หวยนายกปู/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 04, 2011 6:39 pm
โค้ด: เลือกทั้งหมด
โลกในมุมมองของ Value Investor 3 ธันวาคม 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
กิจกรรม “ทางการเงิน” ที่คึกคักที่สุด “ตลอดกาล” ของคนไทยที่เรียกกันว่า “รากหญ้า” ก็คือ การเล่นหวยและลอตเตอรี่ สมัยที่ผมเรียนจบปริญญาตรีใหม่ ๆ และไปทำงานเป็นวิศวกรโรงงานในต่างจังหวัดกว่า 30 ปีมาแล้วนั้น ทุกครั้งที่มีการออกหวย โรงงานทั้งโรงที่ปกติจะมีเสียงดังอึกทึกจากการทำงานจะเงียบลงเพราะคนงานต่างก็ใจจดใจจ่อกับการฟังเลขที่ออก หลังจากการออกรางวัล คนบางคนที่ถูกรางวัลก็จะดีใจจนไม่เป็นอันทำงาน ส่วนคนจำนวนมากที่ “ถูกกิน” ก็จะเสียใจจนไม่เป็นอันทำงานเหมือนกัน สรุปแล้วในวันหวยออกนั้น ประสิทธิภาพการทำงานของคนงานจะตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด ผมเองไม่ได้เล่นหวย แต่เพื่อนวิศวกรบางคนนั้นซื้อลอตเตอรี่เป็นประจำ เหตุผลของเขาก็คือ การซื้อลอตเตอรี่นั้น อย่างน้อยก็ทำให้มีความหวังว่าจะรวยได้แม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิด ถ้าไม่ซื้อแล้วจะรวยได้อย่างไร? คิดดูแล้วก็จริง ในสมัยก่อนนั้น การเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนไม่มีทางรวย ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เรามีตลาดหุ้นที่เป็น “หนทางรวย” อีกทางหนึ่งของคนกินเงินเดือน นอกเหนือไปจากลอตเตอรี่
ผมไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้โรงงานมีสภาพอย่างไรในวันหวยออก แต่ผมยังเชื่อว่าหวยก็ยังเป็นสิ่งที่คนไทยเล่นกันมากทั่วประเทศและก็ยังมากกว่าตลาดหุ้น ดังนั้น การ “วิเคราะห์” และ “หาเลขเด็ด” จึงเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ ในอดีตนั้น ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเกจิอาจารย์สำคัญทางศาสนา ก็จะมีการเก็งเลขเด็ดเพื่อไป “แทงหวย” กัน หลายครั้งหวยก็ออก “ตรง” จนน่าทึ่ง บางครั้งเลขที่ออกก็อาจจะ “สลับ” ตัวกันบ้าง คนจำนวนมากเชื่อว่า “พระอาจารย์ให้หวย” บางครั้งก็ให้ตรง ๆ บางครั้งเราก็ต้อง “ตีความ” แต่ประเด็นสำคัญก็คือท่านคงรู้หรือมีอิทธิพลต่อเลขที่จะออกในงวดหน้าจริง ๆ และถ้าเราอ่านใจท่านได้ถูกต้อง โอกาสถูกรางวัลก็มีสูง
ในช่วงนี้หวยนั้นรู้สึกว่าจะมาลงที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย เหตุการณ์ก็คือ เริ่มมีคนสังเกตเห็นว่าหมายเลขที่ออกนั้น “ตรง” กับตัวเลขหลายอย่างเกี่ยวกับนายกปูอย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มตั้งแต่หมายเลขทะเบียนรถของนายก ลำดับของการเป็นนายกของไทย อาจจะมีเรื่องของบ้านเลขที่ของบ้านนายก วันเกิดนายก และล่าสุดหลังจากที่เลขออกมา “ถูก” หลายงวด อะไรที่เกี่ยวกับนายกปูและมีตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลที่นายกป่วยและต้องเข้าใช้บริการก็กลายเป็นตัวเลขที่คนเอาไปแทงกันมากจนราคาของสลากที่มีเลขท้ายตรงกันปรับตัวสูงขึ้นเป็นสองร้อยบาทต่อใบเป็นต้น
ผมคงไม่ต้องพูดย้ำว่าหมายเลขที่ออกกับตัวเลขที่ติดอยู่หรือเกี่ยวข้องกับนายกปูนั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน หมายเลขที่ออกจากกองสลากนั้น เป็นหมายเลขที่เรียกว่า Random หรือออกโดยไม่มีรูปแบบอิงกับอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นไม่มีใครสามารถกำหนดหรือคาดเดาได้ การที่ตัวเลขไปตรงกับหมายเลขบางตัวที่เกี่ยวกับนายกปูนั้นเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น หรือบางทีมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันเป็นเรื่องที่เราไปหาตัวเลขที่เกี่ยวกับนายกปูที่มันตรงกับรางวัลเลขท้ายหลังจากที่เลขมัน “ออกมาแล้ว” ตัวอย่างเช่น เลขที่ออกคือ 28 คนก็พยายามไปหาว่ามีตัวเลขไหนที่เกี่ยวข้องก็พบว่านายกปูเป็นนายกคนที่ 28 แล้วก็ไปสรุปว่าเลขออกมาตรงทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีใครพูดถึง เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ นายกปูนั้น มีตัวเลขที่เกี่ยวข้องจำนวนมากเผลอ ๆ ถ้านับจริง ๆ อาจจะเป็น 100 หมายเลข เอาเฉพาะรถยนต์ก็มีน่าจะเกือบ 10 คัน ที่มีหมายเลขทะเบียนรถติดอยู่ วันที่เกี่ยวข้องเช่นวันเกิดตัวเองและคนในครอบครัว วันรับตำแหน่ง ต่าง ๆ ก็น่าจะมีเป็น 10 วัน เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งทำให้รางวัลเลขท้ายสองตัวที่ออกอย่างไรเสียก็ต้องตรงกับหมายเลขใดหมายเลขหนึ่ง ดังนั้น เรื่อง “นายกปูให้หวย” จึงไม่ใช่เรื่องจริงและไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์แต่เป็นเรื่องของความบังเอิญและเป็นเรื่องของการเล่นข่าวเท่านั้น
เทคนิคในการทำเรื่องบังเอิญหรือเรื่องที่ไม่ได้มีเหตุมีผลที่สัมพันธ์กันให้เป็นเรื่อง “มหัศจรรย์” หรือน่าทึ่งแบบเรื่องหวยที่กล่าวถึงยังมีอีกมาก หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ เทคนิคหรือวิธีในการ “สร้างความสำเร็จ” ซึ่งผมเคยอ่านมามากมายแต่หลายเรื่องผมคิดว่ามันไม่น่าจะจริงแต่เป็นเรื่องของ “ความลำเอียง” ที่เรามักจะนับเฉพาะคนที่สำเร็จแต่ไม่นับคนที่ล้มเหลวจากเท็คนิค ตัวอย่างเรื่องที่ผมเคยอ่านพบนั้นบอกว่าถ้าคุณอยากได้อะไรหรืออยากรวยแค่ไหนนั้น คุณแค่คิดว่าอยากได้ ไม่ต้องใช้ความพยายามหรือหาวิธี หลังจากนั้นสิ่งที่คุณต้องการก็จะมาภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน เสร็จแล้วก็จะมีคนมาบอกว่าเขาทำได้จริง ๆ โดยวิธีนี้ ประเด็นไม่ใช่ว่าเขาโกหก แต่อาจจะเป็นว่าคนที่คิดมีเป็นหมื่นเป็นแสนคน คนที่ทำได้อาจจะมีเพียง 1 หรือ 2 คน ที่มาบอกว่าเทคนิคใช้ได้ ส่วนคนเป็นหมื่นที่ทำไม่ได้นั้นไม่ได้มาบอก ดังนั้น ถ้าวิเคราะห์จริง ๆ ก็น่าจะเป็นว่าคนที่คิดแล้วได้เงินจริง ๆ นั้น เขาได้มาโดยบังเอิญไม่เกี่ยวกับเทคนิค ส่วนเทคนิคนั้นใช้ไม่ได้เลย
เรื่องของ “ยา” หรือเทคนิครักษาโรค “มหัศจรรย์” ก็เป็นเรื่องที่มีข่าวออกมาเสมอ นี่ก็อาจจะคล้าย ๆ กัน คือเป็นเรื่องของการที่คนใช้แล้วได้ผลนำมาพูดเพียงไม่กี่คน คนเหล่านี้อาจจะหายหรือทุเลาลงมากโดยบังเอิญ ว่าที่จริงร่างกายคนเราก็มีกลไกในการรักษาตนเองอยู่แล้ว คนไม่ได้กินยาหรือใช้เทคนิคก็มีโอกาสหายได้อยู่แล้วแม้ว่าจะมีโอกาสน้อย แต่คนที่กินยาและใช้เทคนิคจำนวนอาจจะเป็นพันเป็นหมื่นอาจจะไม่ได้ผลอะไรเลยและบางคนก็ตายไปโดยไม่ได้มาพูดว่ายาใช้ไม่ได้ผล คนที่รอดมักจะดีใจมากและพูด “เสียงดัง” ทำให้เกิดความรู้สึกว่านี่คือ “ยา” หรือเทคนิคมหัศจรรย์ คนที่ได้ฟัง โดยเฉพาะเป็นคนป่วยที่ “สิ้นหวัง” แล้วนั้น ก็มักจะเชื่ออย่างศรัทธา แต่ความเป็นจริงก็คือ ยานี้ใช้ไม่ได้ผล
กลับมาที่เรื่องของการลงทุนในหุ้น เทคนิคการลงทุนนั้นมีผู้คิดและนำเสนอมากมายนับไม่ถ้วน จำนวนมากอ้างว่าเป็นเทคนิค “มหัศจรรย์” สามารถทำเงินเป็นร้อยเป็นพันล้านบาทได้ คนที่ใช้นั้นอาจจะมีจำนวนมากหรือน้อยเท่าใดก็ยากที่จะนับ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คนที่ใช้แล้วไม่ได้ผลหรือขาดทุนจะไม่ออกมาพูดอธิบายอะไรเลย บางทีเขาอาจจะคิดว่าเทคนิคนั้นถูกต้องแต่การใช้ของเขานั้นผิดหรือความรู้ความสามารถของเขาไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาไม่ประสบความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จและอยากพูดนั้น มักจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง ทำผลตอบแทนได้สูงมากในระยะเวลาอันสั้น ภาพที่เขาฉายออกไปอาจทำให้ดูเหมือนกับว่าเทคนิคที่ใช้นั้นมหัศจรรย์ แต่ความเป็นจริงอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นเหตุผลอื่น หรืออาจจะเป็นเรื่องของเทคนิคที่บังเอิญเหมาะกับสถานการณ์ในขณะนั้น การนำเทคนิคไปใช้สำหรับคนอื่นและเวลาอื่น อาจจะไม่ได้ผล ว่าที่จริงเป็นเรื่องยากมากที่จะพิสูจน์ว่ามีเทคนิคอะไรที่สามารถจะทำแล้วได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ในเรื่องของการลงทุนในหุ้น
ข้อสรุปสุดท้ายของผมก็คือ โลกเรานี้มีสิ่งที่ไม่มีคุณค่าหรือเป็น “อวิชา” ที่ถูกนำมา “ขาย” ให้เป็นสิ่ง “มหัศจรรย์” ทั้งโดยคนที่หลอกลวงและคนที่เชื่ออย่างบริสุทธิใจว่ามันเป็นสิ่งที่วิเศษ หลายสิ่งนั้นไม่ได้มีต้นทุนอะไรและก็ไม่ได้ทำให้ “คนซื้อ” เดือดร้อนหรือเสียหายนี่ก็คงไม่เป็นปัญหานัก แต่หลายอย่างมี “ต้นทุน” ที่สูงมาก เช่น เราซื้อหุ้นด้วยเทคนิคที่เราคิดว่าดีแต่จริง ๆ ใช้ไม่ได้ซึ่งทำให้เราขาดทุนหนัก เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่เราได้ยินว่ามี “สิ่งมหัศจรรย์ใหม่” เราควรที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจริงไหม? จากประสบการณ์ของผมพบว่า เกือบทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง