห็นต่างนะครับ ไม่ได้ว่าหรือแดกดันอะไรทั้งน้ัน

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 12:50 am
โดย blueplanet
ใครบ้างที่เล่นไพ่ตีแตกเป็น
และถ้าเข้าใจว่าเล่นไพ่ตีแตกอย่างไรจึงกำไร
จะรู้ว่ามีหลักการแค่ 2-3 ข้อ ทำให้คุณเล่นไพ่ตีแตกแล้วกำไร
ยึดหลักการณ์แค่ 2-3 ข้อ แล้วเล่นไปเรื่อยๆ คุณก็จะกำไร
หุ้นผมยังไมสามารถสรุปได้ว่า มีแค่ 2-3 ข้อ
แต่ผมเชื่อว่า มันมีชุด ความคิดที่ทำให้ประสพความสำเร็จ
อาจจะมากกว่าตีแตก แทนที่จะเป็น 2-3 ข้อ ก็จะเป็น 7-8ข้อ
แล้วทำไปตามหลักการณ์ นั้นเรื่อยๆ แล้วก็จะกำไร
หรือว่าบางคนอาจเชื่อว่าหลักการณ์ ที่ตนเองมีอยู่ดีแล้ว
ไม่สนใจหาจุดอ่อนของหลักการณ์ตัวเอง
ถ้าเป็นแบบนั้น คนๆนั้น ก้โคตรมั่นใจในตัวเองเลย
คนมั่นใจตัวเองมากๆกับคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงก็คือคนประเภทเดียวกัน

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 12:59 am
โดย blueplanet
อีกนิด สำหรับทุกท่านที่อ่น
กรุณากด + ให้กระทู้ผมด้วย
เพราะ กระทู้ ผมถูกด ลบ จนกระทู้ผม ถูกซ่อนแล้ว
กระทู้ถุกกดลบจนถุกซ่อนคล้ายๆ กับถูกเซนเซอ
ขอบคุณทุกท่านที่กดบวก
และผมให้อภัยทุกท่านที่กดลบให้ผม

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 1:25 am
โดย ส.สลึง
ผมว่าพี่บลูเป็นคนคิดมากเกินเหตุนะครับ
เรื่องเล็กๆ ก็เอามาเป็นเรื่องใหญ่ๆ

สำหรับผม หลักการก็คือหลักการ
ถ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแล้วจะเรียกหลักการได้ไงล่ะ ?

เรื่องจุดอ่อนจุดแข็งก็เหมือนกัน
ผมคิดว่า คนที่เข้าใจหลักการ
จะรู้ว่า...

ควรเอาจุดที่แข็ง ทิ่มลงไปในจุดที่อ่อน
ในขณะที่หลบจุดอ่อน ให้ห่างๆ จากจุดที่แข็ง

ราตรีสวัสดิ์ครับ ง่วงแล้ว

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 1:33 am
โดย ซากคน
พี่โลกสีฟ้าครับ

ซากเชื่อนะครับว่า พี่ลงกระทู้เพื่อที่จะนำความเห็นทั้งหลายไปต่อยอดมากกว่าถกเถียงเพื่อให้รู้แพ้รู้ชนะ ซึ่งนั่นคงไม่ใช้จุดประสงค์ที่แท้จริงของการลงทุนให้มีกำไรตามสภาพของเรา จริงไหมครับ

หากจุดประสงค์เป็นดังนี้แล้ว การที่จะให้ได้มาซึ่งคำตอบที่ต้องการ ทางหนึ่งคือ การบอกปัญหาในการลงทุนของพี่ไปตรงๆ อย่างนี้แล้วเพื่อนๆที่เข้ามาตอบก็จะช่วยหาคำตอบที่นำไปสู่ทางออกได้กระชับดีเชียวนะครับ

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 1:36 am
โดย chitadisai
“แมวนั้นไม่สำคัญว่าสีขาวหรือสีดำ ขอให้จับหนูได้ ก็ต้องถือว่าเป็นแมวดี”

เติ้ง เสี่ยว ผิง

"ไม่ต้องสนใจว่าเป็นหมูหรือเป็นหมา ขอเพียงต้อนแกะได้ก็พอ"

เบ๊บ หมูน้อยหัวใจเทวดา

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 1:55 am
โดย multipleceilings
พี่บลูครับ ไอ้ที่พี่เป็นมีชื่อนะครับ condition นี้เรียกว่า confirmatory bias หรือ confirmation bias

slang เรียกกันว่า myside bias

ผมคิดว่าพี่จะเป็นกรณีศึกษาสำหรับสมาชิก thaiviที่สนใจ ที่ดีมากๆเลยครับ อย่าเลิก post นะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ :bow: :bow:

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 3:00 am
โดย sakkaphan
blueplanet เขียน:ใครบ้างที่เล่นไพ่ตีแตกเป็น
และถ้าเข้าใจว่าเล่นไพ่ตีแตกอย่างไรจึงกำไร
จะรู้ว่ามีหลักการแค่ 2-3 ข้อ ทำให้คุณเล่นไพ่ตีแตกแล้วกำไร
ยึดหลักการณ์แค่ 2-3 ข้อ แล้วเล่นไปเรื่อยๆ คุณก็จะกำไร
หุ้นผมยังไมสามารถสรุปได้ว่า มีแค่ 2-3 ข้อ
แต่ผมเชื่อว่า มันมีชุด ความคิดที่ทำให้ประสพความสำเร็จ
อาจจะมากกว่าตีแตก แทนที่จะเป็น 2-3 ข้อ ก็จะเป็น 7-8ข้อ
แล้วทำไปตามหลักการณ์ นั้นเรื่อยๆ แล้วก็จะกำไร
หรือว่าบางคนอาจเชื่อว่าหลักการณ์ ที่ตนเองมีอยู่ดีแล้ว
ไม่สนใจหาจุดอ่อนของหลักการณ์ตัวเอง
ถ้าเป็นแบบนั้น คนๆนั้น ก้โคตรมั่นใจในตัวเองเลย
คนมั่นใจตัวเองมากๆกับคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงก็คือคนประเภทเดียวกัน
คุณblueplanetครับ ในชีวิตจริง หรือในการลงทุนเนี่ย เงื่อนไข ปัจจัยแวดล้อมต่างๆเนี่ย มันเยอะจนนับไม่ถ้วน ในขณะที่เงื่อนไขปัจจัยแวดล้อมในเกมเล็กๆอย่างไพ่ตีแตกมีกี่อย่างกันครับ
คือ แนวคิดหลักๆ อาจมีแค่ไม่กี่อย่างน่ะ จริง
แต่ถ้าคุณคิดจริงๆว่า หนทางในชีวิตจริง รายละเอียดปลีกย่อยเนี่ย มีแค่ไม่กี่อย่างเหมือนในเกมเล็กๆอย่างงี้เท่านั้น ผมก็คงไม่พูดต่อแล้วครับ

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 7:15 am
โดย ส.สลึง
"ควรเอาจุดที่แข็ง ทิ่มลงไปในจุดที่อ่อน
ในขณะที่หลบจุดอ่อน ให้ห่างๆ จากจุดที่แข็ง"

สำหรับ value investor ผมว่ามันก็วนๆ อยู่กับเรื่องพวกนี้ครับ
valuation, mr.market
และ margin of safety ครับ

Re: จะทำตาม ดร.นิเวศน์ หรือ ทำตามวอเรนบัฟเฟตดี

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2012 9:16 am
โดย crazyrisk
blueplanet เขียน:อีกนิด สำหรับทุกท่านที่อ่น
กรุณากด + ให้กระทู้ผมด้วย
เพราะ กระทู้ ผมถูกด ลบ จนกระทู้ผม ถูกซ่อนแล้ว
กระทู้ถุกกดลบจนถุกซ่อนคล้ายๆ กับถูกเซนเซอ
ขอบคุณทุกท่านที่กดบวก
และผมให้อภัยทุกท่านที่กดลบให้ผม


จริงๆ ผมเคยร่วม discuss ในบทความก่อน เพราะเห็นว่า เป็นสิ่งที่น่าสนใจ
แต่หลังๆ เห็นคุณ โลกฟ้า เอา ประเด็นเดิมๆ มาตั้งใหม่ เพื่อ discuss
แต่การตั้งประเด็นให้โดนของคุณ กลับดูแล้วเหมือน เอา อาจารย์มาตั้งประเด็น
ทำให้หลายๆ คน ไม่ค่อยพอใจ

ผมว่า ประเด็นตั้งได้ครับ
เพราะ คำถาม ก่อให้เกิด ปัญญา

แต่ควรจะเป็นคำถาม ที่ มาจากปัญญาก่อนนะครับ จึงจะเกิดปัญญาที่เลิศกว่า


ผมว่า หากตั้งกระทู้แบบนี้ คงต้องยอมรับว่า มีคนไม่เห็นด้วย
ซึ่งคนไม่เห็นด้วยเขาก็กดลบ ในลักษณะ community เช่นกัน
ในเมื่อ กล้าแสดงออกความคิดเห็น ในทาง negative ต่อคนอื่นๆ
ก็ควรกล้า ยอมรับ ผลการแสดงความเห็นจากคนอื่นๆเช่นกันครับ