หน้า 1 จากทั้งหมด 1
กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 24, 2011 10:53 am
โดย humdrum
นั่งนึก ปี 2574
กรุงเทพจะอยู่ตรงไหนนี่
ย้ายไปสี่คิ้วหมดแล้วหรือปล่าว
อ้อ..ฝันของผมยังมีอคติปนอยู่เลย
ด้วยผมมีที่อยู่สี่คิ้วเหมือนกันนี่
ฝันไปเรื่อย
ระหว่างความฝันนั้น
สี่คิ้วเป้นภูมิประเทศริมทะเลไปแล้ว
ผมนึกถึงหลังน้ำท่วมกรุงเทพคราวนี้
ราคาแถบอีสาน
ที่ไหนยิ่งแห้งแล้ง
ที่นั่นราคาขยับกันกันหลายสิบเท่าทีเดียว
ต้องนี้กำลังดูครับว่า หลังน้ำท่วม
ตลาดอสังหาจะกระทบแค่ไหน
ตลาดจะกลายเป้นของผู้ซื้อกันหมด
ถ้าคนซื้อเอาข่าวเรื่องกรุงเทพหายไปเลยมาเล่นละก็ครับ
ต้องดูละครับว่าจะเป็นอย่างไร
ตลาดจะเป้นอย่างไร
ไม่ว่าเป้นอย่างไร
สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ จะทำให้หลายจังหวัดทำเขื่อนกั้นน้ำเข้าจังหวัดของเขา
และผลที่ตามมา กรุงเทพจะท่วมขึ้นทุกปี
จนกลายเป้นทะเลทราบในที่สุด
นั่นคือสิ่งที่ควรเป้นมานานแล้ว
บรรพบุรุษของเรา มาตั้งรับที่นี่
เพราะอยากให้ "น้ำท่วม" ป้องกันพม่ารุกราน
ไม่ใช่เป้นจุดที่ ไม่อยากให้ท่วม
กรุงเทพจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
ที่ดินจะตกลงเรื่อยๆ
จะไม่มีแพงกว่านี้แล้ว
สวนกับอัตราเร่งของคามผันผวนจากธรรมชาติที่มากขึ้น
กรุงเทพจะเริ่มย้ายเมืองหลวง
ต้องบอกว่า กรุงเทพไม่เคยย้ายไปไหน
มันอยู๋ของมันดีๆ คนย้ายมาหามันเอง
คนจะย้ายออกไปครับ
ในห้าปีข้างนี้นี้
บริษัทอสังหาต่างๆ จะออกแบบให้สร้างบ้านบนน้ำมากขึ้น
ผมยังเชื่อว่า
ไม่มีใครคาดการณ์อนาคตได้
แต่เขาทำอนาคตให้กลายเป้นจริงได้ด้วยความเชื่อของเขา
สิ่งที่ความเชื่อทำ คือ เปลี่ยนแปลงข้อเท็จริง
แต่ "ความกลัวตาย" ของคนคาดเดากันได้
Market จะบอกเองครับ
ความเสี่ยงในการเขียน:
ข้อผิดพลาดผมคือเรื่องการเมื่องนั้น sensitive มาก ห้ามพูดถึง
สอง ห้ามเน้นให้ตัวหนังสือมันใหญ่
มันมีผลทางบวกก็จริง แต่มันมีผลทางลบมากกว่า
สาม ผมเขียนเรื่องนี้หลังจากไปดูที่คลิบใน Youtube อาจารย์อาจองบอกว่า
น่าซ่าเขาว่าอีกสามสิบปีพื้นที่ภาคกลางกลายเป้นทะเลหมดเลย
ความคิดผมจึงมีอคติเจือปนไปทางลบอยู่มาก
โปรดอ่านด้วยความระมัดระวังครับ
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 24, 2011 11:40 am
โดย humdrum
ผมโทรคุยกับคนที่ดูแลที่ที่สี่คิ้ว
จำนวนรถถือว่าปกติครับ
ผิดจากที่ผมคาดการณ์ไว้
แต่ที่คาดไม่ถึงคือ
มีไส้เดือนออกมาอยู๋บนดินมากกว่าปกติในช่วงเช้าๆ
สำหรับท่านที่ไม่ทราบวาไส้เดือนทำไมถึงขึ้นมาบนดิน
ดินมันแห้งครับ ที่สี่คิ้วฝนแล้งมานานกว่าสองเดือนแล้ว
คนสวนบอกผมว่า
ดอกหญ้าออกดอกเมื่อใด หน้าหนาวก็มา
เป้นอย่างนี้มาตั้งแต่โบราณแล้ว
ธรรมชาติเตือนเราได้ดีทีเดียวครับ
"ต้นไผ่มันทิ้งใบกันหมดแล้ว"
ที่สี่คิ้วกำลังเจอภัยแล้ง
แต่ที่กรุงเทพ
กิ้งกือปีนเข้าบ้านหลายตัวทีเดียว
มีข้อมูลทางวิชาการเรื่องไส้เดือนกับภัยธรรมชาติเกี่ยวเนื่องกันอย่างไรครับ
'ไส้เดือน'เตือนภัยก่อนแล้งฉับพลัน! ให้สังเกตไส้เดือนเตือนภัยแล้ง
http://region2.prd.go.th/ewt_news.php?n ... name=intro
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 24, 2011 12:29 pm
โดย humdrum
Netherlands
อาจเป้นประเทศที่เตรียมพร้อมได้ดีที่สุดกับระดับที่เพิ่มขึ้นของน้ำทะเลครับ
Floating Houses
With the sea level rising as a result of global warming, the low-lying
Netherlands is fighting back for more space by building communities on water.
http://www.ecoboot.nl/artikelen/floating_houses.php
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 24, 2011 9:02 pm
โดย arica
ขอบคุณครับ อาจารย์สำหรับบทความ
ใส้เดือนมักจะคลานขึ้นมาตายบนพื้นดินหรือพื้นคอนกรีต ในช่วงเข้าฤดูหนาว ครับ เจออยู่เป็นปกติ
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 24, 2011 9:49 pm
โดย kmig
ตราบใดกรุงเทพมีปัญหาแค่เรื่องน้ำ ไม่แผ่นดินไหว ผมว่าcostสำหรับการจัดการน้ำ ไม่มากกว่าการย้ายเมือง สุดท้ายก็จะมีการป้องกันและจัดการที่่เป็นระบบครับ มองในแง่ดีมันมาเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้มีเวลาคิด หลังจากนี้น่าจะมีจัดการอย่างเป็นระบบ ดีกว่าปัญหามาทีแล้วทำลายไปหมด ไม่มีโอกาศแก้ตัว
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 24, 2011 10:46 pm
โดย beaeaebe
ผมว่า เดี๋ยวก็เหมือนเดิม คนไทยลืมง่าย ไม่งั้นมันแก้กันไปตั้งกะหลังปี 38 ละ
หลังเผาเมือง 53 เค้าก็บอกกันว่า ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม ตอนนี้ก็เหมือนเดิม ปลุกระดม เตรียมประท้วง เตรียมเปิดช่องปฏิวัติกันให้ฮึ่ม เริ่มจากเรื่องน้ำท่วมเป็นสาเหตุ
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 24, 2011 11:20 pm
โดย harikung
ผมไม่เชื่อว่าต้องขนาดย้ายเวืองหรอกครับ แค่ไปคิดและทำระบบการจัดการน้ำใหม่ เครื่องมือพยากรณ์อากาศอะไรที่ล้าสมัยก้อลงทุนเปลี่ยนซะ ลงทุนครั้ฝเดียวมากหน่อยแต่ปัญหาหมดหรือรุนแรงน้อยลงก้อคุ้มแล้ว นี่ล่อกวาดนิมคมอุตสาหกรรมไปไม่รู้กี่ที่ เสียหายไม่รู้เท่า ถ้าผมเปนนักลงทุนคงต้องกลับไปคิดหนักล่ะครับ จุดเด่นอย่างหนึ่งของประเทศเราที่นักลงทุนสนใจคือบ้านเราแทบจะไม่มีภัยธตมชาติเลย แต่จากนี้ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการจัดการป้องกันปัญหานี้ ผมเปนนักลงทุนก้อคงคิดหนักครับ
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 25, 2011 4:56 am
โดย sandymini
เดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ
ตอนต้นปีผมก็ว่าก็มีคนคิดมากเรื่องแผ่นดินไหวไปทีนึง
มาตอนนี้เหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น
น้ำท่วมครั้งนี้หนักหนาอยู่ก็จริงแต่ที่อื่นก็ท่วมนิครับ
ไม่ว่าเป็นพม่า กำพูชา เวียดนาม
เลยคิดว่าคนอาจจะpanic มากเกินไป
เพราะบางอุสาหกรรมไม่ได้ผลกระทบแบบมีนัยสำคัญแต่ราคาก็ร่วงมามาเหมือนกัน
ผมอาจจะมองโลกในแง่ดีไปนิสนึง
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 25, 2011 8:01 am
โดย NAI-A SIKHIU
ปีนี้ที่สีคิ้วถือว่าไม่แล้งนะครับ ผมว่าฝนกลับสม่ำเสมอดีด้วยซ้ำ ถ้าเป็นปีก่อนๆถือว่าแล้งทีเดียว ปีนี้ผลผลิตการเกษตรในสีคิ้วถือว่าได้ผลผลิตดีมากทีเดียว
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 25, 2011 2:13 pm
โดย shinobux1
ช่วงนี้ อาจารย์ ฮัมดรัม ขอเรียกว่า อาจารย์แล้วกันนะครับ >__<
มีบทความออกมาเยอะมากๆ
ผมเป็นหนึ่งคนที่ชอบแนวคิดของอาจารย์มากๆเลยครับ
ขอเป็นลูกศิษย์ที่จะติดตามอาจารย์ตลอดไปแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ขอนับถือจากใจจริงครับ
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 25, 2011 3:22 pm
โดย humdrum
สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุด
มองเห็นตัวเองอย่างที่ท่านเป็น
ไม่ใช่เป้นแบบคนอื่น
ท่านต้องทำตัวให้ว่างเปล่าจากตัวตนอย่างถึงที่สุด
ยิ่งตะหนักรู้ในตัวเขาเองมากเท่าใด ท่านก็จะดำรงอยู่น้อยเท่านั้นครับ
ผมชอบอ่านประวัติของคนอย่าง
อาดอฟ ฮิตเลอร์ ,โจเสฟ สตาลิน, เหมาเซตุง
จะมีเหตุการณ์คนเชื่อตามคนพวกนั้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พวกเราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมื่องไทยตอนเสื้อเหลื่อง/แดง มาแล้ว
เหตุการณ์อย่างนั้นจะเกิดอีก
ถ้าหากคนยังไม่ทิ้งความคิดเรื่องอุดมคติครับ
คนที่ใฝ่หาใครสักคนที่เป็นแบบอย่างในอุดมคติที่เขาต้องการจะเหนื่อยหน่อยครับ
เขาจะมีชีวิตอยู่กับการวิ่งตาม
เพราะไม่อาจตัดสินใจได้ว่าตัวเขาเองนั้น แท้จริงเป็นใคร
เป็นคนในอุดมคติหรือเป็นตัวตนที่แท้จริง
เขาไม่อาจไว้ใจตัวเองได้ สูญเสียความเชื่อมั่น
เมื่อใครบางคนเสียตรงนั้นไป เขาก็พร้อมเป็นทาสของใครก็ได้
พระรูปไหนก้ได้ นักการเมืองคนไหนก้ได้
พวกเขาไม่อาจยืนด้วยตัวเองได้อีก
ต้องการพึ่งพิงใครบางคน
บางที ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครด้วยซ้ำ
ต้องการให้ใครบางคนก็ได้มาบอกว่าพวกเขาเป็นสิ่งนี้สิ่งนั้น
พวกเขาต้องการให้ใครมอบ "อัตลักษณ์" ให้ตัวเอง
โดยลืมธรรมชาติและตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไป
ทราบไหมครับ อาดอฟ ฮิตเลอร์เกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างไรบ้าง
ในแง่มุมเรื่องจิตวิทยาฝูงชนครับ
ฮิตเลอร์ชอบอ่านหนังสือชื่อ The Crowd ของ Le bon
นักสังคมวิทยาการเมืองชาวฝรั่งเศสมากครับ
มีนักลงทุนเฮจฟันหลายท่านที่กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้
โดยเฉพาะ Ed Seyketa เซียนจิตวิทยาการลงทุนครับ
ลองไปหาอ่านดูก่อนนะครับ
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 26, 2011 6:21 pm
โดย jverakul
ขอถามพี่ humdrum หน่อยครับ อาจจะนอกเรื่องไปบ้าง
เ่ท่าที่ตามอ่านบทความของพี่เกี่ยวกับน้ำท่วมในช่วงนี้ พี่เคยบอกว่าพี่จะไม่ทำำกำแพงกั้นน้ำ จะอยู่กับน้ำ
อยากถามพี่ว่าแล้วพวกปัจจัยสี่นั้น พี่ได้เตรียมอะไรบ้าง (อาทิ เช่น อาหารแห้ง บะหมี่ ปลากระป๋อง)
ถ้าเตรียม แล้วเตรียมสำหรับอยู่กับสภาพน้ำท่วมกี่วัน กี่เดือน ครับ แล้วมีอะไรอย่างอื่นๆ ที่เตรียมไว้บ้าง
อีกอย่่างพี่เคยบอกไว้ว่าจะไม่หนีอีกแล้ว ถ้าสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นใหนถึงจะย้ายไปอยู่ที่พักพิงครับ
ที่ถามเพราะว่าเผื่อเป็นแนวทางสำหรับการเตรียมตัวครับ ผมเตรียมพวกอาหารแห้งไว้พอประมาณ แต่เตรียมน้ำและธัญพืชไว้ค่อนข้างเยอะ
กะว่าถ้าท่วมภายใน 7 วันแล้วน้ำยังไม่ลดค่อยหาที่พักพิงใหม่
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 27, 2011 9:42 am
โดย humdrum
ด้วยความเคารพครับ เตรียมอีกสองคำครับ อดทน ครับ ความอยากลำบากดีอย่าง มันฝึกให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น โดยปกติเราต้องนั่งสมาธิต้องเดินจงกลมเป้นชัวโมงกว่าเราจะรู็สึกว่ามันทนไม่ไหว มันเจ็บตรงนั้นบ้าง ปวดคอบ้าง สำหรับคนฝึกกรรมฐาน นี่คือโอกาสทองสำหรับการเข้าใจตัวเองให้มากขึ้นครับ ตอนฝึกกับหลวงพ่อนั้น ฝึกกันหลายท่านครับ ฝึกอย่างไรก็ไม่พัฒนาสักที ผมต้องแยกไปฝึกในป่าคนเดียวครับ ถึงหา อคติ ตัวเองอีกตัวหนี่งเจอ ผมไปค้นพบ "ความกลัวตาย" ของตัวเองในป่า กลัวผีมาหักคอครับ คืนนั้นผ่านมาได้เพราะคิดอย่างเดียวว่า ตายก็ตาย ถ้ามีกรรมต่อกันผมก็พร้อมชดใช้แล้ว ถ้าไม่มีกรรม ก็ให้ผมได้ฝึกกรรมฐานแล้วผมจะแผ่เมตตาให้ เดี๋ยวนี้ผมไม่กลัวแล้ว ผมวิ่งเข้าหาพวกเขา ไม่ใช่แต่คนอย่างเดียว ผีก็มีอคติเหมือนกันครับ แต่คุยยากกว่า เพราะเขาจะไม่พูดครับ อย่างในบ้านผม มีเจ้าที่มาให้เห็นสองครั้งแล้ว มายืนมองเฉยๆ แผ่เมตตาให้แล้วก็หายไปครับ ผมคุยกับเขา เขาก็ไม่ยอมคุยด้วยครับ
ร่างกายแต่ละท่านไม่เหมือนกัน ผมไม่ทราบว่าท่านอดข้าว อดน้ำได้ดีขนาดไหน ต้องค่อยๆ ทำดูนะครับให้ร่างกายเขาปรับสมดุลว่าตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ของผมมันปรับมานานแล้ว หลังเที่ยงก็ไม่ทานอยู่แล้ว อย่างช่วงนี้ ทานกาแฟเช้าสิบโมงกับซาละเปานึ่ง (ซื้อมาแช่แข็งไว้ครับ ) ผมก็อยู่ได้ทั้งวันแล้วครับ น้ำหนักผมลดจากวันที่ 14 ตค ประมาณ 2 กิโลแล้วครับ
วันไหนไม่ไหว ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าครับ ท่านเป้นกำลังให้ผมเสมอ ผมคุยกับท่านตลอดละครับ การทำอย่างนั้นทำให้ผมอยู๋รอดได้ไม่วาสถานการณ์จะเลวร้ายขนาดไหน
คนเราเกิดมาก็ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย กางเกงในตัวเองก็กำไรชีวิตแล้ว
ถ้าท่านละความกลัวตายได้
เรื่องเตรียมของต่างๆ ในช่วงความยากลำบากนี้ คงไม่ยากอย่างที่ท่านคิด
ถามคนอื่นดีกว่าครับ
ถามผม ไม่ได้เรื่องหรอกครับ
อยู่ไทรน้อยใช่ไหมครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ ขาดอะไรก็โพสมาในกระทู้นี้ ผมไปได้จะไปช่วยครับ
เครียดเรื่องไหน ก็มาโพสในนี้ ยังดีนะครับ ที่ไฟยังใช้ได้
ทางโลกท่านก็เตรียมตัวดีมากแล้วครับ
ทางธรรม อย่าลืมเตรียมละครับ
สู้โว้ย
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 27, 2011 11:07 am
โดย humdrum
ท่านทำให้ผมคิดถึงพ่อครับ
พ่อผมเลี้ยงแบบทหาร ระเบียบ วินัย อดทน กล้าหาญ
พี่น้องห้าคน ผู้ชายหมด เรียนก็เรียนโรงเรียนผู้ชาย
ไม่มีใครกล้าเถียงพ่อหรอกครับ พ่อดุมาก
ตอน 26 ปี
หลังจากผมกลับมาจากต่างประเทศแล้ว
ผมได้เห้นลูกน้องคนขับรถพ่อเถียงพ่อ
คนนี้อายุเท่าผม อยู่กับพ่อตั้งแต่พ่อไปขอมาจากหลวงพ่อที่วัด
ลูกน้องพ่อส่วนใหญ่เป็นเด็กวัดที่พ่อแม่เอามาฝากไว้
นั่นเป้นครั้งแรกที่ผมเห้นใครกล้าเถียงพ่อครับ
เรื่องมีอยู๋ว่า คนขับจะไปทางซ้าย
แต่พ่อบอกว่า ไปทางขวาดีกว่า
ปกติ พ่อจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ
พ่อจะ invert ความคิดของพวกเราทุกอยางเลย
จนผมไม่ชอบที่จะอยู๋ใกล้พ่อ
ผมไม่รู็มาก่อนว่า นั่นเป้นวิธีที่ลับสมองทีดีที่สุดแบบหนึ่ง
คือ การจับผิดตัวเองเหมือนที่โซรอสสอนเอาไว้
พ่อเป็นละอาร์ทตัวพ่อของการ invert เลยครับ
ลูกน้องตอบว่าอย่างไรรู็ไหมครับ
"ท่านครับ ท่านเชื่อผมน่า ผมพาท่านไปถูกก็แล้วกันครับ"
พูดจบคนขับรถก็หัวเราะ
พ่อผมก็ยิ้มครับ
นั่นเป้นประสบการณ์ที่พลิกกลับมุมมองของผมทั้งหมดเลย
ผมเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่ๆ
ทุกคนตกใจกันหมดเลย
แล้วทุกคนก็ค่อยๆ เปลี่ยนตั้งแต่วันนั้น
เปลี่ยนไปทางไหนครับ
ผมยกตัวอย่าง หลายปีก่อน ไปกวางโจวกับพ่อ
ขึ้นเครื่องตอนห้าทุ่ม ผมก็เปลี่ยนชุดนอนเดินเข้าไปในสนามบิน
กางเกงแพรนี่ละครับ ใครเห็นเขาก็มอง ไอ้บ้าแน่ๆ
พ่อเห้นก็ตกใจเลย เพราะทุกคนแต่งเต็มยสเลย
เสื้อหนาว หมวก ผ้าพันคอ
ผมก็บอกพ่อไปว่า พ่อมันเวลานอนแล้ว
แล้วผมก็ยิ้ม
พ่อก็หัวเราะครับ
ไม่ว่าจะทำอะไร ไม่ว่าจะมีความทุกข์ยากแค่ไหน
ถ้าเรามีความสุขในสิ่งที่เราทำ
พ่อก็ปล่อยแล้ว
สุดท้าย พ่อเห้นเรามีความสุข พ่อก็มีความสุขไปด้วย
ตอนนี้ มีคนมาถามว่าผมจะย้ายออกไหม
ผมก็มีความสุขมาก ใส่กางเกงว่ายน้ำ
ใส่ห่วงยาง ใส่ตีนกบ
ใครมาเห้นเขาก็หัวเราะ
แล้วเขาก็ปล่อยผมไป
แต่ถ้าท่านมีความสุขเมื่อเจอความทุกข์
ใครๆ เขาก็มีความสุขกับท่านไปด้วย
แต่ถ้าท่านมีความทุกข์เมื่อเจอกับความทุกข์
จะมีคนมาจัดการกับชีวิตท่าน
แล้ว ท่านจะพบว่า ความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้น
กำลังจะมาเยื่อนท่านอย่างแท้จริง
นั่นคือ การขาดอิสรภาพ นั่นเองครับ
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 27, 2011 7:02 pm
โดย jverakul
ขอบคุณครับพี่ humdrum
คำแนะนำของพี่ช่วยผมกระตุ้นจิตใจผมได้เยอะเลยครับ ไม่ให้วิตกจริตหรือกลัวไปล่วงหน้า
ตอนนี้แถวที่ผมอยู่ ยังไม่ท่วมครับ แต่น้ำล้อมรอบด้านแล้ว โรงงานยังเดินเครื่องตลอด จะหยุดก็ต่อเมื่อน้ำมานั้นแหละครับ
ขอบคุณนะครับสำหรับความช่วยเหลือที่จะมีมา แต่ผมจะพยายามพึ่งตนเองให้มากที่สุดครับ จะไม่ยอมเป็นผู้ประสบภัยครับ
ถ้าสู้ไม่ได้ค่อยหนีไปตั้งหลักที่บ้านเกิดแล้วกันครับ
ขอบคุณพี่ humdrum อีกครั้งสำหรับบทความดี สำหรับพยุงจิตใจให้ Invert
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 27, 2011 7:06 pm
โดย humdrum
ขอบคุณที่ถามเช่นเดียวกันครับ
สิ่งประดิษฐ์ทั้งสองอย่างมันคืออะไรครับ
ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติคงไม่เห้นนะครับ
มันใช้ได้จริงไหมครับ
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 28, 2011 4:19 pm
โดย jverakul
ผมเอามาจาก forward mail คิดว่าน่าจะใช้ได้ครับ รวมทั้งให้ไอเดียเราในการหาวิธีอยู่กับน้ำครับ
Re: กรุงเทพอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 28, 2011 4:34 pm
โดย Financeseed
ขอบคุณครับ