Thai VI

อยากถามพี่ๆเพื่อนๆครับว่า ใน1 ปีเนี่ย...

มีการปรับพอร์ตกันบ่อยแค่ไหน ปีละกี่ครั้งครับ

และการปรับแต่ละครั้ง ปรับพอร์ตจากสาเหตุอะไรกันบ้าง เช่น

ปรับพอร์ตเมื่อตัวที่ถืออยู่ ราคาสูงไปมาก หรือ จึงลดสัดส่วนไปหาตัวอื่น หรือ
ปรับพอร์ต เมื่อตลาดหุ้นตก ทำให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่ตกลงไปจนบางตัว undervalue เราก็ทำการปรับพอร์ตไปซื้อตัวนั้น
หรือ..สาเหตุอื่นๆ

ส่วนตัวในปีนี้ มีการปรับพอร์ตใหญ่ๆ 1 ครั้ง คือเมื่อตอนตลาดตกตอน2-3เดือนที่ผ่านมา หุ้นตกทั้งแผง ผมปรับพอร์ตโดยการขายบางตัวที่ชอบน้อยที่สุดในพอร์ต ไปลงตัวที่ชอบมากที่สุด

ส่วนคำถามที่ว่า บ่อยแค่ไหน ผมถามเพราะส่วนตัวผมไม่ติดตามตลาดหุ้นตลอด และคิดว่าคงมีหลายคนที่ไม่ได้ติดตามตลอดเช่นกัน ซึ่งการปล่อยทิ้งไว้นานๆ บางทีอาจจะทำให้พลาดหุ้นดีราคาถูกได้ จึงคิดว่า ควรจะตั้งกำหนดไว้ว่าใน 1 ปี เราจะต้องมานั่งศึกษาหุ้นในตลาดดูซิว่ามีตัวไหนที่undervalueบ้างมั้ย ซึ่งผมตั้งไว้ว่า จะทำปีละ 1 ครั้ง

ขอถามความคิดเห็นจากเพื่อนๆพี่ๆครับ ขอบคุณครับ

ผมเข้าใจว่า พี่ๆเพื่อนๆแต่ละท่านคงมีแนวทางที่ตนเองถนัดไม่เหมือนกันครับ

ผมเคยได้ยินพี่ที่นับถือท่านหนึ่งเค้าเก่งในเรื่องหาหุ้นตัวใหม่ๆที่ราคายังถูกอยู่ได้เสมอๆ
ใน1ปีพี่ท่านนี้เค้าจะปรับพอร์ตจากหุ้นที่ราคาหุ้นเริ่มขยับซัก30-40เปอร์เซ็นต์ (เรื่องเปอร์เซ็นต์ผมเดาเอาครับ)
ไปหาหุ้นที่ตลาดยังไม่รับรู้(ราคายังไม่ขยับ)ปีละหลายๆรอบ
แม้จะไม่ได้กำไรหลายๆเด้งในการถือหุ้นแต่ละตัว
แต่อาศัยการหมุนเวียนเงินหลายๆรอบใน1ปีก็ได้ผลตอบแทนที่ดีมากครับ

มีพี่อีกท่านหนึ่งเค้าเก่งในเรื่องการประเมินมูลค่าที่ควรจะเป็นของกิจการมาก เค้าบอกผมว่า
จะไม่เอาประเด็นเรื่องเวลามาเป็นเกณฑ์ในการปรับพอร์ต
แต่ใช้มูลค่ากิจการเป็นตัววัดแทน
โดยจะปรับพอร์ตเมื่อหุ้นตัวที่ถือราคาสะท้อนมูลค่าแล้ว ไปหาหุ้นที่ราคายัง undervalue มากๆแทน

สำหรับผมเองไม่เก่งในการหาหุ้นใหม่ๆ ประเมินมูลค่าหุ้นก็ยังผิดๆถูกๆ
ผมก็จะพยายามเลือกถือหุ้นที่กำไรของกิจการมีโอกาสเติบโตไปได้อีกหลายๆปี
ทำให้สามารถถือหุ้นตัวเดิมๆได้ไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องปรับพอร์ตบ่อยๆ
แต่ก็จะกันเงินไว้ส่วนหนึ่ง สำหรับการซื้อหุ้นตัวใหม่ๆที่รู้จัก หรือมีคนพูดถึงกัน
เพื่อซื้อไว้ศึกษา แต่ก็จะเลือกซื้อหุ้นที่ตนเองพอเข้าใจธุระกิจและประเมินมูลค่าคร่าวๆได้
เพื่อเอาไว้ฝึกฝนตนเองครับ

สรุปแล้วแต่ละวิธีผมว่ามีข้อดี/ข้อด้อย แตกต่างกัน และเหมาะกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แต่สิ่งที่มีคล้ายๆกันในการลงทุนแนวนี้คือ...
การยึดหัวใจ เรื่องมูลค่ากิจการที่ประเมินได้เป็นหลักในการลงทุนมากกว่าเรื่องเวลาครับ

ของผมประเมินทุกครั้งที่บริษัทประกาศผลประกอบการออกมา
บางทีตลาดกับผมคิดคนละแบบ ซึ่งถ้าช่องว่างตรงนี้เยอะ ผมก็อาจจะปรับพอร์ต
ปีนี้ปรับ 1-2 ครั้งครับ ลงตัวเดิมเพียงแต่เปลี่ยนสัดส่วนการลงทุน

แนวทางประเมินพอร์ตของผม
1. มูลค่าหุ้นที่เปลี่ยนไป คือเปลี่ยนเทียบ upside/downside risk
2. มองจาก trend ซึ่งอ่านระยะยาวแต่ชิงซื้อสะสมก่อน
3. จากที่วิเคราะห์ผลประกอบการรายไตรมาส ซึ่งเป็นการยืนยันของ trend ที่อ่านไว้
4. จากการซื้อหรือขายมากเกินไปของราคาหุ้น ซึ่งไม่บ่อยนัก

ดี ไม่ดี ช่วยชี้แนะด้วยครับ