ข้อเปรียบเทียบเล็กๆน้อยๆ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2004 3:32 pm
ผมเป็นคนหนึ่งที่ถือหุ้น fancy ด้วยความคิดที่ว่าเป็นกิจการที่น่าสนใจ และปันผลรายไตรมาส ยอมรับว่าตอนแรกซื้อเพราะมันปันผลรายไตรมาสอย่างเดียว และงบการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่ได้ดูที่ตัวสินค้าเลย
แต่ผมมาคิดดูถึงว่าถ้าเปรียบ fancy เป็นเหมือนคนๆหนึ่งทั่วไป ที่มีเงินสดไว้มากมาย เพราะเค้า(คิดเองนะ)เป็นคนที่รอบคอบ กลัวอนาคตจะไม่แจ่มใส เลยกันเงินไว้เผื่อฉุกเฉิน และเขาก็ระมัดระวังเรื่องก่อหนี้ ไม่กู้มาก แม้จะขอเงินคนอื่นมาเพิ่มตอนเปิดโรงงานอีกโรง(หมายถึงเพิ่มทุนและแตกพาร์ในตอนนั้น) ผมมองว่าคนๆนี้ เป็นช่วงที่มีปัญหาเรื่องข้าวของแพงขึ้น จะใช้จ่ายเงินก็ต้องระวัง ทำให้เหลือเงินเก็บน้อยลง คิดค่าใช้จ่ายต่อเดือนออกมาแล้ว เหลือเงินน้อย (งบกำไรขาดทุน แสดงว่ากำไรน้อยลง และมาร์จิ้นลดลง) ผมเชื่อว่า ถ้าเวลาผ่านไป ทุกอย่างลงตัว จีนแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจและทำให้ภาวะราคาสินค้าต่างๆคงที่ได้ คนๆนี้จะเริ่มปรับตัว และมองหาลู่ทางหารายได้จนกลับมากำไรในระดับเดิมได้ แต่มันคงต้องรออีกหน่อยอาจปีหรือสองปี
แต่มันก็เหมือนอย่างที่นักลงทุนชั้นนำของโลก บอกไว้นี่ครับ ว่าสองสามปีอย่างน้อยถึงจะเห็นผลชัดเจน และผมก็ยังเชื่อว่าเขาจะกลับมามีผลกำไรทีดีเหมือนเดิมอีกครั้ง แม้จะไม่ดีเยี่ยมเหมือนก่อน และตอนนี้เป็นช่วงที่ราคาถูก ถ้าใครเชื่อมั่นก็เป็นเวลาที่ดีที่จะเก็บเพิ่ม เพราะการที่เขากำไร 10 ปีติด 1994-2003 ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า เพื่อนเราคนนี้ จะตกงานและฆ่าตัวตายง่ายๆหรอกครับ
แต่ผมมาคิดดูถึงว่าถ้าเปรียบ fancy เป็นเหมือนคนๆหนึ่งทั่วไป ที่มีเงินสดไว้มากมาย เพราะเค้า(คิดเองนะ)เป็นคนที่รอบคอบ กลัวอนาคตจะไม่แจ่มใส เลยกันเงินไว้เผื่อฉุกเฉิน และเขาก็ระมัดระวังเรื่องก่อหนี้ ไม่กู้มาก แม้จะขอเงินคนอื่นมาเพิ่มตอนเปิดโรงงานอีกโรง(หมายถึงเพิ่มทุนและแตกพาร์ในตอนนั้น) ผมมองว่าคนๆนี้ เป็นช่วงที่มีปัญหาเรื่องข้าวของแพงขึ้น จะใช้จ่ายเงินก็ต้องระวัง ทำให้เหลือเงินเก็บน้อยลง คิดค่าใช้จ่ายต่อเดือนออกมาแล้ว เหลือเงินน้อย (งบกำไรขาดทุน แสดงว่ากำไรน้อยลง และมาร์จิ้นลดลง) ผมเชื่อว่า ถ้าเวลาผ่านไป ทุกอย่างลงตัว จีนแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจและทำให้ภาวะราคาสินค้าต่างๆคงที่ได้ คนๆนี้จะเริ่มปรับตัว และมองหาลู่ทางหารายได้จนกลับมากำไรในระดับเดิมได้ แต่มันคงต้องรออีกหน่อยอาจปีหรือสองปี
แต่มันก็เหมือนอย่างที่นักลงทุนชั้นนำของโลก บอกไว้นี่ครับ ว่าสองสามปีอย่างน้อยถึงจะเห็นผลชัดเจน และผมก็ยังเชื่อว่าเขาจะกลับมามีผลกำไรทีดีเหมือนเดิมอีกครั้ง แม้จะไม่ดีเยี่ยมเหมือนก่อน และตอนนี้เป็นช่วงที่ราคาถูก ถ้าใครเชื่อมั่นก็เป็นเวลาที่ดีที่จะเก็บเพิ่ม เพราะการที่เขากำไร 10 ปีติด 1994-2003 ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า เพื่อนเราคนนี้ จะตกงานและฆ่าตัวตายง่ายๆหรอกครับ