Thai VI

วิเคราะห์กันครับ set หลังสิ้นเดือนมิถุนายน คิดว่าอยู่ที่เท่าไหร่ครับ วันนี้ 24/06/2004 ต่างชาติ ซื้อกลับมา 2 วันแล้ว 300 กว่าล้านบาท

ตามที่พี่ปรัญชาว่าไว้ อาจเป็นเพราะกองทุนทำยอดครึ่งปี ดันราคาหุ้นในช่วงนี้ (ช่วงเดือนนี้กองทุนซื้อเกือบทุกวัน) เพื่อนๆคิดว่าหลังสิ้นเดือน ดัชนีขึ้นหรือลงครับ ประมาณการช่วงไหน

สำหรับผม คิดว่าดัชนีจะลงอย่างต่อเนื่อง ในเดือนกรกฎาคม มาจากข่าวต่างๆที่ไม่ดีนักในช่วงนี้ ทั้งสถานการณ์ในอีรัก การขาดงบดุลของประเทศ การชลอตัวเศษรฐกิจจีน ที่สำคัญราคาน้ำมันโลก และวัตถุดิบหลายอย่าง ตลอดจนการถอนเม็ดเงินออกจากตลาดของต่างชาติ กว่า 80,000 ล้านบาท (เม็ดเงินหายไปเยอะเหมือนกัน)

น่าจะต่ำกว่า 600 จุด และจะ rebound กลับขึ้นไป หลังจากราคา วัตถุดิบหลายอย่างเริ่มคงตัว ตลอดจนการกลับมาของเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ

ลองคิด วิจารณ์ได้เลยครับ (ชักอยากเป็น TA เก่งๆกับเขาบ้าง)

แต่ผมมองว่า ไม่มีปัจจัยอะไรมากระตุ้นให้ทะลุ ไปได้ มีแต่ปัจจัยด้านลบล้วนๆ ช่วงนี้เลยมองเป็นการปั่นหุ้นของ กองทุนและรายย่อยซะมากกว่า ไม่ว่าจะ เป็นเม็ดเงินที่ออกจากตลาด , volumn ในการซื้อขายในหุ้นตัวใหญ่ๆที่น้อยลง

ยังไม่มีอะไรมากระตุ้นเลยนี่ครับ และผมคิดว่ามันน่าจะค่อยๆเพิ่มในระยะยาว หากผลประกอบการในไตรมาสต่อๆมา ประกาศออกมาว่าดีกว่าปีก่อน และปันผลด้วย

ช่วงนี้ทั้งโลกคงจะต้องจับตาการประชุม FED ในวันที่ 29 และ 30 นี้ละครับว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเท่าไร

คาดว่าขึ้นกี่เปอร์เซนต์

.25 หรือ .50 ระยะยาว 2-3 ปีคงกลับไปที่ 3-4% จากปัจจุบัน 1%

ผมเคยคาดว่าน่าลงไป 500ต้นๆ แต่ชักไม่แน่ใจแล้ว เพราะเวลาผ่านมาได้ซักพัก ยังลงไปไม่เท่าไหร่ ข่าวต่างๆก็เริ่มชาชินกันแล้วและก็ไม่มีข่าวร้ายประเภททำให้เกิดPanicเข้ามาแทรกเลย
มาถึงตอนนี้ ก็ใกล้ประกาศผลประกอบการไตรมาส2กันแล้ว ราคาก็ไม่ค่อยไปไหน น่าจะมีการเริ่มทะยอยเก็บของถูกๆกันไว้ก่อน แต่ยังไม่เต็มที่จนกว่าจะไตรมาส3
ถ้าไม่มีเรื่องให้เกิดPanic แล้วก็น่าจะทรงๆ+ขึ้นช้าๆครับ

ผมว่า set คงเคลื่อนไหวแคบๆ เพราะข่าวดีน้อย ข่าวร้ายยังมีอยู่ แต่setปรับตัวลงรับข่าวร้ายมานานพอสมควรแล้ว ที่ว่าจะลงลึกถึง 500 คงยาก..........แต่ถ้าขึ้นถึง 750 มีโอกาสมากกว่า แล้วแต่สถานการณ์โลก และในประเทศเป็นสำคัญ

ระยะยาวสดใส.................หากยังมีนายกชื่อ ทักษิณ

แต่ภายในสิ้นเดือนนี้ไม่น่าจะหวือหวาเท่าที่ควร

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมไม่ค่อยสนใจ set เท่าไรหรอกครับ บางครั้งก็ไม่แสดงถึงผลตอบแทนของการลงทุนมากนัก เพราะหุ้นที่ผมลงทุนไม่ค่อยมีผลต่อ set เท่าไร แต่ถ้า set บวกก็เป็นดีในแง่ จิตวิทยาเหมือนกันนะครับ