Thai VI

เป็นกรณที่น่าสนใจมาก ครับ
1. เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายด้านการเงินในการปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ ให้เหมาะสม

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นกรณีพิเศษในอัตราหุ้นละ 16.46 บาท

(ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย) สำหรับหุ้นจำนวน 2,367,811,000 หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 38,974,169,060

2. คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินภายในประเทศ

วงเงินทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างทางการเงินและใช้ในกิจการทั่วไปของบริษัทฯ


งบดุล Q3 2011
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด21,135.12
เงินลงทุนระยะสั้น6,153.21
ลูกหนี้และตั๋วเงินรับการค้าสุทธิ6,178.73
สินค้าคงเหลือ341.54
ลูกหนี้ระยะสั้นอื่น - สุทธิ1.73
บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน1.73
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น1,433.23
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น - อื่น ๆ1,433.23
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน35,243.56
เงินฝากสถาบันการเงินที่มีข้อจำกัดในการใช้0.40 เ
งินลงทุนในบริษัทร่วม กิจการร่วมค้า และ/หรือ กิจการที่ควบคุมร่วมกันซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย289.75
เงินลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีราคาทุน199.60
เงินลงทุนระยะยาว199.60
ลูกหนี้ระยะยาวอื่น - สุทธิจากส่วนที่ถึงกำหนดภายในหนึ่งปี0.43
บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน0.43
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ - สุทธิ5,986.09
สินทรัพย์ภายใต้สัญญาสัมปทาน2,943.97
ค่าความนิยม - สุทธิ19.17
สิทธิการเช่า - สุทธิ58,935.30
สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี926.12
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น3,248.33
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน - อื่น ๆ3,248.33
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน72,549.17 ร
วมสินทรัพย์107,792.72

เงินสดเเทบจะหมดบริษัทเลยทีเดียว
1. จะเลิกบริษัทถอนทุนคืนหมดเลยหรือเปล่า ?
2. ไม่เห็นอนาคตของบริษัทเลยเอาไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า ?

3.รีดปันผลซะเยอะ เเต่กลับจะกู้เพิ่ม 30000 ล้าน อิ อิ

เลิกไม่ได้หรอก ลงไปเยอะ

สมมุติในขณะนี้ผมกำลังต้องใช้เงิน 30,000 บาท
แต่ผมมีเงินเก็บ 38,000 บาท ผมกลับเอาเงินเก็บนี้ไปให้พี่น้องของผมหมด
แล้วผมค่อยไปกู้ธนาคารเอามาใช้ 30,000 บาท

ผมจะทำไปทำไมครับพี่น้อง งงตัวเอง ขัดกับสามัญสำนึกมากกกกกกก
ใครรู้บอกหน่อยครับ ผมจะทำอย่างนี้ทำไม

ผมชื่อ Mr.D

จะขายหุ้นออกป่าวครับ แต่เดี๋ยวไม่ได้ราคา

เงินสด จัดเป็นequityอย่างหนึ่ง ทำให้มันมีต้นทุนสูงกว่าการกู้เงินครับ บริษัทคิดว่าการกู้เงินมาลงทุน จะตอบแทนผู้ถือหุ้นได้สูงกว่า การใช้เงินสด

การเก็บเงินสด หรือกั๊กกำไรสะสมไว้จนล้นบริษัทผมว่าไม่เป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นหรอกครับ

เว้นแต่ว่าบริษัทสามารถนำไปต่อยอดให้มันงอกเงยได้ดีกว่าปันผลออกมาก็ว่ากันไป

ส่วนการกู้มาจ่ายนั้น ถ้ากู้มาอย่างเหมาะสมนี่เป็นผลดีต่อบริษัทมากกว่านะครับ

อย่างน้อยดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเงินกู้ก็แบ่งเบาภาระภาษีที่บริษัทต้องเสียได้ครับ

เทเลนอร์ก็คงเหมือนเทมาเซ็กคือ
เขาจะดูดเงินจากบริษัทเพื่อเอาทุนคืน
พอดูดจนครบก็เท่ากับได้dtacมาฟรีๆ
หมดความเสี่ยง ทีนี้จะทําอะไรก็ได้
ขายต่อถูกๆหรือถือดูดปันผลไปเรื่อยๆ
dtacจะมีอนาคตหรือไม่เขาก็ไม่เดือดร้อน

....ความเชื่อมั่นและไว้ใจ....

เอากำไรสะสมออกเกือบหมดเลยจ่ายคืนผู้ถือหุ้น...ผู้ถือหุ้นก็มี ....ความเชื่อมั่นและไว้ใจ....(ได้เงินทุนคืนแน่ๆแล้วในส่วนที่เอาคืนได้)

มีคนปล่อยกู้อีกพอๆกับที่จ่ายออกไป คนปล่อยกู้ก็มี ....ความเชื่อมั่นและไว้ใจ.... (กำไรจากการปล่อยกู้แน่ๆ)

BV จะลดลงน่าใจหาย แล้วก็จะมีหนี้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย ผู้ถือหุ้นจะคิดอย่างไรกับ....ความเชื่อมั่นและไว้ใจ.... ในระยะต่อจากเหตุการณ์นี้?


อนาคตก็ยังต้องรอดูกันไป ....

drsp เขียน:เทเลนอร์ก็คงเหมือนเทมาเซ็กคือ
เขาจะดูดเงินจากบริษัทเพื่อเอาทุนคืน
พอดูดจนครบก็เท่ากับได้dtacมาฟรีๆ
หมดความเสี่ยง ทีนี้จะทําอะไรก็ได้
ขายต่อถูกๆหรือถือดูดปันผลไปเรื่อยๆ
dtacจะมีอนาคตหรือไม่เขาก็ไม่เดือดร้อน

ธุรกิจที่มี barrier แข็งขนาดนี้ รายได้+กำไรขนาดนี้
ถ้าคุณเป็นเจ้าของ จะยอมปล่อยไปง่ายๆเหรอครับ?

dtacยังมีปัญหาเรื่องผุู้ถือหุ้นต่างชาติถือเกินกฎหมายกําหนด
ซึ่งเรื่องยังไม่ยุติ
พอดีการเมืองเปลี่ยนขั้ว เรื่องเลยเงียบไป
ถ้าแพ้คดียังไม่รู้จะโดนปรับเท่าไหร่

ถ้าเขาได้ทุนคืนหมดแล้ว มีคนมาขอซื้อสัก7หมื่นล้าน
เป็นคุณจะขายไหม

ลองคิดเล่นๆ หลังจาก deal นี้ งบดุลจะออกมาเป็น

สินทรัพย์ 100 ล้าน
หนี้สิน 67 ล้าน
ทุน 33ล้าน
D/E กลายเป็น 2 เท่า

จากเดิม 0.5 เท่า

ROE ใหม่ 38% จากเดิม 18 %
สรุปเพิ่มความเสี่ยงให้บริษัท DTAC เเต่ เพิ่มความมั่งคั่งให้บริษัทเเม่

แอบแฝงอะไรซักอย่างแน่

พื้นฐานเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด

น่ากลัวครับ

tharm เขียน:

drsp เขียน:เทเลนอร์ก็คงเหมือนเทมาเซ็กคือ
เขาจะดูดเงินจากบริษัทเพื่อเอาทุนคืน
พอดูดจนครบก็เท่ากับได้dtacมาฟรีๆ
หมดความเสี่ยง ทีนี้จะทําอะไรก็ได้
ขายต่อถูกๆหรือถือดูดปันผลไปเรื่อยๆ
dtacจะมีอนาคตหรือไม่เขาก็ไม่เดือดร้อน

ธุรกิจที่มี barrier แข็งขนาดนี้ รายได้+กำไรขนาดนี้
ถ้าคุณเป็นเจ้าของ จะยอมปล่อยไปง่ายๆเหรอครับ?

ถ้าเป็นอย่างที่ว่าจริง
จะดูดเงินมาขนาดนี้เรื่อย ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหานี่ครับ

มันแปลกตรงที่จะใช้เงินแต่ดันปันออกมาหมดเลยนี่แหล่ะครับที่คาใจ

แล้วถ้าเืีีทียบกับกรณี advance ล่ะครับ
มีความต่างมากน้อยแค่ไหน

ทำไมผมคนนึงที่มองว่าไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกตรงไหนเลยครับ

ข้อดี
1. ต้นทุนทางการเงินของผู้ถือหุ้นสูงกว่าต้นทุนเงินทุนของเจ้าหนี้ครับ เพราะฉะนั้นยิ่งบริษัทกู้เงินมาใช้มากเท่าไหร่ จะทำให้ต้นทุนเงินทุนของบริษัทลดลงมากเท่านั้น และจะสร้างผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น(ROE)มากขึ้น (มีข้อแม้ว่าบริษัทต้องสามารถสร้างผลตอบแทนต่อสินทรัพย์(ROA) ได้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ไปกู้มา)
2. การปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้น แล้วใช้เงินกู้แทน จะทำให้บริษัทต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งดอกเบี้ยตรงนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่สามารถนำไปหักจากรายได้ แล้วทำให้บริษัทเสียภาษีน้อยลงครับ (เช่น บริษัทเสียภาษี 30% กู้เงินโดยมีต้นทุนดอกเบี้ยที่ 5% จะเหมือนบริษัทเสียภาษีแค่ 70%*5% = 3.5% ที่เหลืออีก 1.5% จะเหมือนรัฐบาลเป็นคนจ่ายครับ)
3. เงินปันผลที่จ่ายออกมา ผู้ถือหุ้นสามารถนำไปเครดิตขอคืนภาษีได้ครับ (สำหรับคนที่ฐานรายได้ไม่ถึงขึ้นสูงสุด 37%)

ข้อเสีย
1. ทำให้บริษัทมี financial risk เยอะขึ้นครับ ทั้ง D/E และ interest cov ratio จะเยอะขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของคนที่จะเข้ามาซื้อหุ้นต่อหลังจากจ่ายปันผลแล้ว ว่าความเสี่ยงของบริษัทเยอะเกินไปรึเปล่า มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนในภายหลังมั๊ย

คิดง่ายๆสมมติว่าเป็นบริษัทของตัวเองนะครับ (เราเป็นเจ้าของบริษัททั้งบริษัท) ผมยินดีที่จะใช้เงินกู้ทั้งหมด 100% ครับ แล้วเอาเงินที่ได้จากปันผลพิเศษไปลงทุนอย่างอื่นเพิ่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มดีกว่า ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นก็แค่เพิ่มทุน ซึ่งก็คือเงินที่เราเอาออกไปตอนแรกแค่นั้นครับ ในเคส DTAC นี่ก็เหมือนกัน

ว่าแล้วผมก็สงสัยว่ากำไรสะสมนี่มันสำคัญยังไงเหรอครับ?
ทำไมเราถึงควรจะหวงแหนมันไว้ (อันนี้ไม่รู้จริงๆ)
(ทั้งๆที่เงินสดจริงๆอาจจะไม่มีแล้วก็ได้เพราะแปลงไปเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นหมดแล้ว)

ข้อดีอย่างเดียวที่ผมมองออกก็คือ
หากบริษัทที่มีหนี้ ไอ้เจ้ากำไรสะสมก็จะทำให้ส่วนทุนสูงขึ้น
หนี้สินต่อทุนก็จะไม่สูง เวลาจะขอกู้เพิ่มก็ทำได้ง่ายขึ้น

มันมีข้อดีอะไรอย่างอื่นอีกไหมครับ?

ถ้าเราใช้มันจนหมดแล้วมันจะไม่ดีอย่างไร?
เพราะปีต่อไปก็จะมีกำไรเข้ามาใหม่
โดยเฉพาะธุรกิจที่มีกำไรมากๆเข้ามาสะสมใหม่ทุกปีๆ

จริงๆใช้เงินของ บ เองไม่ต้องปันผล จะทำให้มั่นคงกว่าเยอะเพราะไม่ก่อหนี้ และไม่ต้องเสียดอกเบี้ย

เหมือนคุณเป็นเจ้าของเอง แล้วมีตังเพื่อลงทุนเองอยู่แล้ว จะเอาเงินที่มีไช้อย่างอื่นแล้วกู้ให้เสียตังมั้ยครับ???

แต่ว่าคนทำคงจะมีเหตุผลของตัวเอง ก็ว่ากันไป แต่เชื่อว่าถ้าเป็นนักลงทุนมือเอกของโลกอย่างบัฟเฟต คงไม่มีทางจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นเยอะๆ แล้วกู้มาลงทุนเพิ่ม ปู่่บัฟเฟตคงบอกว่า........

Imagine if TR do the same thing, Pay dividend from all retained earning .......

They could pay like 80 baht per share !!!!!

haha hahah Day Dreamer

haehae เขียน:คิดง่ายๆสมมติว่าเป็นบริษัทของตัวเองนะครับ (เราเป็นเจ้าของบริษัททั้งบริษัท) ผมยินดีที่จะใช้เงินกู้ทั้งหมด 100% ครับ แล้วเอาเงินที่ได้จากปันผลพิเศษไปลงทุนอย่างอื่นเพิ่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มดีกว่า ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นก็แค่เพิ่มทุน ซึ่งก็คือเงินที่เราเอาออกไปตอนแรกแค่นั้นครับ ในเคส DTAC นี่ก็เหมือนกัน

กะจับเสือมือเปล่าเลยว่างั้น

โชคดีนะที่ในชีวิตจริงยังไม่ได้ทำ โชคดีกว่านั้นที่ไม่ได้คิดจะทำในช่วงปี 40

ทำธุรกิจควรจะมีหนี้ครับ แต่ต้องอยู่ในระดับสมเหตุสมผลครับถึงแม้ธุรกิจจะกำไรดีแค่ไหนก้อตาม หนี้เยอะความเสี่ยงก้อยิ่งมาก แต่ยังไงก้อตามก้อยินดีกับผู้ที่ถือหุ้นครับ ปีนี้ได้ทั้งcap gain และdividendเต็มๆ

ดำ เขียน:

haehae เขียน:คิดง่ายๆสมมติว่าเป็นบริษัทของตัวเองนะครับ (เราเป็นเจ้าของบริษัททั้งบริษัท) ผมยินดีที่จะใช้เงินกู้ทั้งหมด 100% ครับ แล้วเอาเงินที่ได้จากปันผลพิเศษไปลงทุนอย่างอื่นเพิ่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มดีกว่า ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นก็แค่เพิ่มทุน ซึ่งก็คือเงินที่เราเอาออกไปตอนแรกแค่นั้นครับ ในเคส DTAC นี่ก็เหมือนกัน

กะจับเสือมือเปล่าเลยว่างั้น

โชคดีนะที่ในชีวิตจริงยังไม่ได้ทำ โชคดีกว่านั้นที่ไม่ได้คิดจะทำในช่วงปี 40

ที่ผมยกตัวอย่างมันเป็นกรณี ideal เท่านั้นครับ ในชีวิตจริงใครจะให้กู้ 100% ครับ

แต่ที่ผมต้องการจะสื่อ คือ ผมแยกแยะข้อดี-ข้อเสียของการจ่ายเงินคืนผู้ถือหุ้นแล้วใช้เงินกู้แทนเฉยๆ ถ้ากู้เงินมาใช้แล้ว financial risk ของบริษัทไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญทำไมถึงไม่ควรจะทำล่ะครับ (ผมไม่ได้พูดถึงเฉพาะ DTAC นะครับ) ถ้าอย่างงั้นผู้ถือหุ้นของ cpf banpu cpn ควรจะต้องรณรงค์ให้บริษัทใช้คืนเงินกู้ให้หมดแล้วใช้แต่เงินของผู้ถือหุ้นอย่างเดียวหรอครับ

เรื่องความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมันเป็นเรื่องของนักลงทุน ที่ต้องวิเคราะห์ว่ามันมากเกินไปที่เราจะลงทุนรึเปล่า แค่นั้นเองครับ

ผมคิดว่าเค้ากำลังโยกย้ายทรัพย์สิน กลับไป เพราะเค้าไม่ไว้ใจ เรื่องที่ไปเล่นงานเค้าเรื่อง นอมินี เมื่อเค้าย้ายทรัพย์สินออกไปหมดแล้ว เค้าก็จะใช้ dtac กู้เงิน สถาบันการเงินไทย หรือออกหุ้นกู้ ให้กับคนไทย เพราะกระแสเงินสด เค้าดีมาก กู้เท่าไรก็ได้ ทีนี้ถ้าถูกเล่นงานเรื่อง นอมินี อีก คนที่เดือดร้อน ที่สุด คือคนไทย ที่ให้เค้ากู้ และที่ถือหุ้น dtac ความเสี่ยงก็จะน้อยลง เงินลงทุนก็เอากลับไปแล้ว หุ้นที่ถือไว้ก็รอแต่ปันผล กำไรอย่างเดียวอาจจะน้อยหน่อยแต่ไม่เสี่ยง

ถ้าสมุมติผมเป็นเจ้าของบริษัท จะกู้เงินมาลงทุนทำไม ทั้ง ๆ ที่ เงินตัวเองก็มี

อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาเสียดอกเบี้ย ถึงจะบอกว่า ดอกเบี้ยสามารถหักภาษีได้ แต่จะคุ้ม เหรอครับ

ปันผลให้บริษัทแม่ เพื่อโยกย้าย ทรัพย์สินหรือเปล่า ถ้าซักพักมีการดีลกับกลุ่มทุนใหม่ก็น่าจะใช่เลย

โยกทรัพย์สินเอาเงินสด แล้วขายบริษัทให้กลุ่มใหม่

เว่ากันแบบซื่อๆ.....

Advanc จ่ายปันผลพิเศษแบบจุใจ เทมาเส็ก ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้เงินกลับบ้าน ผม(ผู้ถือหุ้นรายย่อย)ก็ได้ตังค์ใช้ไปด้วย(ในสัดส่วนที่"เท่ากัน"ตามจำนวนหุ้นที่แต่ละคนถือ) เทมาเส็ก Happy ผมก็ Happy

Dtac จ่ายปันผลพิเศษแบบดุเดือด เทเลนอร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้เงินกลับบ้าน ผม(ผู้ถือหุ้นรายย่อย)ก็ได้ตังค์ใช้ไปด้วย(ในสัดส่วนที่"เท่ากัน"ตามจำนวนหุ้นที่แต่ละคนถือ) เทเลนอร์ Happy ผมก็ Happy

แล้วมาดู Advanc หลังจากจ่ายปันผลพิเศษไปแล้ว...กำไรสะสมหายไปแต่ก็ยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ไม่ได้กระทบหรือทำให้การดำเนินกิจการติดขัด หรือเกิดปัญหาขาดทุนย่ำแย่อะไรยังคงทำกำไรได้ปกติแถมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก บริษัทยังคงเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดเหมือนเดิม!!!! ซ้ำราคาหุ้นก็ทะยานขึ้นเรื่อยๆ ยืนแข็งแกร่งไม่ว่าตอน Set ร่วงหนักๆ แถมมี Story เรื่องประมูล 3G ให้คาดหวังให้ลุ้นกันต่ออีกด้วย

ดูจากเคส Advanc แล้วผมจะไปกังวลหรือกลัวอะไรกับกรณี Dtac จ่ายปันผลแบบนี้!!!!!! มีแต่จะอมยิ้มนอนตีพุงรอรับตังค์ซะมากกว่า^^

2 เจ้านี้มีแต่แจกตังค์ผู้ถือหุ้น จนเริ่มสงสัยว่าทำไมแจกจริงแจกจัง

แต่อีกเจ้านี่สิ มีแต่แบมือขอตังค์

ถ้าใครกังวลที่จะถือหุ้น 2 เจ้าแรก ลองทางเลือกอีกเจ้าที่เหลือมั้ยครับ เผื่อจะถูกใจกว่า

ดำ เขียน:2 เจ้านี้มีแต่แจกตังค์ผู้ถือหุ้น จนเริ่มสงสัยว่าทำไมแจกจริงแจกจัง

แต่อีกเจ้านี่สิ มีแต่แบมือขอตังค์

ถ้าใครกังวลที่จะถือหุ้น 2 เจ้าแรก ลองทางเลือกอีกเจ้าที่เหลือมั้ยครับ เผื่อจะถูกใจกว่า

อย่างฮา คิดได้ไงครับเนี้ย

ปันผล20%ของราคาก็ว่าแปลกแล้ว
แต่กู้เงินมาจ่ายปันผลนี่ยิ่งแปลกใหญ่

บริษัทที่เจ้าของตั้งใจสูบกําไรออกจากกิจการจนหมด
เหมือนผีดิบดูดเลือด
ตัวผมเองคงไม่อยากเข้าไปลงทุนด้วย
ผมชอบลงทุนในกิจการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่
เขารักกิจการของตัวเองมากกว่า

ถ้าผมเป็นเจ้าของบริษัท ผมคิดอย่างนี้ครับ
เอาเงินออกจากบริษัทให้หมด (ถอนทุนคืน) เหลือแต่
ตัวบริษัทเปล่าๆ พอกู้เงินได้ ถ้าบริษัททำงานได้ดีมีกำไร
ตัวผมก็ได้กำไรไปด้วย แต่ถ้าบริษัททำผลงานขาดทุน
จนเจ๊ง ธนาคารที่ให้กู้รับผิดชอบไป ผมลอยตัวเพราะ
ได้เงินถอนทุนไปแล้ว

ประเด็นคือ
บริษัทแห่งว่า เก็บเงินสดไว้ ก็ได้ผลตอบแทนน้อยกว่า ตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นไปบริหารเองก็แค่นั้น
แต่ลึกๆแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่มีวิกฤติทางการเงินที่ภาคพื้นยุโรปที่ต้องรับมือ เลยทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเฮไปด้วย
ก็แค่นั้นเอง

ส่วนประเด็นที่กู้เงินมาจากปันผล อันนี้ ถ้าหากบริษัทมีปัญญาในการหาเงินจ่ายเงินกู้ก้อนนี้ก็ก็ทำไป ก็แค่นั้นเอง
อย่าให้กระทบกับตัวบริษัทในการขยายกิจการและรองรับการดำเนินการติดตั้งโครงการ 3G ในอนาคตบนคลื่นความถี่ 2100 MHz ละกัน