ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 15, 2011 8:59 pm
โค้ด: เลือกทั้งหมด
โลกในมุมมองของ Value Investor 15 ตุลาคม 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คนที่จะรวยได้นั้นจะต้องมีทุน ยิ่งมีทุนมากโอกาสที่จะมั่งคั่งก็มาก เพราะทุนคือทรัพยากรที่จะสร้างหรือทำเงินให้เรา คนไม่มีทุนหรือมีทุนน้อยโอกาสที่จะรวยแทบเป็นศูนย์ ดูเหมือนว่าคนไม่มีทุนนั้น โอกาสที่จะรวยมากที่สุดก็คือการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งซึ่งก็คือโอกาสหนึ่งในหลาย ๆ ล้าน และถึงจะรวยก็คงรวยไม่มากไม่ถึงร้อยล้านบาท ผมพูดแบบนี้อาจจะทำให้หลายคนมีข้อโต้แย้งอย่างแรง เพราะเศรษฐีหรือเจ้าสัวหลายคนในเมืองไทยนั้น ว่ากันว่าไม่มีทุนเลย หลาย ๆ คนแทบจะมีแต่ “เสื่อผืนหมอนใบ” ตอนเริ่มต้นสร้างตัว ดังนั้นจะบอกได้อย่างไรว่าคนไม่มีทุนไม่มีวันรวย? ว่าที่จริงนักลงทุนหลายคนในตลาดหุ้นที่มั่งคั่งร่ำรวยกันในวันนี้ก็เริ่มจากทุนจำนวนน้อยมาก แต่ผมก็ยังยืนยันว่าทุนเป็นปัจจัยสำคัญแทบจะประการเดียวที่ทำให้คนมั่งคั่งหรือร่ำรวย เพราะทุนในความหมายของผมครอบคลุมทุนหลายแบบ อะไรที่ทำเงินได้ก็เป็นทุนทั้งสิ้น
ทุนแบบแรกก็คือ ทุนทางเศรษฐกิจ หรือ Economic Capital นี่คือทุนที่เราคุ้นเคยกันที่สุด มันก็คือเงินทอง ที่ดินอาคาร หุ้น ทอง เครื่องเพชร และสิ่งของต่าง ๆ ที่เราจับต้องได้ มีมูลค่าและ/หรือราคาในตลาด คนที่มีทุนประเภทนี้มาก เช่นคนที่ได้รับมรดกหรือได้รับเป็นของขวัญจากพ่อแม่ทั้งในรูปให้เปล่าหรือแม้แต่ให้ยืมก็จะมีโอกาสที่เขาจะสร้างเงินหรือความมั่งคั่งซึ่งก็จะกลับมาเป็นทุนที่เพิ่มขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม คนที่ใช้ทุนไม่เป็น เช่น นำทุนไปลงทุนต่อแล้วขาดทุนจนหมดตัวก็มีอยู่เช่นกัน ดังนั้น การใช้ทุนให้เป็นหรือใช้อย่างฉลาดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะสร้างความมั่งคั่งไม่น้อยไปกว่าการมีทุนเหมือนกัน
ทุนแบบที่สองคือ “ทุนมนุษย์” หรือ Human Capital นี่ก็คือความรู้ ความสามารถและทักษะของเรา ซึ่งผมคิดว่า IQ ก็น่าจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดว่าเราจะมีทุนแบบนี้มากน้อยแค่ไหน ทุนมนุษย์นั้น เป็นทุนที่เราสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเองไม่น้อย นั่นก็คือ ถ้าเราตั้งใจเรียนหมั่นศึกษาหาความรู้ เราก็สามารถเพิ่มพูนทุนนี้ได้ ทุนมนุษย์นั้น ในอดีตอาจจะสร้างเงินไม่ได้มากมายนักเทียบกับทุนทางเศรษฐกิจ และมักจะมีคำกล่าวเสมอว่า “การรับจ้างกินเงินเดือนนั้นไม่มีวันรวย” แต่ในโลกที่เจริญขึ้น บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีการแบ่งแยกระหว่างเจ้าของกิจการกับผู้บริหารมากขึ้น การใช้ทุนมนุษย์หรือความสามารถก็สามารถทำเงินให้กับเราได้มหาศาลไม่แพ้คนที่มีทุนทางเศรษฐกิจเหมือนกัน
ทุนแบบที่สามคือ “ทุนทางสังคม” หรือ Social Capital นี่คือการใช้ Connection หรือความสัมพันธ์ในการทำเงิน คนที่มีทุนแบบนี้มาก นั่นคือคนที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับคนอื่น ๆ หรือเป็นคนที่มีภาพพจน์ที่ดีในสายตาของคนอื่น โดยเฉพาะกับคนที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองได้ ก็จะสามารถใช้ความสัมพันธ์นั้นทำเงินหรือทำให้ตนเองมั่งคั่งได้มากกว่าคนที่มีทุนแบบนี้น้อยกว่า แน่นอนว่าคนบางคนนั้นมีทุนแบบนี้มาก แต่ถ้าเขาไม่รู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ในทางการเงิน เขาก็จะไม่ร่ำรวยหรือมั่งคั่งเพิ่ม และนี่ก็เหมือนกับทุนอย่างอื่นเหมือนกันที่คนบางคนอาจจะมี แต่ทิ้งไว้เฉย ๆ หรือบริหารทุนนั้นแบบผิดพลาด ประโยชน์ก็ไม่เกิดขึ้น
ทุนตัวสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงและหลายคนอาจจะไม่แยกออกมาเป็นทุนอีกแบบหนึ่งก็คือสิ่งที่ผมอยากเรียกว่า “ทุนเสน่หา” หรือ Erotic Capital หรือถ้าจะพูดแบบเท่ ๆ ก็คือทุนจำพวก “สวย มีเสน่ห์ และ เซ็กซี่” นี่เป็นทุนที่มีบทบาทหรือสร้างเงินและความมั่งคั่งได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมยุคข่าวสารข้อมูล ทุนเสน่หาในอดีตมักจะถูก “กีดกัน” ไม่ให้สามารถสร้างความมั่งคั่งหรือร่ำรวยได้ อาจจะด้วยเหตุผลทางสังคมและการปกครอง ในอดีตสมัยที่ผมยังเป็นเด็กนั้น แม้แต่นักร้องหรือดาราระดับซุปเปอร์สตาร์ก็ยังต้อง “ปากกัดตีนถีบ” คนที่เรียนจบปริญญาตรีไม่มีใครยอมเป็นดาราเพราะอาชีพดารานั้นถูกมองว่าเป็นคน “เต้นกินรำกิน” ลูกหลาน “ไฮโซ” ในสังคมจะไม่ยอมให้ลูกเป็นดาราหรือไปแต่งงานกับดาราเป็นอันขาด แต่เดี๋ยวนี้ตรงกันข้าม ทุกคนอยากเป็นดาราหรือแฟนดารา ดาราระดับซุปตาร์นั้นทำเงินมหาศาลและหลายคนร่ำรวยกว่าคนที่เป็นลูกหลานไฮโซ
แน่นอน ทุนเสน่หานั้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะแต่คนที่อยู่ในแวดวงบันเทิง คนที่เกิดมาสวยหรือหล่อ ร่างกายสูงและรักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วน เป็นคนที่ยิ้มมีเสน่ห์น่าประทับใจ บางคนนั้นดู “เซ็กซี่” สำหรับเพศตรงข้าม คนแบบนี้ต้องถือว่ามีทุนเสน่หาสูง และถ้าพวกเขารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ เช่น ไปทำงานในแวดวงที่ให้คุณค่ากับ Erotic Capital มาก เช่นงานที่เกี่ยวข้องกับคนอย่างงานบันเทิงหรืองานบริการ พวกเขาก็จะสามารถทำเงินได้มาก และแม้แต่งานอย่างอื่นทั่ว ๆ ไป ความ “เสน่หา” ก็สามารถช่วยเพิ่มความสำเร็จหรือเพิ่มเงินให้พวกเขาได้ การศึกษาในต่างประเทศพบว่าคนที่หน้าตาดีประเภทหล่อหรือสวยนั้นทำให้คนได้เงินเดือนโดยเฉลี่ยสูงกว่าคนที่หน้าตาขี้เหล่ถึงประมาณ 15-20% ในอาชีพทั่ว ๆ ไป ที่ยิ่งหนักกว่านั้นก็คือ คนที่สูงจะทำเงินมากกว่าคนเตี้ยประมาณ 20-25% ในทางตรงกันข้าม คนอ้วนจะได้เงินเดือนต่ำกว่าคนน้ำหนักปกติในระดับ 10-15% และที่น่าแปลกใจก็คือ ผลกระทบถ้าเป็นผู้ชายส่วนใหญ่จะสูงกว่าผู้หญิง
ทุนเสน่หานั้น ในอดีตดูเหมือนว่ามักจะขึ้นอยู่กับ “ดวง” เสียมาก นั่นคือเกิดมาสวยหล่อและสูง แต่ในปัจจุบันนี้เราสามารถเพิ่มทุนตัวนี้ได้พอสมควรเช่นโดยการทำศัลยกรรม การลดน้ำหนัก การเข้ายิม การทำสีผิวให้ขาว และการแต่งหน้าและแต่งตัวให้ดูดี การลงทุนเพิ่มทุนเสน่หาให้กับตัวเองนั้นนับวันจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนี่อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก คนจำนวนมากอาจจะไม่ตระหนักว่าการมีหน้าตาดี มีหุ่นสูงใหญ่ มีการแต่งตัวที่ดีนั้น จะไปเกี่ยวอะไรกับการทำงานอาชีพเช่น ผู้บริหารที่ต้องใช้ประวัติการศึกษา ทักษะ และความสามารถในการวิเคราะห์พิจารณาตัดสินใจอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงก็คือ คนที่มีทุนเสน่หาสูงนั้น มักได้รับการโปรโมตดีกว่าคนที่มีคุณสมบัติอย่างอื่นเท่า ๆ กัน พวกเขามักได้เงินที่สูงกว่า ถูกเลือกให้เข้าทำงานมากกว่าคนที่หน้าตาและหุ่นไม่ให้ ทั้ง ๆ ที่งานเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวกับรูปร่างและหน้าตาแต่อย่างใด
ทุนทั้งสี่แบบนั้นมีการเพิ่มและลดได้ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวที่จะทำ เช่น คนที่มีทุนที่เป็นเงินก็มักจะไปเพิ่มทุนมนุษย์ ทุนสังคม และทุนเสน่หา ซึ่งก็อาจจะกลับไปทำให้เขาเก่ง มีสายสัมพันธ์และดูดี ซึ่งก็จะทำให้เขาสามารถทำเงินเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเงินที่ลงไป ตัวทุนเองก็เปลี่ยนแปลงไปได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ เช่น ตัวทุนเสน่หาเองนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ทุนนั้นก็จะลดลงตามธรรมชาติ ดังนั้น คนที่มีทุนตัวนี้แต่ไม่ได้ใช้ในเวลาที่เหมาะสมก็อาจจะเสียโอกาสไป ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของทุนซึ่งทุกคนมีแต่หลายคนอาจจะรู้ไม่ครบว่าตนเองมี เจ้าสัวที่รวยได้แม้ว่าจะเริ่มจากเสื่อผืนหมอนใบ หรือ นักลงทุนที่รวยโดยเริ่มจากเงินทุนเพียงเล็กน้อยนั้น แท้ที่จริงแล้วพวกเขาคงมีทุนมนุษย์ที่มากล้นแต่คนมองไม่เห็น แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องของทุนจริง ๆ แล้ว เราจะไม่สงสัยเลยว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่นั้นมาจากทุนทั้งสิ้น