หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ความสำคัญของ biz model และ brand

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 13, 2012 11:18 am
โดย intrendman
นักลงทุนหลายคนอาจจะชอบดูอัตราส่วนทางการเงินและวิเคราะห์ความถูกหรือความแพงของหุ้นจากอัตราส่วนทางการเงิน หรือตัดสินว่าบริษัทมีศักยภาพสูงจาก roa และ roe วันนี้ผมจะลองนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับ biz model ของหุ้นว่าหุ้นที่ธุรกิจแตกต่างกันจะมี financial ratio ต่างกันอย่างไรบ้าง

-หลายคนชอบดู bv แล้วประเด็นคือ bv ใช่ในการลงทุนได้จริงไหมเช่น

หุ้นโรงแรม e มี pbv ถูกกว่าหุ้นโรงแรม m แบบนี้เราจะบอกว่าหุ้นโรงแรม e ถูกกว่า m ได้ไหม

ประเด็นคือ โรงแรม e ไม่ได้มีแบรนที่แข็งแกร่งอะไร แต่โรงแรม m มีแบรนเป็นของตัวเองและใช้แบรนนั้นในการรับจ้างบริหารและทำให้โรงแรม m สามารถเติบโตได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนหนักเพราะการที่มีแบรนนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ในงบดุล แต่เป็นสิ่งที่ทำเงินทำทองให้บริษัทได้

ถ้าเราให้ pbv เท่ากันแบบนี้เราจะไม่ให้คุณค่าอะไรกับการที่โรงแรม m มีแบรนเป็นของตัวเองที่แข็งแกร่งแล้วนำไปใช้หารายได้เพิ่มได้เลยหรือ ถ้าเมีคนสองคนจะเขียนหนังสือ pocket book ขาย คนนึง no name กับอีกคนเคยเป็นตัวประกอบในภาพยนต์มี fan page ที่มีคนกด like เป็นหมื้่นคน ถ้าออก pocket book มาใครจะขายดีกว่า แล้วชื่อเสียงถือว่าจับต้องได้ไหม ไม่ได้เพราะเป็นสิ่งสมมุติแต่ใช้หารายได้ ได้ไหมคำตอบคือได้แล้วถ้าเราวิเคราะห์แนวโน้มอนาคตของคนที่จะสร้างรายได้เราควรจะรวมสิ่งที่ใช้หาเงินได้แต่จับต้องไม่ได้เข้าไปด้วยไหม

นอกจากนี้โรงแรม m ก็มีธุรกิจอาหารจานด่วนที่ไม่ใช่ cycle เหมือนโรงแรม e เป็นธุรกิจที่โตไปเรื่อยๆดังนั้น bv ของโรงแรม m คงไม่สามารถเปรียบเทียบกับโรงแรม e ที่เป็น pure hotel ได้

-หุ้นประกันชีวิตขายเบี้ยแล้วได้รับเบี้ยต่อเนื่องทบต้นขึ้นเรื่อยๆบริษัทมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ถ้าเรามองว่า pbv สูง เราต้องถามว่าจริงๆ bv ของเขาคืออะไร bv ของเขาไม่ได้สะท้อนเบี้ยรับที่จะได้เพิ่มต่อเนื่องมาอีกหลายๆปีข้างหน้าซึ่งทำให้เขามีเงินลงทุนมากขึ้น แล้วแบบนี้เราควรดู bv เป็นประเด็นสำคัญไหม ถ้าเราบอกว่าสำคัญแสดงว่าเราตีมูลค่าของบริษัทที่หยุดผลิตเงินสดให้เรากับบริษัทที่ผลิตเงินสดต่อเนื่องให้เราได้เท่ากันงั้นหรือ

-ถ้าหุ้นตัวนึงเรารู้ว่าเขาซื้อของมาราคาแพงเขาไซฟ่อนเงินของ 100 บาทเขาซื้อมา 200 บาท bv เขาบันทึกของแพงกว่าจริงเยอะ ถ้าเราคิดว่า bv คือของจริง ทั้งๆที่เป็นของแพงเกินจริงเปรียบเหมือนมีคนเอาของ 1 บาทมาขายเราสองบาทเราจะซื้อไหม เราจะซื้อเพราะเขาบอกว่ามัน 2 บาท หรือเราจะไม่ซื้อเพราะเรารู้ว่าจริงๆมันแค่ 1 บาท

-roa ถ้าโรงพยาบาลแห่งนึงมี roa 15% กลับบริษัทรับจ้างผลิตแห่งนึงมี roa 15% เราคิดว่าเหมือนกันไหมถ้าเหมือนกันต้องถามว่าถ้าเราใช้เงิน 1000 ล้านแล้วเราสร้างกำไรได้ 150 ล้านเท่าบริษัทรับจ้างผลิตไหมถ้าได้ก็แสดงว่า roa แบบนี้ธรรมดาเลียนแบบกันได้ไม่ยาก แต่ถ้าเราใช้เงิน 10000 ล้านสร้างกำไรไม่ได้ 1500 ล้านเหมือนโรงพยาบาลแห่งนึงเพราะว่าไม่มีคนเชื่อถือโรงพยาบาลของเราเพราะโรงพยาบาลเราไม่มีชื่อเสียง ไม่มีหมอเก่งๆอยากมาทำงานด้วย แบบนี้ roa ของโรงพยาบาล 15% แสดงว่ามี premium มากกว่า 15% ของหุ้นรับจ้างผลิตถูกไหม

-บริษัทผลิตขนมปังแห่งนึงถ้าเราดูว่าเขามี roa เท่าไหร่ดูเผินๆก็อาจจะไม่มีอะไร แต่บริษัทเขาขายขนมปังได้ทั่วประเทศแสดงว่าระบบ logistic ของเขาต้องดีมากเพราะความสำคัญของขนมปังคือความสด ถ้าว่าถ้าเราลงทุน asset เท่ากับเขา เราจะมีระบบ logistic ดีเท่ากับเขาได้หรือ เราจะมีแบรนขนมปังที่ผู้บริโภคมักมองหาแบบเขาได้หรือ ถ้าไม่ได้แสดงว่าธุรกิจมีแบรน

-roe สูง หลายคนชอบหุ้น roe สูงๆแต่มีประเด็นอะไรบ้างที่ต้องดู บริษัทกลุ่มสิ่งพิมพ์แห่งนึงมี roe 30% ต่อเนื่องแต่ทุนของบริษัทไม่เพิ่มขึ้นเลยเพราะบริษัทจ่ายปันผลออกมาหมดแบบนี้กำไรไม่โตบริษัทก็มี roe ที่สูงต่อเนื่องได้ แต่บริษัทอื่นๆที่ปันผลต่อๆ ลองยกตัวอย่างแบบสุดโต่งไม่ปันผลเลย แล้วบริษัทมี roe 20% ต่อเนื่อง ถ้าแต่เดิมบริษัทมีทุนอยู่ 1000 ล้านและทำกำไรได้ 200 ล้านก็มี roe 20% ถ้าบริษัทไม่ปันผลเลยแล้วจะ maintain กำไรระดับ 20% ปีต่อไปบริษัทจะมีทุน 1200 ล้านและมีกำไร 240 ล้านเพื่อ maintain roe ระดับ 20% ถ้าบริษัท maintain ได้ 5 ปีลองคิดดูว่า wealth ผู้ถือหุ้นจะเพิ่มขนาดไหน

-บริษัทสำรวจและขุดเจาะมีไม่ต่ำ roe 20% ต่อเนื่องยาวนานและมี npm 30% ต่อเนื่องยาวนานทั้งๆที่เสีย tax ถึง 50% แสดงว่าบริษัทมี model ทางธุรกิจที่ดีเนื่องจากการขุดก๊าซธรรมชาติต้องได้สัมปทานบริษัทมีสัมปทานในอ่าวไทยและพม่าถามว่าถ้าราคาน้ำมันขึ้นอยู่ๆจะมีคนไปขุดก๊าซทีพม่าจะเกิดอะไรขึ้นคำตอบคงไม่พ่นโดนยิงเพราะก๊าซเป็นสำหรับของประเทศ ในทางกลับกันโรงกลั่นกับปิโตรเคมีถ้ากำไรดีก็จะมีการสร้างโรงงานซึ่งทำให้ไม่สามารถ maintain npm และ roe ที่สูงได้ แบบนี้เราจะเหมาว่าหุ้นที่สามกลุ่มนี้น่าลงทุนเท่ากันเพราะมีบริษัทแม่แบบเดียวกันได้หรือไม่

-ถ้าเราบอกว่าร้านสะดวกซื้อแห่งนึงมี pbv สูงจึงไม่น่าลงทุน แต่จริงๆแล้วร้านสะดวกซื้อมีอำนาจต่อรองสูงมากและไม่ต้องลงทุนหนักในการขยาายธุรกิจเพราะใช้การเช่า ร้านสะดวกซื้อเพิ่มมาร์จิ้นได้โดยการขายสินค้าแช่แข็งและแซนวิช และสามารถทำสินค้า house brand ได้เองและร้านสะดวกซื้อก็จะรู้ต้นทุนของสินค้าที่นำมาขายมากขึ้นแบบนี้มีอำนาจต่อรองสูงขึ้น แบบนี้ถ้าเราใช้เงินลงทุนในการทำร้านสะดวกซื้อบ้างโดยเงินลงทุนเท่ากับ bv ของร้านสะดวกซื้อเราจะทำกำไรได้แค่กี่% ของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้

-ถ้าธุรกิจอิเล็กทรอนิกมี pbv ที่สูงเพราะบริษัทมี growth ต่อเนื่องหลายปีเราก็เลยคิดว่าธุรกิจนี้มี barry to entry ทั้งๆทีจริงๆแล้วมันไม่มี เหมือนหุ้นที่ผลิต pcba ที่อยู่ๆลูกค้าก็ถูก take over 5 รายโดยที่ลูกค้า 5 รายมียอดขายประมาณ 50% ของบริษัทหายไปเพราะคนที่มา take เปลี่ยนนโยบายไปซื้อสินค้าจากเจ้าอื่น แบบนี้ถ้าเราให้ premuim กับหุ้นตัวนี้สูงมากๆเราก็เจ็บหนักได้เพราะธุรกิจลักษณะนี้พึ่งพิงลูกค้าไม่กี่รายซึ่งไม่เหมือนบริษัทร้านสะดวกซื้อหรือขายขนมปังหรือโรงพยาบาล

-ธุรกิจอิเล็กทรอนิกและยานยนต์เป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนหนักตลอดเวลาอย่างหุ้นผลิต pcba ที่เคยเป็นนางฟ้ามาก่อนระหว่างเติบโตก็ต้องมีการจ่าย stock dividend ซึ่งทำให้ dilute eps หรืออย่างหุ้นผลิตเพลาข้างจะลงทุนเครื่องจักรสำหรับผลิต model รถรุ่นใหม่ๆก็ต้องเพิ่มทุนผ่านการออก t-1 และหุ้นฉายา ดาวน้อย ก็เป็นหุ้นที่ไปเพิ่มทุนที่ราคาเกือบ peak เหมือนกัน ดังนั้น long-term ของบริษัทเหล่านี้แม้ว่าจะโตได้แต่ก็จะมี share เพิ่มขึ้นซึ่งต่างจากหุ้นเติบโตที่ใช้เงินลงทุนน้อยดังนั้นหุ้นแบบนี้ก็ควรจะมี pe ต่ำกว่า

จะเห็นได้ว่าถ้านักลงทุนเข้าใจ model ธุรกิจและเรื่องของแบรนแล้วน่าจะทำให้นักลงทุนเข้าใจการให้ค่า pe pbv ของตลาดมากขึ้น
บทความของคุณฮงล่าสุดครับ
ที่มา:http://hongvalue.wordpress.com/

Re: ความสำคัญของ biz model และ brand

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 13, 2012 11:41 am
โดย บูรพาไม่แพ้
ผมให้ 10+ ครับ :D บทความดีมาก

Re: ความสำคัญของ biz model และ brand

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 13, 2012 11:52 am
โดย zz99
ขอบคุณมากครับ มีประโยชน์มาก

Re: ความสำคัญของ biz model และ brand

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 13, 2012 12:12 pm
โดย harikung
บทความดีครับ ถึงจะดูเหมือนพยายามสื่อถึงหุ้นตัวนึงก็ตาม

Re: ความสำคัญของ biz model และ brand

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 14, 2012 12:14 am
โดย OutOfMyMind
ขอบคุณสำหรับบทความครับ

สำหรับผม
สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คือพวกที่จับต้องไม่ได้ พวกที่มันคลุมเคลือ เหล่านี้แหล่ะครับ
เราควรทำความเข้าใจ ระบบธุรกิจ ว่ามันทำเงินได้อย่างไร และจะยั่งยืน เติบโตหรือไม่ ผู้บริหารมีชื่อเสียงอย่างไร พฤติกรรมที่ผ่านมาแสดงออกว่าให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของผถหหรือไม่ พวกที่ประเมินยาก ๆ จับต้องไม่ได้เหล่านี้แหล่ะ เป็นสิ่งแรกและสำคัญที่จะแยกเราออกจากนักลงทุนทั่วไปที่ประสบความล้มเหลว

หากตรงจุดนี้มันผ่าน ค่อยหันไปดู อัตราส่วนต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นตัวบอกได้คร่าว ๆ ว่า จังหวะในตอนนี้ ถูกหรือไม่ หรือว่าน่าสนใจหรือยัง

Re: ความสำคัญของ biz model และ brand

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 14, 2012 12:40 am
โดย nut776
หุ้น growth ดู book ไปก็เท่านั้น ขนาด pe ยังประเมินยากเลย
คนซื้อ pttep ตอน pe ร้อยกว่าไม่รู้รวยเท่าไหรแล้วถ้ายังไม่ขาย
global ใครซื้อตอน pe85 ได้กำไรไปอย่างน้อยสองเด้ง

ผมก็ไม่รู้จะใช้หลักอะไรมาจับ
วานผู้รู้สอนต่อหน่อย

Re: ความสำคัญของ biz model และ brand

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2012 11:06 am
โดย blueplanet
เป็นหลักคิดที่ดี และเป็นจริงมาตลอด ตั้งแต่เมื่อ 5-10 ปีที่แล้ว
เมื่อ 5-10 ปีที่แล้ว คนคิดลึกๆแบบนี้มีน้อยมาก
หุ้นพวกนี้ ราคาจึงไม่ค่อยไปไหน
ส่วนมากคนยังดูหุ้น พีอีต่ำๆ พีบีต่ำ ปันผลสูงๆ
เมื่อคนเริ่ม เห็นภาพตามที่คุณ ฮองวาลู อธิบาย
บางคนเห็นและกล้าที่จะซื้อเมื่อ 10ปีที่แล้ว
บางคนเห็นและกล้าที่จะซื้อเมื่อเมื่อ 7ปีที่แล้ว
บางคนเห็นและกล้าซื้อเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
แต่ละปีที่ผ่านไปมีคนเห็นและกล้าซื้อหุ้นพวกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งคนเชื่อหลักนี้มากเท่าไหร่ หุ้นก็ขึ้นไปมากเท่านั้น
มันอาจจะเหมือนหรือไม่เหมือน ตอนที่หุ้นอสังหาบูมเมื่อ 20ปีที่แล้ว
เพราะตอนนั้น คนก็มองโมเดลธุรกิจหุ้นอสังหาว่า
เป็นผู้สร้างชุมชน ดึงคนให้มาอยู่รวมกันมากๆ
สร้างความเจริญ ทำให้เกิดธุรกิจต่อเนื่องต่างๆ
เช่นโรงหนังโรงแรมภัตราคารร้านค้าฯลฯ
คนจึงให้พีเมี่ยมหุ้นอสังหาสูงมาก
บางคนยินดีซื้อหุ้นรัตนะการเคหะ(RR) ที่ 400 บาท
จริงๆ มันไม่เหมือนกับอสังหาเมื่อ 20ปีที่แล้วหรอก
แต่จงเชื่อเหอะว่า ถ้า คนเกือบทั้งตลาดทำเหมือนๆกัน
มันจะไม่เป็นผลดีต่อพวกคิดช้าทำช้าแน่นอน

Re: ความสำคัญของ biz model และ brand

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2012 11:39 am
โดย alberto
ขอบคุณครับคุณ INTRENDMAN ได้ความรู้และมุมมองที่ดีครับ :P