หน้า 1 จากทั้งหมด 1
เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบนี้ไม
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 26, 2011 7:05 pm
โดย Jeng
คือว่า น้องแท้ๆของเขา จะซื้อหุ้น แล้วก็ถือ จนกว่าจะกำไร ไม่จำกัดเวลา 5 ปี 10 ปี 20 ปี
เช่นซื้อหุ้น abc 10 บาท วิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผลอะไรก็แล้วแต่ ว่าดี
จะ vi vs หรืออ่านข่าวหรืออะไร ผมก็ไม่ทราบนะ
แต่หลักที่พี่เขาเล่าให้ฟัง ว่าน้องเขา จะไม่ cut loss เด็ดขาด
และจะถือจนกว่าจะกำไร
ถ้าหุ้นมันลง เช่นลงไป 5 บาท
ถ้ามีเงินเพิ่มขึ้นมา และยังอยากซื้อ ที่ 5 บาท
เขาจะไม่คิดว่าเป็นการเฉลี่ยราคา
แต่เป็นการลงทุนรอบใหม่
สมมุติว่า ตัว 5 บาท มันเด้งขึ้นมา 7 บาท เขาอาจจะขาย ตัว 5 บาท ได้กำไร 2 บาท
โดยที่ตัวบน 10 บาทก็ไว้อย่างนั้นแหละ
เท่าที่จับหลักของเขาก็คือ ถ้าจะผิดก็ผิดที่เวลา แต่จะไม่ขาดทุน
นายคนนี้ คงเป็นเ้จ้าของหลักการ ไม่ขายไม่ขาดทุนมั๊งครับ
เพียงแต่ ไม่มีชื่อเสียง ตามหนังสือพิมพ์ เห็นว่าลงทุนในหุ้นมานาน มีบ้านหลังใหญ่ ประมาณนี้
ผมไม่ได้เจาะรายละเอียด เพราะไม่ได้สนใจวิธีนี้
เล่าให้ฟังเฉยๆ ใครจะเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย เชิญตามสบาย ไม่ใช่หลักการผมอยู่แล้ว
จำได้คร่าวๆว่า หุ้นบางตัวพลาด ก็พลาดเป็นปี หลายปี แต่ไม่มีขาดทุน
คือไม่มีการพลาดเรื่องขาดทุนเป็นเงิน แต่พลาดเรื่องขาดทุนเวลา
และเสียโอกาสในการไปซื้อตัวใหม่ ไปซื้อโอกาสใหม่ๆ ซึ่งหลายครั้ง
กลับกลายเป็นการซ้ำเติมให้พอร์ทตกต่ำลงไปอีก
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 26, 2011 7:24 pm
โดย onlineg
หลักการก็ดูดีนะครับ แต่ต้องเลือกหุ้นถูกตัวด้วย ถ้าเลือกผิดโดน delist ออกจากตลาดก็จบ
หรือไม่ถูก delist แต่หุ้นจำนวนมากก็ไม่เคยกลับไปที่ราคาเดิมเลย เช่น Jas เท่าที่มี record ราคาสูงสุดที่ 18.36 ไม่รู้ถือจนตายจะมีโอกาสกลับไปราคานั้นไหม
หรือแม้แต่ Blueship อย่าง BBL ก็เคยสูงสุดที่ 260 บาท ตอนปี 1996 จน 2011 แล้ว ยังไม่มีวี่แววกลับไปใกล้เคียงเลย
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2011 8:34 am
โดย aviruth
ผมว่าน้องเค้าลงทุนต่อตัวไม่มาก แล้วเค้าก็เอาเงินเดินเติมเข้าไปตลอด ลองเค้าลงตัวละ 10 ล้านดิ ไม่เชื่อว่าจะใช้หลักการนี้ได้
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2011 9:30 pm
โดย kin
งี้พอร์ตเค้าจะไม่พองขึ้นเรื่อยๆ และเต็มไปด้วยหุ้นที่ติดลบหรอเนี่ย

Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2011 9:40 pm
โดย simplelife
พูดได้กับทำได้มันคนละเรื่องกันครับ
พอถึงเวลาหุ้นขาดทุนอยู่ในพอร์ตนานๆ เห็นหุ้นตัวอื่นเริ่มวิ่งๆ ก็อาจจะอยากขายไปเข้าตัวอื่น พอขายไปก็แช่งชักหักกระดูกกับหุ้นตัวนี้ สรุปก็คือเล่นหุ้นเหมือนคนทั่วๆไป และอาจจะโดนหุ้นเล่นเหมือนคนทั่วไปเหมือนกัน
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2011 9:46 pm
โดย VI Wannabe
ทำแบบนี้การเลือกหุ้นน่าจะสำคัญที่สุดนะ
ถ้ากิจการแข็งแกร่ง มี DCA, อยู่ในอุตสาหกรรมที่้เติบโต,
ถึงแม้ timing หรือ valuation จะผิดไปบ้าง สักวันราคาก็จะมาตามผลประกอบการเอง
ดูเค้าจะมี skill ที่หลายคนไม่มีคือ patience แต่น่าจะได้ผลดีขึ้นอีกถ้าเค้ามอง business model กับ valuation บ้าง
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2011 10:29 pm
โดย tigerroad197
เค้าอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยในการคัดกรองหุ้นครับ
เท่าที่อ่านมา ยังไม่มีรายละเอียดพอที่จะตัดสินวิธีการของเค้าได้ครับว่าดีหรือไม่ดี
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2011 10:33 pm
โดย tigerroad197
ไม่ขาย ไม่ขาดทุน
ไม่ถูกต้องเหรอครับ
วอเรน บัฟเฟตต์ ก็เคยถือหุ้น วอชิงตัน โพสต์ โดยไม่ Cut loss ทั้งที่หุ้นตกไม่ใช่เหรอครับ
และกฏข้อแรกก็คือ ห้ามขาดทุน และกฎข้อที่สองคือ ห้ามลืมกฎข้อแรก
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2011 11:09 pm
โดย PrasertsakK
aviruth เขียน:ผมว่าน้องเค้าลงทุนต่อตัวไม่มาก แล้วเค้าก็เอาเงินเดินเติมเข้าไปตลอด ลองเค้าลงตัวละ 10 ล้านดิ ไม่เชื่อว่าจะใช้หลักการนี้ได้
ผมมีความเห็นต่างเล็กน้อยครับ
ผมกับคิดว่าเพราะว่าเขาน่าจะมีเงินมาก เลยใช้หลักการนี้ครับ
ในความเห็นของผม ผมคิดว่าเขาลงทุนโดยใช้หลักการแบบซื้อบ้านให้เช่าครับ คือ เป้าหมายของการลงทุนนี้ก็คือ ปั่นผลในอนาคตนั้นเอง
หลังจากดูทำเลที่ตั้งและวิเคราะห์ตัวบ้านแล้ว(เหมือนวิเคราะห์หุ้น) ก็ตัดสินใจซื้อบ้าน ซึ่งถ้าเราซื้อบ้าน เราคงไม่คิดจะรีบขายไวไว ราคาตกก็คงไม่ขาย แล้วก็พอใจกับเงินค่าใช้ที่ได้มาในแต่ละปี ถ้าปีไหนมีคนมีเสนอซื้อบ้านเราในราคาที่สูงจนพอใจก็ขายซะ ถ้าไม่พอใจก็ถือต่อไปเรื่อย ๆ ได้ ถ้าซวยเกิดไฟไหม้บ้าน อันนี้ก็คงต้องนั่งร้องไห้กันไป
แต่ผมเห็นว่าวิธีนี้ ไม่น่าจะทำให้ port พองได้มากนัก แต่ก็น่าจะเป็นวิธีคิดใช้ได้สำหรับคนมีเงินสดมาก
ผมมีคุณแม่ของเพื่อน สร้าง apartment ให้เช่า ลงทุนไป 20 กว่าล้าน ปี ๆ หนึ่งได้เงินจาก apartmentนี้แค่ ล้านกว่าบาท แถมต้องเสียเวลาไปนั่งเฝ้าไปบางครั้ง คิดแบบง่าย ๆ ก็ สิบปีขึ้นไปถึงคืนทุน ผมก็ถามว่าท่านว่า ทำไมไม่ทำอะไรอย่างอื่น ท่านก็บอกว่าดีกว่าเอาเงินไปฝากแบ็งค์ และไม่รู้จะเก็บเงินไว้ทำไม เปลี่ยนเป็นทรัพย์สินดีกว่า แล้วผมก็เลยถามเล่น ๆ ว่า แล้วทรัพย์สินของคุณแม่มีทั้งหมดเท่าไร คุณแม่ตอบว่า "ไม่รู้" พอท่านตอบแบบนี้ ผมจึงเข้าใจทันทีว่าคนรวยแบบคุณแม่ไม่เคยคิดหรอกว่าวันนี้ ท่านมีทรัพย์สินมากแค่ไหน แต่ท่านสนใจว่าเงินสดที่เข้ากระเป๋าท่านในแต่ละวันเป็นเท่าไรมากกว่า
ขอบคุณครับ
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2011 11:11 pm
โดย beaeaebe
ผมทำตรงข้ามเลยนะพักนี้ ถือคติ
"ไม่ซื้อไม่ขาดทุน" ไม่ซื้อไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะเหลือเท่านั้นเท่านี้...
แฮะๆ

ขันติๆ คันง่ามมือง่ามเท้า แต่ก็ต้องอดใจไว้
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 28, 2011 10:54 am
โดย Azazel
PTL ตอน 46 ก็ดูดีนะครับ

Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 28, 2011 11:02 am
โดย Suysak
มันอยู่ที่ใจกับทัศนคตินะ
Re: เคยได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เล่าว่าน้องเขาลงทุนแบบน
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 28, 2011 11:09 am
โดย pat4310
ต้องดูที่เงื่อนไขครับเพราะว่าราคาที่ประเมินตอนซื้อก็ประเมินด้วยสมติฐานหนึ่ง(อนาคตที่เราคาด)
ถ้าความจริงยังเป็นไปตามสมมติฐานที่คาดไว้แต่ราคาตกมาก็ทนถือต่อไป อันนี้ไม่ขายก็ไม่ขาดทุนเพราะเดี๋ยวมันก็ขึ้น
แต่ถ้าความจริงไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่คาดไว้แต่ราคาตกมาแต่ก็ทนถือต่อไป ก็ยอมรับความจริงซะเถอะว่าเอ็งพลาดไปแล้ว