พิษอุทกภัยฉุดอสังหากำไรทรุด
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 07, 2012 4:53 pm
บริษัทจดทะเบียน วันศุกร์ที่ 06 มกราคม 2555
ผู้เข้าชม : 87 คน
พิษอุทกภัยครั้งใหญ่ ฉุดกำไร Q4/54 ของอสังหาฯ 6 รายใหญ่ ทรุดเหลือ 2 พันล้านบาท ลดลง 59% จาก Q4/53 เหตุลูกค้ายกเลิกโอนเพียบ "QH" หนักสุดคาด Q4/54 ขาดทุน PS กำไรร่วง 92% SPALI ดิ่งลง 63% AP ทรุด 49% ส่วน LPN กำไรหดลง 85% ยกเว้น LH ดูดีสุดกำไรลดแค่ 5% แต่เพิ่มขึ้น 28% จากQ3/54 เหตุบุ๊คกำไรพิเศษขายเงินลงทุน 5แห่งในอินโดนีเซีย โบรกฯแนะเก็งกำไร เลือก AP-LH เป็นหุ้น Top Pick ราคาพื้นฐาน6 บาท และ 7.20 บาท ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่งผลกระทบกับผลประกอบการในไตรมาสที่ 4/54 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (พัฒนาที่อยู่อาศัย) ซึ่งแนวโน้มจะเป็นไตรมาสต่ำสุดของปี และลดลงทั้งงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ)
โดยฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาสที่ 4/54 ของผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งหมด 6 ราย คือ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) บมจ.ศุภาลัย (SPALI) และบมจ.แอลพีเอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ (LPN) จะเท่ากับ 2 พันล้านบาท ลดลง 59% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 50% จากไตรมาสก่อน
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 54 ส่งผลให้เกิดการยกเลิกยอดขายที่รอโอนบางส่วน การชะลอโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยไปในปี 2555 และค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วมและบูรณะสาธารณูปโภคของพอร์ตโครงการหลังน้ำลด ผู้ประกอบการโครงการแนวราบจะได้รับผลกระทบที่มากกว่าโดยเฉพาะในโซนที่มีน้ำท่วมขัง
ทั้งนี้ คาดการณ์ผู้ประกอบการที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดต่อผลประกอบการไตรมาสที่ 4/54 ลดลงกว่ากลุ่ม คือ QH จะแสดงผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสที่ 4/54 ขณะที่ PS จะมีกำไรลดลง 92% จาก YoY และลดลง 89% จาก QoQ ส่วน AP กำไรจะลดลง 49% จาก YoY และลดลง 48% จาก QoQ และ SPALI จะมีกำไรลดลง 63% จาก YoY และลดลง 36% จาก QoQ
ในขณะที่ LH จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่ด้วยมีการบันทึกกำไรจากการขายบริษัท 5 แห่งในอินโดนีเซียในเดือน ธ.ค. 54 ส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาสที่ 4/54 ของ LH ลดลง 5% จาก YoY แต่เพิ่มขึ้น 28% จาก QoQ ไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับผู้ประกอบการแนวราบรายอื่นๆ
แม้ว่า LPN จะมีกำไรสุทธิลดลง 85% จาก YoY และลดลง 90% จาก QoQ จะแสดงผลประกอบการลดลงเช่นกันในไตรมาสที่ 4/54 แต่ถือว่าเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงรายเดียวที่แสดงผลประกอบการทั้งปี 2554 ตามเป้าหมายของบริษัท เนื่องจากพอร์ตโครงการเกือบทั้งหมดเป็นคอนโดมิเนียมที่ไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากภาวะน้ำท่วม ในขณะที่ผู้ประกอบการแนวราบรายใหญ่ล้วนพลาดเป้าหมายของผลประกอบการปี 2554
ส่วนผลประกอบการปี 2555 ของผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 6 รายรวมกัน คาดการณ์ว่ายังมีแนวโน้มเติบโตจากปี 2554 โดยกำไรสุทธิรวมในปี 2555 จะเท่ากับ 1.57 หมื่นล้านบาท เติบโต 8.1% จากปี 2554 ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากผลประกอบการที่ลดลงอย่างมีนัยในไตรมาสที่ 1/54 เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ขาดโครงการคอนโดมิเนียมเข้ามารับรู้เป็นผลประกอบการในไตรมาสดังกล่าว และใน ไตรมาสที่ 4/54 เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัย
ดังนั้นผลประกอบการปี 2555 คาดว่าจะเติบโต 8.1% จากฐานผลประกอบการที่หดตัวในปี 2554 อาจจะยังไม่สร้างความน่าสนใจในแง่ของความเป็น Growth Stock ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมที่คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของยอดขาย (Pre-Sale) ของโครงการแนวราบและการโอนกรรมสิทธิ์หมายรวมถึงการบันทึกรายได้ของผู้ประกอบการจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อลูกค้าเริ่มมั่นใจในแนวทางป้องกันน้ำท่วมของแต่ละโครงการซึ่งอย่างเร็วในกลางปี 2555 และอย่างช้าภายหลังฤดูฝนสิ้นสุดลงในเดือน ต.ค. 55
อย่างไรก็ตาม ด้วยภาพรวมอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเร็วในปี 2555 และผลประกอบการปี 2555 ที่คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยจากปี 2554 ยังคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยไว้ที่ "น้อยกว่าตลาด" ปัจจัยบวกในระยะสั้นจะมีเพียงการฟื้นตัวของผลประกอบการรายไตรมาสจากจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 4/54 ซึ่งประเมินว่าเป็นเพียงประเด็นสำหรับการเก็งกำไรเท่านั้น เลือกหุ้น Top Pick ได้แก่ AP (มูลค่าพื้นฐาน 6 บาท) และ LH (มูลค่าพื้นฐาน 7.20 บาท)
http://www.kaohoon.com/daily/17178/พิษอ ... รทรุด-.htm#
ผู้เข้าชม : 87 คน
พิษอุทกภัยครั้งใหญ่ ฉุดกำไร Q4/54 ของอสังหาฯ 6 รายใหญ่ ทรุดเหลือ 2 พันล้านบาท ลดลง 59% จาก Q4/53 เหตุลูกค้ายกเลิกโอนเพียบ "QH" หนักสุดคาด Q4/54 ขาดทุน PS กำไรร่วง 92% SPALI ดิ่งลง 63% AP ทรุด 49% ส่วน LPN กำไรหดลง 85% ยกเว้น LH ดูดีสุดกำไรลดแค่ 5% แต่เพิ่มขึ้น 28% จากQ3/54 เหตุบุ๊คกำไรพิเศษขายเงินลงทุน 5แห่งในอินโดนีเซีย โบรกฯแนะเก็งกำไร เลือก AP-LH เป็นหุ้น Top Pick ราคาพื้นฐาน6 บาท และ 7.20 บาท ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่งผลกระทบกับผลประกอบการในไตรมาสที่ 4/54 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (พัฒนาที่อยู่อาศัย) ซึ่งแนวโน้มจะเป็นไตรมาสต่ำสุดของปี และลดลงทั้งงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ)
โดยฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาสที่ 4/54 ของผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งหมด 6 ราย คือ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) บมจ.ศุภาลัย (SPALI) และบมจ.แอลพีเอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ (LPN) จะเท่ากับ 2 พันล้านบาท ลดลง 59% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 50% จากไตรมาสก่อน
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 54 ส่งผลให้เกิดการยกเลิกยอดขายที่รอโอนบางส่วน การชะลอโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยไปในปี 2555 และค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วมและบูรณะสาธารณูปโภคของพอร์ตโครงการหลังน้ำลด ผู้ประกอบการโครงการแนวราบจะได้รับผลกระทบที่มากกว่าโดยเฉพาะในโซนที่มีน้ำท่วมขัง
ทั้งนี้ คาดการณ์ผู้ประกอบการที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดต่อผลประกอบการไตรมาสที่ 4/54 ลดลงกว่ากลุ่ม คือ QH จะแสดงผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสที่ 4/54 ขณะที่ PS จะมีกำไรลดลง 92% จาก YoY และลดลง 89% จาก QoQ ส่วน AP กำไรจะลดลง 49% จาก YoY และลดลง 48% จาก QoQ และ SPALI จะมีกำไรลดลง 63% จาก YoY และลดลง 36% จาก QoQ
ในขณะที่ LH จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่ด้วยมีการบันทึกกำไรจากการขายบริษัท 5 แห่งในอินโดนีเซียในเดือน ธ.ค. 54 ส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาสที่ 4/54 ของ LH ลดลง 5% จาก YoY แต่เพิ่มขึ้น 28% จาก QoQ ไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับผู้ประกอบการแนวราบรายอื่นๆ
แม้ว่า LPN จะมีกำไรสุทธิลดลง 85% จาก YoY และลดลง 90% จาก QoQ จะแสดงผลประกอบการลดลงเช่นกันในไตรมาสที่ 4/54 แต่ถือว่าเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงรายเดียวที่แสดงผลประกอบการทั้งปี 2554 ตามเป้าหมายของบริษัท เนื่องจากพอร์ตโครงการเกือบทั้งหมดเป็นคอนโดมิเนียมที่ไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากภาวะน้ำท่วม ในขณะที่ผู้ประกอบการแนวราบรายใหญ่ล้วนพลาดเป้าหมายของผลประกอบการปี 2554
ส่วนผลประกอบการปี 2555 ของผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 6 รายรวมกัน คาดการณ์ว่ายังมีแนวโน้มเติบโตจากปี 2554 โดยกำไรสุทธิรวมในปี 2555 จะเท่ากับ 1.57 หมื่นล้านบาท เติบโต 8.1% จากปี 2554 ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากผลประกอบการที่ลดลงอย่างมีนัยในไตรมาสที่ 1/54 เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ขาดโครงการคอนโดมิเนียมเข้ามารับรู้เป็นผลประกอบการในไตรมาสดังกล่าว และใน ไตรมาสที่ 4/54 เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัย
ดังนั้นผลประกอบการปี 2555 คาดว่าจะเติบโต 8.1% จากฐานผลประกอบการที่หดตัวในปี 2554 อาจจะยังไม่สร้างความน่าสนใจในแง่ของความเป็น Growth Stock ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมที่คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของยอดขาย (Pre-Sale) ของโครงการแนวราบและการโอนกรรมสิทธิ์หมายรวมถึงการบันทึกรายได้ของผู้ประกอบการจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อลูกค้าเริ่มมั่นใจในแนวทางป้องกันน้ำท่วมของแต่ละโครงการซึ่งอย่างเร็วในกลางปี 2555 และอย่างช้าภายหลังฤดูฝนสิ้นสุดลงในเดือน ต.ค. 55
อย่างไรก็ตาม ด้วยภาพรวมอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเร็วในปี 2555 และผลประกอบการปี 2555 ที่คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยจากปี 2554 ยังคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยไว้ที่ "น้อยกว่าตลาด" ปัจจัยบวกในระยะสั้นจะมีเพียงการฟื้นตัวของผลประกอบการรายไตรมาสจากจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 4/54 ซึ่งประเมินว่าเป็นเพียงประเด็นสำหรับการเก็งกำไรเท่านั้น เลือกหุ้น Top Pick ได้แก่ AP (มูลค่าพื้นฐาน 6 บาท) และ LH (มูลค่าพื้นฐาน 7.20 บาท)
http://www.kaohoon.com/daily/17178/พิษอ ... รทรุด-.htm#