Thai VI

ปี2554 ผ่านไปคุณได้เรียนรู้อะไรจาก ตลาด"ขุมทรัพย์การเงิน"

ผมได้เรียนรู้ว่า

1.หุ้นขึ้น จะมีข่าวดี ทั้งเกียวข้องและไม่เกียวข้อง เอาผูกกัน เพื่อเสริมและโปรโมทหุ้นเสมอ
ทางตรงกันข้ามหุ้นลง ข่าวร้ายทั้งเกี่ยวและไม่เกียวข้อง ก็จะผูกกันมาเพื่อเป็นลบเสมอเช่นกัน

2.ราคาหุ้นประเภทเทิร์นอะราวด์ จะขึ้นเร็วมาก เมื่อได้รบการค้นพบ
ยังกะผลประกอบการจะเข้ามาทันในกระพริบตา แต่ที่จริงแล้วธุรกิจมันต้องใช้เวลา

3. พลาวเวอร์ของ วีไอ มีพลังต่อตลาดหุ้นอย่างคาดไม่ถึง

4. คุณซื้อแล้วหุ้นลง ไม่ใช่ว่าคุณลงทุนผิด หรือ คุณซื้อแล้วหุ้นขึ้นไม่ใช่ว่าคุณลงทุนถูก แต่คุณจะผิดหรือถูก
ผลประกอบการเป็นผู้ตัดสิน หากคุณซื้อแล้วขาย ก่อนผลประกอบการจะตัดสิน นั่นคือคุณ"เล่นหุ้น"

5. หุ้นขึ้นเร็ว ลงเร็ว ในช่วงเวลาสั้นๆ มักมีทั้งคน "หวังดี และ หวังประโยชน์" ออกมาเตือนเสมอ

6. เคยรู้จักแต่ "คนตายไม่ได้พูด" แต่ ปี 54 ที่ผ่านมาได้เห็น "คนเป็นๆ...แต่ไม่พูด"

7. เป้าหมายจริงๆของโบรกเกอร์ คือ เพิ่มยอดการซื้อ-ขายของพวกเรา และ มีพอร์ตของพวกเขาเพิ่มสภาพคล่อง ให้ตลาดเสมอ

8. อย่าไปปักใจราคา หรือ ดัชนี เป้าหมายของนักวิเคราะห์ เพราะเขาสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
ใช้ข้อมูลดิบจากเขาอย่างเดียวก็พอแล้ว

9. ขายหมู ดีกว่า ซื้อควาย และ ตกรถ ดีกว่า ติดดอย ยังเป็นวลี ยอดฮิต ที่ใช้ได้ทุกภาวะตลาด
แต่ อีกนัยหนึงเหมือนเป็นหนึ่งในข้อแก้ตัว เรามองผิดพลาดอะไรไปหรือเปล่า

10. บางครั้งหุ้นดีต้อง"รอเวลาพิสูจน์" แต่บางครั้งหุ้นดีแต่ "เวลาไม่รอใคร"

11. ได้เรียนรู้คำว่า "วิกฤตแล้ว วิกฤตอีก"

12. งบการเงินยังเป็นที่พึ่งหลัก ของการตัดสินใจเสมอ

มาต่อกันนะครับ คุณได้อะไรบ้างจากปี 2554

ได้เนื้อหาและสาระมากครับ
ขอบคุณครับที่สรุปให้ดูกระชับกับมือใหม่อย่างผม

กระแสเงินสด ทั้งส่วนตัวนักลงทุน และ กระแสเงินสดของบริษัทที่เราลงทุน
ช่วยให้ผมเอาตัวรอดได้อีกหนึ่งวิกฤติ

ขอบคุณ คุณ dome@perth ที่ตั้งกระทู้ดีๆครับ
บทเรียนที่ได้แต่ละปีที่จะผ่านไป ควรเก็บไว้เป็นบทเรียนครับ

เยี่ยมครับ ได้ความรู้ดี
โบรกเกอร์บอกให้เรา "ซื้อ" และ "ถือ" ส่วนโบรกเกอร์ "ซื้อๆ ขายๆ" อิอิๆๆ

ประสบการณ์ใหม่หลังจากลงทุนมา 10 ปีเต็มคือ กิจการที่มีพื้นฐานที่ดี กำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารเก่ง ยังไงสุดท้ายก็ยังต้องแพ้ให้กับน้องน้ำ ครับ

เรียนรู้ว่า จะไม่เชื่อโบรคเด็ดขาด ให้พิจารณาสิ่งตรงข้ามที่โบรคบอกมากขึ้นกว่าเดิม

ที่ผมเรียนรู้วิธีหนึ่งในการบริหารพอร์ตยามตลาดตก สำหรับคนที่ถือหุ้น 100เปอเซนต์ คือการ switch หุ้น
แต่ผมไม่ได้ใช้วิธี switch ตัวที่เหลือ upside น้อยกว่า ไปหาตัวที่มีupsideมากกว่า
ผมใช้วิธี switch หุ้นตัวที่ยังไม่มี catalyst หรือ ตัวเร่ง ที่จะทำให้ราคาขึ้นกลับมาในระยะเวลาอันใกล้ ไปสู่หุ้นตัวที่คาดว่ามี catalyst ที่จะทำให้ราคาขึ้นกลับมาได้ในระยะเวลาอันใกล้ เช่น ผลการดำเนินงานไตรมาสถัดไปที่น่าประทับใจ มีการบริหารทำให้ลดความเสียหายจากน้ำท่วมได้ ผู้บริหารเตรียมมาoppdayในไตรมาสถัดไปเพื่อบอกถึงความคืบหน้าของการเติบโต เป็นต้น
ผมใช้วิธีนี้แล้วพบว่าสำเร็จ แต่มันก็เป็นวิธีที่ขึ้นอยุ่กับว่า หุ้นตัวที่คุณ switch ไปนั้นคุณต้องค่อนข้างมั่นใจจริงๆว่า มันมีตัวเร่งจริงๆ ซึ่งถ้ามันเด้งกลับมาได้ในระยะเวลาอันใกล้ตามที่คาด หลังจากนั้นคุณจะขายส่วนหนึ่งเพื่อ switch กลับไปหาหุ้นตัวเดิมที่ราคายังต่ำอยู่ หรือจะถือยาวต่อไปก็แล้วแต่คุณ

6. เคยรู้จักแต่ "คนตายไม่ได้พูด" แต่ ปี 54 ที่ผ่านมาได้เห็น "คนเป็นๆ...แต่ไม่พูด"

ขอคำอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ งง

เช่นพูดบอกว่าขายแล้วครับ บอกไม่ได้เพราะเดี๋ยวมีคนแย่งขาย555

รู้ว่าไม่รู้

dome@perth เขียน:ปี2554 ผ่านไปคุณได้เรียนรู้อะไรจาก ตลาด"ขุมทรัพย์การเงิน"

5. หุ้นขึ้นเร็ว ลงเร็ว ในช่วงเวลาสั้นๆ มักมีทั้งคน "หวังดี และ หวังประโยชน์" ออกมาเตือนเสมอ

6. เคยรู้จักแต่ "คนตายไม่ได้พูด" แต่ ปี 54 ที่ผ่านมาได้เห็น "คนเป็นๆ...แต่ไม่พูด"

ชอบจริงๆ สองข้อข้างบนเนี่ย

แต่ยังรักและขอบคุณ tvi อยู่เสมอ ที่เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจลงทุน
และติดตามผลประกอบการ ครับ
ส่วนคนที่เข้ามาจ้องจะเอาเปรียบคนอื่นนั้น ประสบการณ์จะทำให้เราคัดกรองคำพูดได้เอง
เนื่องจากเป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้น ก็ต้องมีสติ ในการเสพข้อมูลมากๆ ครับ

ส่วนผมนั้นได้ซาบซึ้งกับคำว่า "อย่าใส่ไข่ทั้งหมด ไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน"
จากที่เหิมเกริมมาตลอด 7 ปีของการลงทุนว่า ได้ประคองตะกร้าไว้อย่างดีแล้ว
แต่น้องน้ำมารอบนี้ โดนซัดไป 1 ฝ่ามือ เหมือนกัน

sakkaphan เขียน:6. เคยรู้จักแต่ "คนตายไม่ได้พูด" แต่ ปี 54 ที่ผ่านมาได้เห็น "คนเป็นๆ...แต่ไม่พูด"

ขอคำอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ งง

ปกติกคนที่พ่ายแพ้ ขาดทุน ล้มหายตายจาก จากตลาดหุ้นจะไม่ค่อยได้ออกมาแสดงตัว
แต่คนที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ผลตอบแทนระดับสูงๆ ออกมาแสดงตัวตน เปิดเผย ต้องการ การยอมรับ

แต่สำหรับปี 54 ผมเห็นวีไอหลายท่าน ผลตอบแทนระดับขั้นเทพ แต่ไม่อยากออกมาแสดงตัว
เปิดเผย หรืออวดอ้างผลตอบแทนจากการลงทุน ต้องการปลีกวิเวก บางท่านก็หันไปเอาดีทางธรรม
บางท่านลดจำนวนหุ้นเพื่อหลบการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กระจายการลงทุนมากตัวขึ้น

ทุกปีจะมีกระทู้เปิดเผยผลตอบแทนกัน แต่ เมื่อต้นปีทางเวปเห็นว่าเป็นการ แข่งขัน การอวดอ้าง
การชิงดีชิงเด่น กัน เกิดผลเสียมากกว่าได้เลย ลบกระทู้พวกนั้นไป

เดิมทีปีก่อนๆ มักเปิดเผยผลงานความสำเร็จ และ บอกข้อผิดหลาดของตัวเอง เป็นการโพสต์กันอย่างสร้างสรรค์
เป็นประโยชน์ต่อรุ่นน้องในการเอาเยี่ยงอย่าง และ ระมัดระวังจากข้อผิดพลาดของพี่ๆ

น่าเสียดายบรรยากาสอย่างเดิมนั้นน้อยลงไป ทั้งๆที่ปริมาณสมาชิกมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่เราขาดคุณภาพ
ไปมาก

ขอบคุณ คุณdome@perthมากครับ เขียนดีมากมาย

ของผมคงได้เรียนรู้เรื่องหุ้นวัฎจักรมากขึ้นมั๊งครับ

dome@perth เขียน:

sakkaphan เขียน:6. เคยรู้จักแต่ "คนตายไม่ได้พูด" แต่ ปี 54 ที่ผ่านมาได้เห็น "คนเป็นๆ...แต่ไม่พูด"

ขอคำอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ งง

ปกติกคนที่พ่ายแพ้ ขาดทุน ล้มหายตายจาก จากตลาดหุ้นจะไม่ค่อยได้ออกมาแสดงตัว
แต่คนที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ผลตอบแทนระดับสูงๆ ออกมาแสดงตัวตน เปิดเผย ต้องการ การยอมรับ

แต่สำหรับปี 54 ผมเห็นวีไอหลายท่าน ผลตอบแทนระดับขั้นเทพ แต่ไม่อยากออกมาแสดงตัว
เปิดเผย หรืออวดอ้างผลตอบแทนจากการลงทุน ต้องการปลีกวิเวก บางท่านก็หันไปเอาดีทางธรรม
บางท่านลดจำนวนหุ้นเพื่อหลบการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กระจายการลงทุนมากตัวขึ้น

ทุกปีจะมีกระทู้เปิดเผยผลตอบแทนกัน แต่ เมื่อต้นปีทางเวปเห็นว่าเป็นการ แข่งขัน การอวดอ้าง
การชิงดีชิงเด่น กัน เกิดผลเสียมากกว่าได้เลย ลบกระทู้พวกนั้นไป

เดิมทีปีก่อนๆ มักเปิดเผยผลงานความสำเร็จ และ บอกข้อผิดหลาดของตัวเอง เป็นการโพสต์กันอย่างสร้างสรรค์
เป็นประโยชน์ต่อรุ่นน้องในการเอาเยี่ยงอย่าง และ ระมัดระวังจากข้อผิดพลาดของพี่ๆ

น่าเสียดายบรรยากาสอย่างเดิมนั้นน้อยลงไป ทั้งๆที่ปริมาณสมาชิกมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่เราขาดคุณภาพ
ไปมาก

ปกติก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้เข้าเว็บ thaivi เท่าไร
มีช่วงนี้แหละ ที่มีเงินสดเพิ่ม เลยอยากหาความรู้เพิ่มเติม เลยเข้าเว็บไทยวีไอบ่อยมากช่วงนี้
แต่ถ้าพูดตรงๆ ผมกลับรู้สึกว่า ไม่ค่อยได้ความรู้เพิ่มเติมอะไรเท่าไร
กระทู้ที่ได้ความรู้ดีๆ มักจะอยู่หลังๆ บางทีต้องสุ่มย้อนหน้าไปหลายสิบ..หลายร้อยหน้า

"เดิมทีปีก่อนๆ มักเปิดเผยผลงานความสำเร็จ และ บอกข้อผิดหลาดของตัวเอง เป็นการโพสต์กันอย่างสร้างสรรค์
เป็นประโยชน์ต่อรุ่นน้องในการเอาเยี่ยงอย่าง และ ระมัดระวังจากข้อผิดพลาดของพี่ๆ"

ผมอยากให้บรรยากาศเช่นนี้ กลับมาอีกครั้งครับ

4. คุณซื้อแล้วหุ้นลง ไม่ใช่ว่าคุณลงทุนผิด หรือ คุณซื้อแล้วหุ้นขึ้นไม่ใช่ว่าคุณลงทุนถูก แต่คุณจะผิดหรือถูก
ผลประกอบการเป็นผู้ตัดสิน หากคุณซื้อแล้วขาย ก่อนผลประกอบการจะตัดสิน นั่นคือคุณ"เล่นหุ้น"

ชอบมากครับพี่ โดนใจ

1. เราต้อง Balance ระหว่างความเป็น Investor, Trader และ Owner ให้สมดุลเพื่อการเป็นนักลงทุนที่ดี

2. การละเลยหรือมองข้ามหุ้นบางตัว โดยใช้ความเข้าใจเดิมๆของเรา อาจทำให้พลาดโอกาสดีๆในการลงทุนไปได้ง่ายๆ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ในทุกๆวัน

3. สิ่งที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ เช่น น้องน้ำ

4. Turnaround Concept คือ ทางลัดหรือเส้นทางบายพาสในการสร้าง Wealth ให้กับเรา เช่น เราอาจจะประหยัดเวลาไปได้ถึง 3 เท่าจากการลงทุนในหุ้นทั่วไป แต่มันก็มีความเสี่ยงมากมายเหลือเกิน!!! เพราะเงินที่ได้มาง่ายๆ...ไม่มีจริงบนโลกใบนี้

5. ตลาดไม่มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน และมันจะทิ้งช่องว่างของโอกาสให้พวกเราค้นหาเสมอ

6. การที่เรารู้จักบริษัทฯและมีข้อมูลมากขึ้นเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะลดลงเท่านั้น(แต่ยังไงทุกอย่างบนโลกก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี)

7. "ความเชื่อมั่นและความศรัทธา" มีพลังเหนือกว่า "อารมณ์(ที่ตลาดสร้างขึ้นให้เราได้)"

8. ตลาดหุ้น คือ คณิตศาสตร์ และมันปกปิดความลับมากมายไว้ในมากมายอยู่ภายใต้ตัวเลขเพียงไม่กี่ตัว แต่กลับทรงพลังยิ่งนัก เช่น pe ratio

9. การแต่งบัญชีมี 2 แบบ คือ แต่งให้ดูดี และแต่งให้ดูแย่ เพื่อผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แต่ทว่าเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือ Maximize Profit ให้กับบางคน

10. ผมสามารถเขียนและให้ข้อมูลมากมายแก่ผู้อื่นได้ด้วยความเต็มใจเสมอ แต่คำถามที่ผมเบื่อจะตอบมากที่สุด คือ "ราคานี้ยังซื้อได้ไหมพี่???"

ปล.
นักลงทุนทั่วไปก็เหมือน "ผู้ชมละครเวที(ในโรงละคร)" ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมองไปยังจุดที่ไฟสาดส่องลงไปเท่านั้น!!!
...จะมีผู้ชมสักกี่คนที่ไปนั่งมองไปยัง "มุมมึดของเวที" ที่ดูเสมือนว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

จุดที่เค้าสาดไฟลงไป คือ จุดที่เค้าตั้งใจ(และจงใจ) จะให้เรามองเห็นการเคลื่อนไหวต่างๆ
แต่ในทางกลับกัน..."มุมมึด" คือ จุดที่เค้าต้องการให้เราไม่สนใจ, ไม่หันสายตาไปมอง และไม่ต้องการให้เราเห็นการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น
ผมเองจึงมองว่า...
"การเป็นนักลงทุน VI ที่ดี" นั้น...เราควรจะมองไปยังเวทีให้ทั่วๆ มิใช่ว่าจะมองไปยังจุดที่เค้าสาดไฟลงไปเท่านั้น!!!

(^_^)

ได้เรียนรู้ว่า..
อย่าดูถูกหุ้นที่ เคย ไม่ได้เรื่องเด็ดขาดครับ !!

เราต้องหลักเกณฑ์ในการลงทุนส่วนตัวไว้ครับ

และต้องเผื่อทางหนีทีไล่ไว้ด้วย

เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

เราก็จะสามารถที่จะผ่านมันไปได้ครับ

เอาสิ่งที่ผมพลาดแล้วกันนะครับ คือพยายามเดาตลาดครับโดยการขายหุ้นทิ้งไปเพราะคิดว่าอนาคตอาจจะเกิดเหตุการณ์หรือวิกฤติอะไรซักอย่างให้เรามีโอกาสซื้อหุ้นในราคาsummer sale ผลคือกำไรหายไปเกือบ2ล้านครับถ้าวันนี้ผมยังนิ่งพอถือหุ้นต่อไป ที่ผมบอกว่าพลาดเพราะรู้สึกว่ายังไม่นิ่งพอ ไม่ยึดในหลักการที่เราอุตสาหะศึกษามาก่อนเข้าตลาด เลือกหุ้นก้อถูกทุกตัว แต่ไม่นิ่งพอที่จะถือระยะยาวอย่างน้อย3ปีอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนซื้อ แต่จากนี้ไปผมตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกครับ

dome@perth เขียน:

sakkaphan เขียน:6. เคยรู้จักแต่ "คนตายไม่ได้พูด" แต่ ปี 54 ที่ผ่านมาได้เห็น "คนเป็นๆ...แต่ไม่พูด"

ขอคำอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ งง

ปกติกคนที่พ่ายแพ้ ขาดทุน ล้มหายตายจาก จากตลาดหุ้นจะไม่ค่อยได้ออกมาแสดงตัว
แต่คนที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ผลตอบแทนระดับสูงๆ ออกมาแสดงตัวตน เปิดเผย ต้องการ การยอมรับ

แต่สำหรับปี 54 ผมเห็นวีไอหลายท่าน ผลตอบแทนระดับขั้นเทพ แต่ไม่อยากออกมาแสดงตัว
เปิดเผย หรืออวดอ้างผลตอบแทนจากการลงทุน ต้องการปลีกวิเวก บางท่านก็หันไปเอาดีทางธรรม
บางท่านลดจำนวนหุ้นเพื่อหลบการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กระจายการลงทุนมากตัวขึ้น

ทุกปีจะมีกระทู้เปิดเผยผลตอบแทนกัน แต่ เมื่อต้นปีทางเวปเห็นว่าเป็นการ แข่งขัน การอวดอ้าง
การชิงดีชิงเด่น กัน เกิดผลเสียมากกว่าได้เลย ลบกระทู้พวกนั้นไป

เดิมทีปีก่อนๆ มักเปิดเผยผลงานความสำเร็จ และ บอกข้อผิดหลาดของตัวเอง เป็นการโพสต์กันอย่างสร้างสรรค์
เป็นประโยชน์ต่อรุ่นน้องในการเอาเยี่ยงอย่าง และ ระมัดระวังจากข้อผิดพลาดของพี่ๆ

น่าเสียดายบรรยากาสอย่างเดิมนั้นน้อยลงไป ทั้งๆที่ปริมาณสมาชิกมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่เราขาดคุณภาพ
ไปมาก

+100 krab

เป็นกระทู้ที่ดีมากๆ กระทู้หนึ่งเลยครับ

sakkaphan เขียน: ปกติก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้เข้าเว็บ thaivi เท่าไร
มีช่วงนี้แหละ ที่มีเงินสดเพิ่ม เลยอยากหาความรู้เพิ่มเติม เลยเข้าเว็บไทยวีไอบ่อยมากช่วงนี้
แต่ถ้าพูดตรงๆ ผมกลับรู้สึกว่า ไม่ค่อยได้ความรู้เพิ่มเติมอะไรเท่าไร
กระทู้ที่ได้ความรู้ดีๆ มักจะอยู่หลังๆ บางทีต้องสุ่มย้อนหน้าไปหลายสิบ..หลายร้อยหน้า

"เดิมทีปีก่อนๆ มักเปิดเผยผลงานความสำเร็จ และ บอกข้อผิดหลาดของตัวเอง เป็นการโพสต์กันอย่างสร้างสรรค์
เป็นประโยชน์ต่อรุ่นน้องในการเอาเยี่ยงอย่าง และ ระมัดระวังจากข้อผิดพลาดของพี่ๆ"

ผมอยากให้บรรยากาศเช่นนี้ กลับมาอีกครั้งครับ

บรรยากาศอย่างนั้น คงกลับมาให้เห็นยากแล้วครับ ยิ่งถ้าเป็นช่วงนี้ แต่ถ้าอนาคตพวกเราช่วยๆกัน

บรรยากาศแบบนั้น ก็อาจจะกลับมาครับ

คุณ sakkhapan ลองย้อนๆ กลับไปดูสิครับ ก็จะรู้ว่า ทำไมบรรยากาศอย่างนั้น มันถึงไม่กลับมาแล้ว

dome@perth เขียน:

sakkaphan เขียน:6. เคยรู้จักแต่ "คนตายไม่ได้พูด" แต่ ปี 54 ที่ผ่านมาได้เห็น "คนเป็นๆ...แต่ไม่พูด"

ขอคำอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ งง

ปกติกคนที่พ่ายแพ้ ขาดทุน ล้มหายตายจาก จากตลาดหุ้นจะไม่ค่อยได้ออกมาแสดงตัว
แต่คนที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ผลตอบแทนระดับสูงๆ ออกมาแสดงตัวตน เปิดเผย ต้องการ การยอมรับ

แต่สำหรับปี 54 ผมเห็นวีไอหลายท่าน ผลตอบแทนระดับขั้นเทพ แต่ไม่อยากออกมาแสดงตัว
เปิดเผย หรืออวดอ้างผลตอบแทนจากการลงทุน ต้องการปลีกวิเวก บางท่านก็หันไปเอาดีทางธรรม
บางท่านลดจำนวนหุ้นเพื่อหลบการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กระจายการลงทุนมากตัวขึ้น

ทุกปีจะมีกระทู้เปิดเผยผลตอบแทนกัน แต่ เมื่อต้นปีทางเวปเห็นว่าเป็นการ แข่งขัน การอวดอ้าง
การชิงดีชิงเด่น กัน เกิดผลเสียมากกว่าได้เลย ลบกระทู้พวกนั้นไป

เดิมทีปีก่อนๆ มักเปิดเผยผลงานความสำเร็จ และ บอกข้อผิดหลาดของตัวเอง เป็นการโพสต์กันอย่างสร้างสรรค์
เป็นประโยชน์ต่อรุ่นน้องในการเอาเยี่ยงอย่าง และ ระมัดระวังจากข้อผิดพลาดของพี่ๆ

น่าเสียดายบรรยากาสอย่างเดิมนั้นน้อยลงไป ทั้งๆที่ปริมาณสมาชิกมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่เราขาดคุณภาพ
ไปมาก

ผมว่า ถ้าเป็นผม ก็คงจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน เข้าใจเลย

เหนื่อยกายมันเรื่องขี้ผง แต่เรื่องเหนื่อยใจ นี่ไม่เข้าใครออกใคร

ผมได้เรียนรู้ว่า ถ้าเราโลภเกินความรู้ของเราจะมีผลเสียมากกว่าได้ครับ

เรียนรู้ว่าการที่หุ้นขึ้นหรือลงย่อมมีเหตุผลสนับสนุนเสมอ แม้เหตุผลนั้นจะเป็นเหตุผลห่วยๆก็ตาม เช่น ผลการประชุมของยุโรป ประกาศมาตรการอะไรบางอย่าง หุ้นแย่งกันขึ้น จากนั้นหนึ่งอาทิตย์ถัดมา ไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ขึ้น แต่หุ้นลง เพราะนักลงทุนบอกว่ารู้สึกไม่มั่นใจกับมาตรการที่ประกาศออกมา (แล้วอาทิตย์ที่แล้วหุ้นจะขึ้นทำไมเนี่ย เปลี่ยนไปหนึ่งอาทิตย์เพิ่งจะไม่มั่นใจเหรอ)

"การลงทุนในหุ้นที่เหมาะสม ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในระยะยาว"
"ผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ทำเพื่อความสนุกหรือเพลิดเพลิน แต่ทำให้ผู้ลงทุนที่ตั้งใจและมีความอดทน ได้ไปถึงจุดหมายปลายทาง และสามารถมีความสุขในชีวิตและครอบครัว"
"โอกาสมีอยู่เสมอ สำหรับผู้ที่มีความพยายามมุมานะ และ ความเสี่ยงมีอยู่ตลอดเวลา สำหรับผู้ที่เห็นการลงทุนเป็นแค่เกมวัดดวง"
"ข่าวสารข้อมูลมีทั้งคุณและโทษ เลือกใช้ให้เหมาะให้ถูกต้อง และ พยายามเชื่อตนเองให้มากที่สุดก่อน"
.
.
.
ขอให้นักลงทุนทุกท่านประสบความสำเร็จจากการลงทุนในปี 2555 และมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ

ยึดมั่นในคำพูดอมตะของ Peter Lynch ว่าในระยะยาว ราคาหุ้นจะวิ่งกลับเข้าสู่มูลค่าเสมอ

ได้รู้ว่า วิกฤติที่มาพร้อมกับการตกลงอย่างรุนแรงของตลาด จะมาตอนที่เราไม่คาดคิดจริงๆ
ตราบใดที่ใครๆ ก็ทราบว่าที่นั่น ที่นี่ มีปัญหาแบบนั้น แบบนี้ และมีการเตือนให้ระวัง ตลาดมักไม่ค่อยตกรุนแรงนัก