กสทช. เตือนให้เก็บมือถือไว้ใกล้ตัว หวั่นซ้ำรอยคดี"อากง" หลังศาลวางบรรทัดฐานโทรศัพท์มือถือคือตัวเจ้าของ
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุก 20 ปีคดีหมิ่นเบื้องสูงด้วยการส่งข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือกรณีที่มีการเรียกขานกันในสื่อใหม่ว่า"อากงส่งเอสเอ็มเอส"ว่า บรรทัดฐานจากคำพิพากษาของศาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่อผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยทั่วไป ให้ต้องระมัดระวังอย่างเคร่งครัดมิให้บุคคลอื่นเข้าถึงหรือมาใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ประจำตัวได้ เนื่องจากระบบกฎหมายเริ่มตีความว่าเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นเท่ากับตัวตนของผู้ใช้
"ในกระบวนการพิจารณาคดีนี้ไม่ได้มีหลักฐานหรือการพิสูจน์ว่าจำเลยเป็นผู้ลงมือจริงหรือไม่ แต่มีหลักฐานว่าข้อความสั้นถูกส่งจากเครื่องของจำเลยในบริเวณย่านที่จำเลยอยู่อาศัย แม้ว่าในการส่ง จะไม่ได้ทำผ่านซิมการ์ดที่จำเลยใช้เป็นประจำก็ตาม แต่จำเลยก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าในช่วงเกิดเหตุนั้นเครื่องอยู่นอกความดูแลของตน แนวทางเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบกฎหมายเริ่มให้ความหมายกับโทรศัพท์มือถือว่าคือตัวคุณเลย นี่จึงเป็นการเปลี่ยนหลักคิดอย่างสำคัญ ว่าหากมีการกระทำใดใดที่กระทำผ่านโทรศัพท์มือถือของเรา สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นการกระทำโดยเรา ภายใต้หลักเช่นนี้ ต่อไปหากใครหยิบโทรศัพท์เราไปใช้ทำผิดกฎหมาย และเราไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ก็ต้องเป็นผู้รับโทษ ดังนั้นผู้บริโภคจึงต้องเข้าใจหลักการที่เปลี่ยนไปนี้และต้องระมัดระวัง เพราะไม่ได้แยกระหว่างการเป็นเจ้าของกับการนำไปใช้”นายประวิทย์กล่าว
นายประวิทย์ ยังเตือนผู้บริโภคว่า ต่อไปนี้ต้องรักษาดูแลโทรศัพท์มือถือประจำตัวอย่าให้คลาดสายตา ระมัดระวังเรื่องการถูกยืมไปใช้งาน กรณีส่งซ่อม หรือต้องทิ้งเครื่องไว้ห่างตัว แม้ถอดซิมการ์ดออกแล้ว ก็ใช่จะเพียงพอ ต้องมีพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ด้วยว่าในเวลานั้นๆ เครื่องไม่ได้อยู่ในความดูแลของเราจริง กรณีเครื่องหายก็ควรต้องแจ้งความ เนื่องจากโทรศัพท์แต่ละเครื่องจะมีเลขอีมี่ประจำเครื่อง ขณะที่ซิมการ์ดมีเลขอิมซี่ ดังนั้นในกรณีมีผู้ไม่หวังดีนำเครื่องเราไปใช้ หลักฐานเลขอีมี่ที่ปรากฏจะมัดตัวผู้เป็นเจ้าของให้ต้องรับผิด
"แทบจะพูดได้ว่าต่อไปนี้ ไม่อาจทิ้งมือถือไว้ห่างตัวเลย แม้เพียงช่วงเดินไปเข้าห้องน้ำก็ไม่ควรวางมือถือไว้ที่โต๊ะทำงาน เพราะหากถูกผู้อื่นนำไปใช้ในทางที่ผิดก็จะกลายเป็นความรับผิดชอบของผู้เป็นเจ้าของ บรรทัดฐานเช่นนี้จะเป็นปัญหายุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้น หากมีการปรับใช้ในกรณีอีเมลด้วย เพราะอีเมลนั้นถูกเข้าถึงได้ง่ายกว่า และกรณีมีผู้เจาะรหัสเข้าใช้อีเมลของใคร ตำรวจอาจต้องเปิดให้แจ้งความ สรุปว่าผลจากคดีนี้ หากถือเป็นบรรทัดฐานก็จะกระทบวิถีการสื่อสารของคนทั้งหมด" นายประวิทย์ กล่าว
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%87.html
กสทช.เตือนเก็บมือถือไว้ใกล้ตัว หวั่นซ้ำรอยคดี'อากง'
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0