กระสอบทราบครับ น้ำจะท่วมแล้วครับ หมดแล้วหมดเลยคร๊าบ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 10, 2011 8:43 am
ผมชอบคุยกับคนแก่มาก ผมอิจฉาคนแก่มาก ผมไม่เคยอิจฉาเด็กๆ เลย พวกเขายังมีโอกาสของความเป็นไปได้รอพวกเขาข้างหน้า คนแก่มีแต่ความจริงเก็บไว้แล้วในชีวิตเป็นที่เรียบร้อย เวลาเห็นคนแก่ท่านใดแข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใส ผมจะเข้าไปคุยกับเขาทุกครั้ง พวกเขาผ่านสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่ผมยังไปไม่ถึง ผมยังไม่เคยไปยืนตรงจุดที่ผมอายุ 50 แบบพี่พอใจ แล้วพี่เขายังแข็งแรงมาก ยังวิ่งมาราธอนอยู่เลย
นั่นอาแปะวิ่งมาแล้วครับ นั่นคนนั้นไงครับ ผมไม่เคยไปถึงอายุ 67 แบบอาแปะที่เดินไปในหมู่บ้านทุกเช้า แล้วยังแบกกระสอบทราบไปวางหน้าบ้านได้ ผมอิจฉาในสุขภาพที่เขามี แล้วถามตัวเองว่า ถ้าผมอายุเท่านั้น ผมจะทำได้แบบเขาไหม
อาแป๊ะท่านนี้เปิดร้านขายโชวห่วยครับ ผมรีบวิ่งตามไปประกบแก "สวัสดีครับ แปะ" คำแรกแปะพูดกับผม
"เกิดมาไม่เคยเห็นฝนเยอะขนาดนี้"
แกไปซื้อของ MAKRO ปลากระป๋องสินค้าขายดีของร้านแก ที่นั่นของขาดตลาดครับ ผมไปเดิน MAKRO เมื่อคืน มีหลายท่านขนของไปบริจาคน้ำท่วม การซื้อของเขาเป็นการ "กวาด" สินค้าลงตะกร้า ข้างหน้า MAKRO แกเอารถบรรทุกมาขน อาการคาดการไปล่วงหน้าของผมบอกว่าบริษัทกำไรเติบโตเป็นที่น่าสังเกตไม่น้อย
ขากลับ ผมเดินไปคุยกับอาแปะขายข้าวสารแปดสิบสองแล้ว แกเอากระสอบทรายมากั้นไว้หน้าบ้านเช่นกันครับ ท่านไว้เครายาว หนวดยาว กลายเป็นสีขาว เหมือนปรมารจารย์บู้ตึ้ง แปะท่านนี้ชอบพูดคำคมภาษาจีน วันนี้ผมถามว่า น้ำท่วมอย่างนี้ "สุภาษิตจีนมีกล่าวไว้เช่นไรบ้างครับ"
"เจอภัยธรรมชาติ อย่าไปกลัวมัน ศีกษามันให้เยอะๆ เดี่ยวไม่กลัวมันเอง"
ผมอยากถามว่า แล้วมันจะกลัวเราไหม ไม่กล้าถาม กลัวแกด่าเอาครับ
ผมแปลแบบผมว่า เจอความเสี่ยง วิธีเอาชนะความเสี่ยงคือการทำความเข้าใจกับมัน วิ่งเข้าหามัน อย่าไปหนีมัน แต่ทิ้งระยะห่างไว้เผื่อความปลอดภัย แล้วคอยหามุมหาเหลี่ยมในการเอาชนะมันให้ได้
ผมเดินรอบหมู่บ้านเช้านี้ เกือบทุกบ้านเอากระสอบทรายมาวาง ถ้าฝนมันตกจริงๆ ให้บ้านที่เขาไม่ได้วางกระสอบ น้ำมันจะเข้าบ้านเขาหมด ก็เพราะบ้านอื่นกั้นน้ำไม่ให้เข้าบ้าน แล้วน้ำมันจะไปไหน ก็ไปบ้านที่ไม่ได้กั้นกระสอบ คนที่กั้นกระสอบทำให้การคาดการณ์เป็นความจริงขึ้นมาเพราะการตัดสินใจของพวกเขา ไม่ใช่เพราะน้ำ สิ่งที่ขึ้นลงเร็วกว่าน้ำคือ "อคติ" ของพวกเขา อคติของพวกเขาทำให้น้ำท่วมจริงๆ
เหมือนกับที่หลายจังหวัดสร้างเขื่อนเบี่ยงแบนทางน้ำไปจังหวัดอื่น โดยคาดการณ์ไปล่วงหน้าถึงปริมาณน้ำที่มามากกว่าปกติในปีนี้ ต่างคนต่างเตรียมการไว้ น้ำมันท่วมกว่าทุกปี เหตุผลหลักคือ อคติที่พวกเขามีต่อการคาดการณ์ไปล่วงหน้าเรื่องน้ำฝน
พวกเขาทำให้ความเชื่อกลายเป็นความจริง
นี่ตรงกับคำพูดโซรอส "อนาคตทำนายไม่ได้ ขึ้นกับว่าผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์จะทำอย่างไร"
ผมไม่ได้กั้นกระสอบกับเขาด้วยครับ เสาร์อาทิตย์ผมไปเอาทรายที่ชลบุรีมาแพคใส่กระสอบขาย ผมจำตอนที่โซรอสโจมตีค่าเงินบาทได้ เขาไม่ได้โจมตีโดยตรง แต่เขาให้กองทุนต่างๆ ยืมหุ้นของเขามา short ก่อน ถ้าแบงค์ชาติไม่ลดค่าเงิน โซรอสก็ไม่เจ็บตัว เพราะเป็นตัวกลางในการให้ยืมเงินบาทเท่านั้นครับ
ผมยกตัวอย่างให้เห็นชัด เข้ากับช่วงน้ำท่วมอย่างนี้
เม้งเป็นชาวไร่กล่วยบ้านน้ำท่วมใกล้ถึงหมอน ชั้นสองที่เขานอน ข่าวลือสะพัดว่าจรเข้หลุด เม้งโทรไปหาหน่วยกู้ภัยสามวันก็แล้ว ไมมีใครมาช่วย เม้งโทรไปใหม่บอกว่า โรงานอิฐใกล้เคียงถล่มแล้ว เม้งโทรไปหาสมชายที่เป็นนักลงทุน สมชายคาดการณ์ว่ากู้ภัยต้องเข้าไปแน่ๆ สมชายโทรไปหากู้ภัย เขาทราบดีกว่า ข่าวลือในช่วงความผันผวนในจิตใจคนทำงานอย่างไร มันกระพือกันเป็นระลอกเหมือนคลื่นทะเล บวกกับ เพราะโรงงานอิฐมันเป้นของผู้มีอิทธิพลในย่านนั้น "รีบมาช่วยคนงานด่วน ถล่มแน่ๆ มีอะไรคุณรับผิดชอบไหวหรือ กู้ภัยรีบเข้ามาทันทีครับ สมชายให้เช่าเรือ กู้ภัยมาขอเช่าเรือเพื่อไปช่วยคนงานโรงงานอิฐ
ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น สมชายได้เงินไปแล้วครับ
เคสนี้ทำให้ผมนึกถึงบัฟเฟต เวลาหุ้นตกเขาเข้าไปช้อน ไปดูดีๆ ครับ เขาซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์นะครับ สัญญาว่าต้องตอบแทนอย่างน้อยหกเปร์เซ็นต์ต่อปี ราคาหุ้นไปเทียบดูครับ ตอนนี้ราคาต่ำกว่าที่แกเข้าช้อนไว้ทั้งนั้น แต่แกไม่ขาดทุนเพราะสัญญามันค้ำไว้แล้ว
เซียนทั้งสองท่าน ทำอะไรไม่มีทางทำให้ตัวเองถึงทางตัน ไม่ว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรอย่างไร เขาคิดทางเอาตัวรอดไว้แล้ว
น้ำท่วมปีนี้ ผมไม่ได้กั้นทรายเหมือนบ้านอื่น ผมซื้อประกันน้ำท่วมไว้ตั้งแต่ต้นปีครับ
ความน่าจะเป็นเรื่องน้ำท่วมไม่สำคัญมาก สำคัญมากกว่าตรงที่ว่า ถ้ามันท่วมขนาดขึ้นไปชั้นสองแล้ว ผมจะทำอย่างไรบ้าง ผมเตรียมรับมือกับมันอย่างไร เรื่องของกินผมไม่ได้เตรียม ปกติเหมือนเดิมครับ ผมเตรียมอย่างเดียว ลดความเป็นอยู๋ของตัวเอง ยอมรับความยากลำบากที่จะเกิดขึ้น ทำใจเยอะๆ ทำความเข้าใจความน่าจะเป็นในจิตใจของผมให้มากที่สุดว่าทนความทุกข์ได้มากขนาดไหน จุดไหนผมถึงสติแตกได้
หลายบ้าน กั้นอย่างเดียว ไมไ่ด้เผื่อว่า ถ้ากั้นไม่อยู่ ไม่ได้เตรียมรับมือไปมากกว่านี้ หลายบ้านไม่ได้ทำประกัน
ความกลัวที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่ความกลัวน้ำ แต่เป็นความกลัวที่จะผิดพลาด และ ยอมรับว่าตัวเองทำผิด และหาทางแกไข
ผมไม่เห็นมากนัก ที่ยอมรับและเอาชนะ "ความกลัวที่ทำผิด" แบบนี้ได้ นอกจากในหมู่นักลงทุนด้วยกันครับ
"กระสอบทราบครับ น้ำจะท่วมแล้วครับ หมดแล้วหมดเลยคร๊าบ"
สวัดดีครับ
นั่นอาแปะวิ่งมาแล้วครับ นั่นคนนั้นไงครับ ผมไม่เคยไปถึงอายุ 67 แบบอาแปะที่เดินไปในหมู่บ้านทุกเช้า แล้วยังแบกกระสอบทราบไปวางหน้าบ้านได้ ผมอิจฉาในสุขภาพที่เขามี แล้วถามตัวเองว่า ถ้าผมอายุเท่านั้น ผมจะทำได้แบบเขาไหม
อาแป๊ะท่านนี้เปิดร้านขายโชวห่วยครับ ผมรีบวิ่งตามไปประกบแก "สวัสดีครับ แปะ" คำแรกแปะพูดกับผม
"เกิดมาไม่เคยเห็นฝนเยอะขนาดนี้"
แกไปซื้อของ MAKRO ปลากระป๋องสินค้าขายดีของร้านแก ที่นั่นของขาดตลาดครับ ผมไปเดิน MAKRO เมื่อคืน มีหลายท่านขนของไปบริจาคน้ำท่วม การซื้อของเขาเป็นการ "กวาด" สินค้าลงตะกร้า ข้างหน้า MAKRO แกเอารถบรรทุกมาขน อาการคาดการไปล่วงหน้าของผมบอกว่าบริษัทกำไรเติบโตเป็นที่น่าสังเกตไม่น้อย
ขากลับ ผมเดินไปคุยกับอาแปะขายข้าวสารแปดสิบสองแล้ว แกเอากระสอบทรายมากั้นไว้หน้าบ้านเช่นกันครับ ท่านไว้เครายาว หนวดยาว กลายเป็นสีขาว เหมือนปรมารจารย์บู้ตึ้ง แปะท่านนี้ชอบพูดคำคมภาษาจีน วันนี้ผมถามว่า น้ำท่วมอย่างนี้ "สุภาษิตจีนมีกล่าวไว้เช่นไรบ้างครับ"
"เจอภัยธรรมชาติ อย่าไปกลัวมัน ศีกษามันให้เยอะๆ เดี่ยวไม่กลัวมันเอง"
ผมอยากถามว่า แล้วมันจะกลัวเราไหม ไม่กล้าถาม กลัวแกด่าเอาครับ
ผมแปลแบบผมว่า เจอความเสี่ยง วิธีเอาชนะความเสี่ยงคือการทำความเข้าใจกับมัน วิ่งเข้าหามัน อย่าไปหนีมัน แต่ทิ้งระยะห่างไว้เผื่อความปลอดภัย แล้วคอยหามุมหาเหลี่ยมในการเอาชนะมันให้ได้
ผมเดินรอบหมู่บ้านเช้านี้ เกือบทุกบ้านเอากระสอบทรายมาวาง ถ้าฝนมันตกจริงๆ ให้บ้านที่เขาไม่ได้วางกระสอบ น้ำมันจะเข้าบ้านเขาหมด ก็เพราะบ้านอื่นกั้นน้ำไม่ให้เข้าบ้าน แล้วน้ำมันจะไปไหน ก็ไปบ้านที่ไม่ได้กั้นกระสอบ คนที่กั้นกระสอบทำให้การคาดการณ์เป็นความจริงขึ้นมาเพราะการตัดสินใจของพวกเขา ไม่ใช่เพราะน้ำ สิ่งที่ขึ้นลงเร็วกว่าน้ำคือ "อคติ" ของพวกเขา อคติของพวกเขาทำให้น้ำท่วมจริงๆ
เหมือนกับที่หลายจังหวัดสร้างเขื่อนเบี่ยงแบนทางน้ำไปจังหวัดอื่น โดยคาดการณ์ไปล่วงหน้าถึงปริมาณน้ำที่มามากกว่าปกติในปีนี้ ต่างคนต่างเตรียมการไว้ น้ำมันท่วมกว่าทุกปี เหตุผลหลักคือ อคติที่พวกเขามีต่อการคาดการณ์ไปล่วงหน้าเรื่องน้ำฝน
พวกเขาทำให้ความเชื่อกลายเป็นความจริง
นี่ตรงกับคำพูดโซรอส "อนาคตทำนายไม่ได้ ขึ้นกับว่าผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์จะทำอย่างไร"
ผมไม่ได้กั้นกระสอบกับเขาด้วยครับ เสาร์อาทิตย์ผมไปเอาทรายที่ชลบุรีมาแพคใส่กระสอบขาย ผมจำตอนที่โซรอสโจมตีค่าเงินบาทได้ เขาไม่ได้โจมตีโดยตรง แต่เขาให้กองทุนต่างๆ ยืมหุ้นของเขามา short ก่อน ถ้าแบงค์ชาติไม่ลดค่าเงิน โซรอสก็ไม่เจ็บตัว เพราะเป็นตัวกลางในการให้ยืมเงินบาทเท่านั้นครับ
ผมยกตัวอย่างให้เห็นชัด เข้ากับช่วงน้ำท่วมอย่างนี้
เม้งเป็นชาวไร่กล่วยบ้านน้ำท่วมใกล้ถึงหมอน ชั้นสองที่เขานอน ข่าวลือสะพัดว่าจรเข้หลุด เม้งโทรไปหาหน่วยกู้ภัยสามวันก็แล้ว ไมมีใครมาช่วย เม้งโทรไปใหม่บอกว่า โรงานอิฐใกล้เคียงถล่มแล้ว เม้งโทรไปหาสมชายที่เป็นนักลงทุน สมชายคาดการณ์ว่ากู้ภัยต้องเข้าไปแน่ๆ สมชายโทรไปหากู้ภัย เขาทราบดีกว่า ข่าวลือในช่วงความผันผวนในจิตใจคนทำงานอย่างไร มันกระพือกันเป็นระลอกเหมือนคลื่นทะเล บวกกับ เพราะโรงงานอิฐมันเป้นของผู้มีอิทธิพลในย่านนั้น "รีบมาช่วยคนงานด่วน ถล่มแน่ๆ มีอะไรคุณรับผิดชอบไหวหรือ กู้ภัยรีบเข้ามาทันทีครับ สมชายให้เช่าเรือ กู้ภัยมาขอเช่าเรือเพื่อไปช่วยคนงานโรงงานอิฐ
ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น สมชายได้เงินไปแล้วครับ
เคสนี้ทำให้ผมนึกถึงบัฟเฟต เวลาหุ้นตกเขาเข้าไปช้อน ไปดูดีๆ ครับ เขาซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์นะครับ สัญญาว่าต้องตอบแทนอย่างน้อยหกเปร์เซ็นต์ต่อปี ราคาหุ้นไปเทียบดูครับ ตอนนี้ราคาต่ำกว่าที่แกเข้าช้อนไว้ทั้งนั้น แต่แกไม่ขาดทุนเพราะสัญญามันค้ำไว้แล้ว
เซียนทั้งสองท่าน ทำอะไรไม่มีทางทำให้ตัวเองถึงทางตัน ไม่ว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรอย่างไร เขาคิดทางเอาตัวรอดไว้แล้ว
น้ำท่วมปีนี้ ผมไม่ได้กั้นทรายเหมือนบ้านอื่น ผมซื้อประกันน้ำท่วมไว้ตั้งแต่ต้นปีครับ
ความน่าจะเป็นเรื่องน้ำท่วมไม่สำคัญมาก สำคัญมากกว่าตรงที่ว่า ถ้ามันท่วมขนาดขึ้นไปชั้นสองแล้ว ผมจะทำอย่างไรบ้าง ผมเตรียมรับมือกับมันอย่างไร เรื่องของกินผมไม่ได้เตรียม ปกติเหมือนเดิมครับ ผมเตรียมอย่างเดียว ลดความเป็นอยู๋ของตัวเอง ยอมรับความยากลำบากที่จะเกิดขึ้น ทำใจเยอะๆ ทำความเข้าใจความน่าจะเป็นในจิตใจของผมให้มากที่สุดว่าทนความทุกข์ได้มากขนาดไหน จุดไหนผมถึงสติแตกได้
หลายบ้าน กั้นอย่างเดียว ไมไ่ด้เผื่อว่า ถ้ากั้นไม่อยู่ ไม่ได้เตรียมรับมือไปมากกว่านี้ หลายบ้านไม่ได้ทำประกัน
ความกลัวที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่ความกลัวน้ำ แต่เป็นความกลัวที่จะผิดพลาด และ ยอมรับว่าตัวเองทำผิด และหาทางแกไข
ผมไม่เห็นมากนัก ที่ยอมรับและเอาชนะ "ความกลัวที่ทำผิด" แบบนี้ได้ นอกจากในหมู่นักลงทุนด้วยกันครับ
"กระสอบทราบครับ น้ำจะท่วมแล้วครับ หมดแล้วหมดเลยคร๊าบ"
สวัดดีครับ