ตลท.เล็งงัดมาตรการอุ้มหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 8:01 pm
ตลท.เล็งงัดมาตรการอุ้มหุ้น
ผู้จัดการ ตลท. รับ หากตลาดหุ้นไทยลงมาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีมาก อาจออกมาตรการหนุนตลาด รับกังวล SET Index ร่วงแรง หลังมาร์เก็ตแคปวูบเหลือแค่ 7 ล้านล้านบาท จาก 9 ล้านล้านบาท อีกทั้งมองปัญหาหนี้ยุโรปยังเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้เวลาแก้ไข แนะนลท. ติดตามข่าวสารใกล้ชิด ส่วน "กิตติรัตน์" เชื่อตลาดฯร่วงแค่ระยะสั้น เหตุ นลท.ตื่นตระหนกศก.โลกทรุด ขณะที่เมื่อวานนี้ หุ้นไทยร่วงอีก 13.86 จุด ใกล้หลุดแนวรับ 850 จุด โบรกฯ ให้แนวรับใหม่ 830 จุด
ตลาดหุ้นไทยยังร่วงไม่เลิก หลังนักลงทุนยังกังวลปัญหาหนี้ยุโรป โดยเฉพาะปัญหาการชำระหนี้ของกรีซ ว่าจะสามารถแก้ไขและชำระหนี้ได้ตามกำหนดหรือไม่ และแม้ว่าจะชำระหนี้ได้ตามกำหนด แต่ก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะมีแนวทางแก้ไขให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่
* จรัมพร เล็งงัดมาตรการหนุนตลาดหุ้น
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง เป็นไปตามตลาดภูมิภาคตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายในเรื่องวิกฤตยุโรป ซึ่งยอมรับว่าเป็นวิกฤตขนาดใหญ่และต้องต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หากดัชนีฯ ปรับลดลงเรื่อยๆ และถึงจุดที่ราคาหุ้นต่ำกว่า book value มากๆ จนอาจผิดปกติ ก็อาจจะมีการพิจารณาหาแนวทางดำเนินการอะไรบ้าง แต่ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการอะไรแต่อย่างใด
โดยข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2554 ปรากฏว่า P/BV ratios ของ SET อยู่ที่ 1.7 เท่า, SET50 อยู่ที่ 1.84 เท่า, SET100 อยู่ที่ 1.79 เท่า, SETHD อยู่ที่ 1.56 เท่า และ mai อยู่ที่ 2.22 เท่า
"ยอมรับว่าค่อนข้างกังวล เมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลงจนส่งผลกระทบให้มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นไทยซึ่งเคยอยู่ระดับ 9 ล้านล้านบาท เหลือ 7 ล้านล้านบาท เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความมั่งคั่ง และความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชน จะลดลงตามภาวะของเศรษฐกิจโลกด้วย" นายจรัมพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะยังปรับตัวตามตลาดภูมิภาค ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายในเรื่องวิกฤตยุโรป ซึ่งยอมรับว่าเป็นวิกฤตขนาดใหญ่และต้องต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นไทย ได้ส่งผลให้บรรดาผู้เกี่ยวข้อง ได้จัดประชุมด่วน นำโดยผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ได้หารือกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เพื่อประเมินสถานการณ์ภาวะตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด และในวันนี้ (5 ต.ค.) จะเชิญผู้บริหาร ตลท. มาร่วมหารือด้วย
* กิตติรัตน์ สั่งแตะเบรกแผนแปรรูป ตลท. อย่างไม่มีกำหนด
นายจรัมพร กล่าวต่อว่า ได้รับแจ้งจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้ชะลอแผนการแปรรูปตลาดทุนไทยอย่างไม่มีกำหนด โดยมีเหตุผลว่าตลาดทุนไทยยังสามารถแข่งขันได้แม้ไม่มีการแปรรูปดังกล่าว ทั้งนี้จะส่งผลทำให้แผนการเปิดเสรีตลาดทุนไทยชะลอออกไปเช่นกัน ดังนั้นจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสภาตลาดทุน ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อหารือในเชิงนโยบาย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการดำเนินงานของตลาดยังคงดำเนินงานตามปกติตามแผนการเดิม เนื่องจากได้มีการลงทุนในหลายส่วนแล้ว ทั้งด้านไอที การขยายฐานนักลงทุน และแผนลงทุนในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งระดับอาเซียน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนยกระดับตลาดทุนไทยที่ได้วางแผนไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ยอมรับว่าอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติที่จะมองถึงความไม่ชัดเจนในการดำเนินงานของนโยบายของไทย แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นมุมมองที่ผิด เนื่องจากมั่นใจว่าตลาดทุนไทยมีศักยภาพในการเติบโตได้ดี อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ดีจากความสามารถ ส่วนนักลงทุนในไทยทั่วไปเชื่อว่ามีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นผลกระทบโดยตรงต่อตัวนักลงทุน
นอกจากนี้ ยังประเมินว่าการชะลอแผนแปรรูปดังกล่าวอาจส่งผลทำให้ตลาดทุนมีความตื่นตัวในอัตราที่ช้าลง จากเดิมที่เมื่อมีแผนการจะทำให้ตลาดมีความตื่นตัวเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต
'ตอนนี้แผนแปรรูปชะลอแล้ว ท่านรองนายกฯ ได้แจ้งผ่านวาจาและสื่อ โดยท่านยืนยันว่าสามารถแข่งขันได้โดยไม่ต้องแปรรูป ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีกำหนดว่าจะชะลอไปถึงเมื่อไหร่ แต่งานต่างๆ ก็ยังทำอยู่ตามปกติเพราะเรามีการลงทุนไปแล้วหลายๆ ด้าน ซึ่งเป็นไปตามแผนยกระดับตลาดทุนไทยด้วย จากนี้จะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสภาตลาดทุนในการประชุมรอบหน้า เพื่อคุยกันในเชิงนโยบาย' นายจรัมพร กล่าว
* กิตติรัตน์ แย้มอยากเลิกแผนแปรรูปฯ เหตุตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ส่วนตัวเห็นว่าอยากให้ยกเลิกแผนการแปรรูปของตลาดหลักทรัพย์ไทย เพราะการแปรรูปอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่จะมองเห็นความไม่ชัดเจนในการดำเนินนโยบาย ซึ่งตลาดฯยังมีความสามารถในการเติบโตได้ดีและสามารถบริหารจัดการและแข่งขันกับตลาดหุ้นอื่นๆ ได้
'การที่ตลาดหุ้นอื่นได้แปรรูป เพราะว่ามีทุนน้อย แต่ตลาดหุ้นไทยมีความแข็งแกร่งมากเพียงพอต่อการแข่งขัน ซึ่งยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแปรรูป โดยส่วนตัวก็อยากให้ยกเลิกแผนดังกล่าวเลย' นายกิตติรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลท. มีแผนแปรรูปและนำ ตลท. เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในปี 2556 โดยปัจจุบันกฎหมายการแปรรูป ตลท.อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
* เชื่อตลาดหุ้นไทยร่วงแค่ระยะสั้น เหตุ นลท.ตื่นตระหนกศก.โลกทรุด
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยขณะนี้เชื่อว่าจะเกิดในช่วงสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจาก นักลงทุนมีความกังวลกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรป จึงทำให้ตื่นตระหนกขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงและมีความผันผวน
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยถือเป็นไปตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยแรงขายส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนภายในประเทศมากกว่า เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีประชาชนเข้ามาซื้อ
กองทุน LTF และ RMF อยู่ ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงและกองทุนยังคงมีสัญญาณการซื้อสุทธิอยู่
พร้อมกันนี้ จะประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อดูแลและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ มั่นใจว่านายจรัมพร โชติกเสถียร ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะสามารถดูแลตลาดหลักทรัพย์ไทยได้
"ตลาดหุ้นไทยได้ผ่านร้อน ผ่านหนาวมานาน ซึ่งถือว่ามีวุฒิภาวะที่ดี โดยการเคลื่อนไหวก็ยังแกว่งตัวไปตามตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ โดยตลาดหุ้นในประเทศอื่นที่มีอายุมากกว่า และมีวุฒิที่สูงกว่าตลาดหุ้นไทยก็ได้ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน ส่วนตัวผมและ รมว.คลังก็จะดูแลอย่างใกล้ชิดและมีความเชื่อมั่นคุณจรัมพรว่าจะสามารถดูแลตลาดหุ้นไทยได้' นายกิตติรัตน์ กล่าว
* ชี้นโยบายรัฐเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ มั่นใจรองรับความผันผวน ศก.โลกได้
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า นโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มกำลังซื้อในประเทศให้สูงขึ้นจะเป็นภูมิคุ้มกันและรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังคงมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สะท้อนได้จากเงินทุนสำรองของไทยยังอยู่ในระดับสูง และคาดว่าการส่งออกในปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้
ขณะเดียวกันการจัดทำกรอบงบประมาณของรัฐยังคงตั้งงบประมาณประจำปี 55 โดยขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นกรอบเดิมที่ได้วางไว้ โดยไม่ได้มีการกู้เงินเพิ่มเติม ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพ สามารถดูและและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี
'ในระยะปานกลาง รัฐบาลได้ดำเนินการจัดสมดุลการบริโภคภายในประเทศ โดยในเบื้องต้นได้เพิ่มกำลังซื้อให้สูงขึ้น ทำให้เป็นภูมิคุ้มกันรองรับกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนได้ เพราะหากเศรษฐกิจภายนอกประเทศชะลอตัว และเศรษฐกิจภายในประเทศก็ยังจะชะลอตัวไปด้วยก็จะเป็นอันตราย 2 ต่อ แต่ในเบื้องต้นทุนสำรองในประเทศยังคงมีอยู่มากทำให้เชื่อว่ายังสามารถดูแลเศรษฐกิจไทยได้' นายกิตติรัตน์ กล่าว
* มั่นใจ 'วรพล โสคติยานุรักษ์' เลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ ดูแลตลาดทุนได้
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า ตามที่มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งให้นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการก.ล.ต.คนใหม่แทนนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาลที่ลาออกไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยจะมีผลในทันทีหลังจากที่ครม.อนุมัติแล้ว นั้น มีความมั่นใจว่า นายวรพล จะสามารถดูแลตลาดทุนไทยได้ เพราะมีประสบการณ์สูงเกี่ยวกับงานในด้านตลาดทุนและอยู่ในวงการตลาดทุนมาโดยตลอด และเชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกับผู้บริหารในตลาดทุนไทยได้เป็นอย่างดี
'มีความมั่นใจว่าเลขาก.ล.ต.คนใหม่จะดูแลตลาดทุนไทยได้เป็นอย่างดีและจะประสานงานกับผู้บริหารหน่วยงานในตลาดทุนได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งประสบการณ์ในการทำงานก็พอๆ กับผม แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอยู่ในหน่วยงานต่างๆ แต่ก็เป็นนักวิชาการที่อยู่ในวงการของตลาดทุนมานาน' นายกิตติรัตน์ กล่าว
* หุ้นไทยหลุดแนวรับสำคัญ 850 จุด ก่อนเด้งกลับ โบรกฯ ให้แนวรับลึก 830 จุด
สำหรับความเคลื่อนไหวของดัชนีฯ ประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ได้ปิดที่ระดับ 855.45 จุด ลดลง 13.86 จุด หรือ 1.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34,377.74 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีฯ ได้หลุดแนวรับสำคัญ 850 จุด ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดเหนือแนวรับดังกล่าว
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ปรับลดลง ยังคงเป็นผลจากความหวั่นวิตกและความไม่แน่ใจในการลงทุนของนักลงทุนต่อปัญหาในยุโรป โดยเฉพาะวิกฤตหนี้ของกรีซ ซึ่งล่าสุดทางการยุโรปได้เลื่อนการลงมติให้เงินช่วยเหลือแก่กรีซ โดยให้มีการทบทวนมาตรการรัดเข็มขัดให้เพิ่มมากขึ้น จึงยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้กดดันนักลงทุนอีกครั้งหนึ่ง
โดยระหว่างวันดัชนีฯ ปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 850 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำใกล้เคียงกับการปิดตลาดเมื่อประมาณเดือน ก.ค.2553 อีกทั้งเริ่มแสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไปแล้ว
สำหรับในวันนี้ (5 ต.ค.) คาดว่าดัชนีฯ จะยังคงมีความผันผวนและเคลื่อนไหวในแดนลบเช่นเดิม แม้จะมีการดีดกลับในบางช่วง แต่ยังคงมีมุมมองต่อทิศทางขาลงเป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องติดตามปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเงินและวิกฤตหนี้ในยุโรป รวมถึงการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นในประเทศต่างๆ รวมทั้งเอเชีย
ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดเป็นหลัก ขณะที่ต้องการเก็งกำไรให้มองแนวรับที่ 850 จุด เป็นจังหวะในการซื้อเพื่อเก็งกำไรได้ แต่ควรมีสัดส่วนการลงทุนเพียง 25% ของพอร์ต ในลักษณะการเลือกซื้อหุ้นรายตัวเท่านั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับอยู่ที่ 850-830 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 865-870 จุด
* ประธาน ตลท. มองหุ้นไทยร่วงจากปัญหายุโรป ส่วนปัญหาในประเทศยังเยียวยาได้
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า กรณีที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง ทางนักวิเคราะห์มองว่าเกิดจากปัญหาเรื่องยุโรป ส่วนภาวะในประเทศมองว่าไม่มีปัญหา จากที่จีดีพีลดลงมาก็เกิดจากภาวะน้ำท่วม ก็ยังอยู่ในวิสัยทัศน์ที่เยียวยาได้ ส่วนตลาดหุ้นที่ปรับลดลงไปมากก็ยังไม่มีมาตรการมารองรับ จึงแนะนำให้นักลงทุนให้ระมัดระวังและควรเลือกหุ้นในบริษัทที่มั่นคงและพื้นฐานดี มีปันผล
ผู้จัดการ ตลท. รับ หากตลาดหุ้นไทยลงมาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีมาก อาจออกมาตรการหนุนตลาด รับกังวล SET Index ร่วงแรง หลังมาร์เก็ตแคปวูบเหลือแค่ 7 ล้านล้านบาท จาก 9 ล้านล้านบาท อีกทั้งมองปัญหาหนี้ยุโรปยังเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้เวลาแก้ไข แนะนลท. ติดตามข่าวสารใกล้ชิด ส่วน "กิตติรัตน์" เชื่อตลาดฯร่วงแค่ระยะสั้น เหตุ นลท.ตื่นตระหนกศก.โลกทรุด ขณะที่เมื่อวานนี้ หุ้นไทยร่วงอีก 13.86 จุด ใกล้หลุดแนวรับ 850 จุด โบรกฯ ให้แนวรับใหม่ 830 จุด
ตลาดหุ้นไทยยังร่วงไม่เลิก หลังนักลงทุนยังกังวลปัญหาหนี้ยุโรป โดยเฉพาะปัญหาการชำระหนี้ของกรีซ ว่าจะสามารถแก้ไขและชำระหนี้ได้ตามกำหนดหรือไม่ และแม้ว่าจะชำระหนี้ได้ตามกำหนด แต่ก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะมีแนวทางแก้ไขให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่
* จรัมพร เล็งงัดมาตรการหนุนตลาดหุ้น
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง เป็นไปตามตลาดภูมิภาคตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายในเรื่องวิกฤตยุโรป ซึ่งยอมรับว่าเป็นวิกฤตขนาดใหญ่และต้องต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หากดัชนีฯ ปรับลดลงเรื่อยๆ และถึงจุดที่ราคาหุ้นต่ำกว่า book value มากๆ จนอาจผิดปกติ ก็อาจจะมีการพิจารณาหาแนวทางดำเนินการอะไรบ้าง แต่ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการอะไรแต่อย่างใด
โดยข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2554 ปรากฏว่า P/BV ratios ของ SET อยู่ที่ 1.7 เท่า, SET50 อยู่ที่ 1.84 เท่า, SET100 อยู่ที่ 1.79 เท่า, SETHD อยู่ที่ 1.56 เท่า และ mai อยู่ที่ 2.22 เท่า
"ยอมรับว่าค่อนข้างกังวล เมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลงจนส่งผลกระทบให้มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นไทยซึ่งเคยอยู่ระดับ 9 ล้านล้านบาท เหลือ 7 ล้านล้านบาท เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความมั่งคั่ง และความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชน จะลดลงตามภาวะของเศรษฐกิจโลกด้วย" นายจรัมพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะยังปรับตัวตามตลาดภูมิภาค ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายในเรื่องวิกฤตยุโรป ซึ่งยอมรับว่าเป็นวิกฤตขนาดใหญ่และต้องต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นไทย ได้ส่งผลให้บรรดาผู้เกี่ยวข้อง ได้จัดประชุมด่วน นำโดยผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ได้หารือกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เพื่อประเมินสถานการณ์ภาวะตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด และในวันนี้ (5 ต.ค.) จะเชิญผู้บริหาร ตลท. มาร่วมหารือด้วย
* กิตติรัตน์ สั่งแตะเบรกแผนแปรรูป ตลท. อย่างไม่มีกำหนด
นายจรัมพร กล่าวต่อว่า ได้รับแจ้งจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้ชะลอแผนการแปรรูปตลาดทุนไทยอย่างไม่มีกำหนด โดยมีเหตุผลว่าตลาดทุนไทยยังสามารถแข่งขันได้แม้ไม่มีการแปรรูปดังกล่าว ทั้งนี้จะส่งผลทำให้แผนการเปิดเสรีตลาดทุนไทยชะลอออกไปเช่นกัน ดังนั้นจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสภาตลาดทุน ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อหารือในเชิงนโยบาย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการดำเนินงานของตลาดยังคงดำเนินงานตามปกติตามแผนการเดิม เนื่องจากได้มีการลงทุนในหลายส่วนแล้ว ทั้งด้านไอที การขยายฐานนักลงทุน และแผนลงทุนในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งระดับอาเซียน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนยกระดับตลาดทุนไทยที่ได้วางแผนไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ยอมรับว่าอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติที่จะมองถึงความไม่ชัดเจนในการดำเนินงานของนโยบายของไทย แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นมุมมองที่ผิด เนื่องจากมั่นใจว่าตลาดทุนไทยมีศักยภาพในการเติบโตได้ดี อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ดีจากความสามารถ ส่วนนักลงทุนในไทยทั่วไปเชื่อว่ามีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นผลกระทบโดยตรงต่อตัวนักลงทุน
นอกจากนี้ ยังประเมินว่าการชะลอแผนแปรรูปดังกล่าวอาจส่งผลทำให้ตลาดทุนมีความตื่นตัวในอัตราที่ช้าลง จากเดิมที่เมื่อมีแผนการจะทำให้ตลาดมีความตื่นตัวเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต
'ตอนนี้แผนแปรรูปชะลอแล้ว ท่านรองนายกฯ ได้แจ้งผ่านวาจาและสื่อ โดยท่านยืนยันว่าสามารถแข่งขันได้โดยไม่ต้องแปรรูป ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีกำหนดว่าจะชะลอไปถึงเมื่อไหร่ แต่งานต่างๆ ก็ยังทำอยู่ตามปกติเพราะเรามีการลงทุนไปแล้วหลายๆ ด้าน ซึ่งเป็นไปตามแผนยกระดับตลาดทุนไทยด้วย จากนี้จะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสภาตลาดทุนในการประชุมรอบหน้า เพื่อคุยกันในเชิงนโยบาย' นายจรัมพร กล่าว
* กิตติรัตน์ แย้มอยากเลิกแผนแปรรูปฯ เหตุตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ส่วนตัวเห็นว่าอยากให้ยกเลิกแผนการแปรรูปของตลาดหลักทรัพย์ไทย เพราะการแปรรูปอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่จะมองเห็นความไม่ชัดเจนในการดำเนินนโยบาย ซึ่งตลาดฯยังมีความสามารถในการเติบโตได้ดีและสามารถบริหารจัดการและแข่งขันกับตลาดหุ้นอื่นๆ ได้
'การที่ตลาดหุ้นอื่นได้แปรรูป เพราะว่ามีทุนน้อย แต่ตลาดหุ้นไทยมีความแข็งแกร่งมากเพียงพอต่อการแข่งขัน ซึ่งยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแปรรูป โดยส่วนตัวก็อยากให้ยกเลิกแผนดังกล่าวเลย' นายกิตติรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลท. มีแผนแปรรูปและนำ ตลท. เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในปี 2556 โดยปัจจุบันกฎหมายการแปรรูป ตลท.อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
* เชื่อตลาดหุ้นไทยร่วงแค่ระยะสั้น เหตุ นลท.ตื่นตระหนกศก.โลกทรุด
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยขณะนี้เชื่อว่าจะเกิดในช่วงสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจาก นักลงทุนมีความกังวลกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรป จึงทำให้ตื่นตระหนกขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงและมีความผันผวน
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยถือเป็นไปตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยแรงขายส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนภายในประเทศมากกว่า เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีประชาชนเข้ามาซื้อ
กองทุน LTF และ RMF อยู่ ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงและกองทุนยังคงมีสัญญาณการซื้อสุทธิอยู่
พร้อมกันนี้ จะประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อดูแลและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ มั่นใจว่านายจรัมพร โชติกเสถียร ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะสามารถดูแลตลาดหลักทรัพย์ไทยได้
"ตลาดหุ้นไทยได้ผ่านร้อน ผ่านหนาวมานาน ซึ่งถือว่ามีวุฒิภาวะที่ดี โดยการเคลื่อนไหวก็ยังแกว่งตัวไปตามตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ โดยตลาดหุ้นในประเทศอื่นที่มีอายุมากกว่า และมีวุฒิที่สูงกว่าตลาดหุ้นไทยก็ได้ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน ส่วนตัวผมและ รมว.คลังก็จะดูแลอย่างใกล้ชิดและมีความเชื่อมั่นคุณจรัมพรว่าจะสามารถดูแลตลาดหุ้นไทยได้' นายกิตติรัตน์ กล่าว
* ชี้นโยบายรัฐเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ มั่นใจรองรับความผันผวน ศก.โลกได้
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า นโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มกำลังซื้อในประเทศให้สูงขึ้นจะเป็นภูมิคุ้มกันและรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังคงมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สะท้อนได้จากเงินทุนสำรองของไทยยังอยู่ในระดับสูง และคาดว่าการส่งออกในปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้
ขณะเดียวกันการจัดทำกรอบงบประมาณของรัฐยังคงตั้งงบประมาณประจำปี 55 โดยขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นกรอบเดิมที่ได้วางไว้ โดยไม่ได้มีการกู้เงินเพิ่มเติม ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพ สามารถดูและและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี
'ในระยะปานกลาง รัฐบาลได้ดำเนินการจัดสมดุลการบริโภคภายในประเทศ โดยในเบื้องต้นได้เพิ่มกำลังซื้อให้สูงขึ้น ทำให้เป็นภูมิคุ้มกันรองรับกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนได้ เพราะหากเศรษฐกิจภายนอกประเทศชะลอตัว และเศรษฐกิจภายในประเทศก็ยังจะชะลอตัวไปด้วยก็จะเป็นอันตราย 2 ต่อ แต่ในเบื้องต้นทุนสำรองในประเทศยังคงมีอยู่มากทำให้เชื่อว่ายังสามารถดูแลเศรษฐกิจไทยได้' นายกิตติรัตน์ กล่าว
* มั่นใจ 'วรพล โสคติยานุรักษ์' เลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ ดูแลตลาดทุนได้
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า ตามที่มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งให้นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการก.ล.ต.คนใหม่แทนนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาลที่ลาออกไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยจะมีผลในทันทีหลังจากที่ครม.อนุมัติแล้ว นั้น มีความมั่นใจว่า นายวรพล จะสามารถดูแลตลาดทุนไทยได้ เพราะมีประสบการณ์สูงเกี่ยวกับงานในด้านตลาดทุนและอยู่ในวงการตลาดทุนมาโดยตลอด และเชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกับผู้บริหารในตลาดทุนไทยได้เป็นอย่างดี
'มีความมั่นใจว่าเลขาก.ล.ต.คนใหม่จะดูแลตลาดทุนไทยได้เป็นอย่างดีและจะประสานงานกับผู้บริหารหน่วยงานในตลาดทุนได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งประสบการณ์ในการทำงานก็พอๆ กับผม แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอยู่ในหน่วยงานต่างๆ แต่ก็เป็นนักวิชาการที่อยู่ในวงการของตลาดทุนมานาน' นายกิตติรัตน์ กล่าว
* หุ้นไทยหลุดแนวรับสำคัญ 850 จุด ก่อนเด้งกลับ โบรกฯ ให้แนวรับลึก 830 จุด
สำหรับความเคลื่อนไหวของดัชนีฯ ประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ได้ปิดที่ระดับ 855.45 จุด ลดลง 13.86 จุด หรือ 1.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34,377.74 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีฯ ได้หลุดแนวรับสำคัญ 850 จุด ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดเหนือแนวรับดังกล่าว
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ปรับลดลง ยังคงเป็นผลจากความหวั่นวิตกและความไม่แน่ใจในการลงทุนของนักลงทุนต่อปัญหาในยุโรป โดยเฉพาะวิกฤตหนี้ของกรีซ ซึ่งล่าสุดทางการยุโรปได้เลื่อนการลงมติให้เงินช่วยเหลือแก่กรีซ โดยให้มีการทบทวนมาตรการรัดเข็มขัดให้เพิ่มมากขึ้น จึงยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้กดดันนักลงทุนอีกครั้งหนึ่ง
โดยระหว่างวันดัชนีฯ ปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 850 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำใกล้เคียงกับการปิดตลาดเมื่อประมาณเดือน ก.ค.2553 อีกทั้งเริ่มแสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไปแล้ว
สำหรับในวันนี้ (5 ต.ค.) คาดว่าดัชนีฯ จะยังคงมีความผันผวนและเคลื่อนไหวในแดนลบเช่นเดิม แม้จะมีการดีดกลับในบางช่วง แต่ยังคงมีมุมมองต่อทิศทางขาลงเป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องติดตามปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเงินและวิกฤตหนี้ในยุโรป รวมถึงการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นในประเทศต่างๆ รวมทั้งเอเชีย
ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดเป็นหลัก ขณะที่ต้องการเก็งกำไรให้มองแนวรับที่ 850 จุด เป็นจังหวะในการซื้อเพื่อเก็งกำไรได้ แต่ควรมีสัดส่วนการลงทุนเพียง 25% ของพอร์ต ในลักษณะการเลือกซื้อหุ้นรายตัวเท่านั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับอยู่ที่ 850-830 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 865-870 จุด
* ประธาน ตลท. มองหุ้นไทยร่วงจากปัญหายุโรป ส่วนปัญหาในประเทศยังเยียวยาได้
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า กรณีที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง ทางนักวิเคราะห์มองว่าเกิดจากปัญหาเรื่องยุโรป ส่วนภาวะในประเทศมองว่าไม่มีปัญหา จากที่จีดีพีลดลงมาก็เกิดจากภาวะน้ำท่วม ก็ยังอยู่ในวิสัยทัศน์ที่เยียวยาได้ ส่วนตลาดหุ้นที่ปรับลดลงไปมากก็ยังไม่มีมาตรการมารองรับ จึงแนะนำให้นักลงทุนให้ระมัดระวังและควรเลือกหุ้นในบริษัทที่มั่นคงและพื้นฐานดี มีปันผล