Thai VI

เราเคยเจอแต่หุ้นตก กัน แบบ คราวนี้ หรือ Subprime แต่ สถาณการณ์ หุ้นซึม หลายๆปี ยังไม่ได้เจอมานานแล้ว
หุ้นซึมนานๆน่าจะเป็นจุกที่น่ากลัวกว่าหุ้นตก แต่จะซึมต่อเมื่อตกหนักๆ ตกจนถอดใจกันหมด ณ จุดหุ้นซึม มี นลท เยอะที่ถอดใจ Cut Loss ที่จุดตํ่าสุดเพราะหุ้นนิ่ง ไม่ไปไหนเป็นปีๆ ทุกคนถอดใจกัน ไม่มีใครรู้ว่าจะฟื้น ในปี 2003

หวังว่าถ้าเกิด Crisis คราวนี้จะไม่เจอ สถาณการณ์ หุ้นซึม แบบปี 1999-2002 นะครับ ถ้าจะเข้าลงทุนต้องดูเป็นตัวๆไป แน่นอนในCrisis ย่อมมีโอกาส แต่ ถ้าจะซื้อในช่วงหุ้นซึม หุ้นที่จ่ายปันผลสมํ่าเสมอ คงเป็นทางเลือกแรกๆ ที่เราจะได้ผลตอบแทนขณะที่ ไม่สามารถทํากําไรจาก Capital Gain ได้

เงินบาท เทียบ US $ Off-Shore and On-Shore อ่อนไปเกิน 31.3 บาท แล้ว !!!

รอบนี้ดูน่าจะเอาออกจริงๆ ลองดูจะอ่อนกันขนาดไหน หุ้นลงรอบก่อนๆ บาทอ่อนไม่มากแสดงว่ายังพักเงินไว้ใน ประเทศ

หากมันซึมนานขนาดนั้นก็ดีไปอีกแบบ
นักลงทุนที่สะสมหุ้นจากปันผลและเงินเดือนแบบผมจะได้ทะยอยเก็บกันนานๆ

ใช่ครับ ท่านพี่ naijan คือ ถ้าเราคิด บวก เราก็จะเห็น โอกาส ใน วิกฤษ ครับ

ก็ต้องพยายามทํางานเก็บเงินมาซื้อหุ้นให้ได้มากที่สุดครับ

ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ผมว่าต้องมีเซียนviเกิดใหม่หลายคนแน่เลย

นํามาจาก Facebook ของ กรณ์ จาติกวิช ครับ

หุ้นจะถล่ม เศรษฐกิจจะทะลาย?

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยถูกถล่มลดลงมาอย่างแรง

ผมมั่นใจว่า วันนี้ต้องมีหลายคนที่กังวลว่า เปิดมาวันจันทร์จะเป็นอย่างไร ถึงเวลาซื้อได้หรือยัง

เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบ อย่างเช่นปี 2551-2552 หรือไม่



วันนี้ผมจึงขอแชร์ความคิดครับ



ปัญหาปัจจุบันมีอยู่สองจุดหลักคือ ยุโรป และ อเมริกา



ที่ยุโรป ผมขอสรุปว่าเป็น ปัญหาการเมือง

ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะถ้าเรามองทุกประเทศในยุโรปว่า

เป็นเศรษฐกิจเดียวกันยุโรปก็จะเป็นเศรษฐกิจที่แข็งแรงพอควร

แต่ทางการเมืองประเทศที่เข้มแข็งยังไม่ยอมรับว่า

ต้องแบกรับภาระของประเทศที่อ่อนแอกว่า ปัญหาจึงยังแก้ไม่ได้



ส่วนที่อเมริกา เป็นปัญหาขาดความสมดุลทางการค้ากับประเทศอื่นๆ

อย่างเช่นประเทศผลิตนำ้มันหรือประเทศจีน

ปัญหานี้แก้ยากกว่าครับ แก้ระยะสั้นก็คืออเมริกากระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง

ซึ่งก็จะเป็นดินพอกหางหมูต่อเนื่องและยากที่ Obama จะผลักดันได้ทางการเมือง

แต่ถ้าไม่ทำ ก็หมายถึงการบริโภค ซึ่งลดลงและความถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลก



ที่ยุโรปก็มีสองแนวคิดครับ

แนวแรกคือ ประเทศใหญ่ยอมร่วมอุ้มประเทศเล็ก

แนวที่สองคือ ยอมปล่อยให้ประเทศเล็กขัดเงื่อนใขการชำระหนี้และไปอุ้มสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้แทน



คราวนี้เราต้องจับตาดูสัญญานอะไรบ้างที่จะพอบ่งชี้ได้ว่าโลกจะเป็นอย่างไร

ผมว่ามี 5 เรื่องหลักครับ ต้องดูให้ดี ตาห้ามกระพริบ



1. ต้องดูกรีซให้ดี

เพราะถ้ากรีซเอาไม่อยู่ ก็อาจจะมีผลเหมือนสมัยเลแมนน์

ตอนนี้จะออกหัวออกก้อยไม่แน่ เพราะการเมืองเยอรมันกับประเทศอื่นๆ

อย่างเช่นฟินแลนด์ทำให้การอุ้มเป็นสิ่งที่ทำยากมาก



2. ต้องติดตามเหล่าธนาคารกลาง

กำลังวังชาน้อยลงเยอะครับเมื่อเทียบกับสมัยปู่กรีนสแปนหรือแม้แต่ QE1 และ QE2

คงต้องดูว่า การเข้าไปซื้อพันธบัตรระยะยาว เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยลงมาจะส่งผลอย่างไรต่อกำลังซื้อของคนอเมริกัน

ส่วนในประเทศต่างๆก็กำลังสับสนกันมากว่า ต้องเตรียมรับการชะลอตัวเศรษฐกิจ หรือต้องสู้เรื่องเงินเฟ้อต่อไป



3. การรายงานตัวเลขGDP

ไตรมาส 3 ของประเทศหลักๆจะมีผลสำคัญ เพราะไตรมาส 2 อ่อนมาก

แต่ยังมีข้ออ้างอย่างเช่น สึนามิ ที่ญี่ปุ่น



4. การเมืองภายในอเมริกา

น่าเป็นห่วงเพราะดูเหมือนขาดเหตุผล เพราะเข้าฤดูเลือกตั้งแล้ว

จึงทำให้ขาดตวามมั่นใจว่า จะสามารถตัดสินใจในสิ่งที่ควรได้หรือไม่



5. ตลาดเงินตลาดทุนของโลก

ถ้ามีความหวือหวาต่อเนื่อง อาจเป็นตัวทำให้เศรษฐกิจโลกเสียหายได้

ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษและอเมริกา อยู่ในระดับตำ่สุดในรอบ100ปี

นักลงทุนทิ้งทุกอย่างเพื่อแย่งกันซื้อพันธบัตรเหล่านี้ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้จะเกิดขึ้น

เพราะนักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจจะติดลบอย่างหนักเท่านั้น



ผมเองส่วนตัวมองว่าการที่มีการทิ้งหุ้นไทย ตามที่ปรากฏในหลายๆ วันที่ผ่านมา

เป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องโดยนักลงทุนต่างชาติ

ยังไงๆไทยเราอยู่ในสถานภาพที่เข้มแข็งกว่า



แต่ถ้าทั้ง 5 ข้อเบื้องบน ไม่เป็นไปในทิศทางที่ควร ก็ต้องเหนื่อยกันแน่ครับ

คอยดูไว้ครับ ...เราจะได้ไม่เป็นเหยื่อของคนอื่น

กด like ให้ครับ คุณกรณ์เยี่ยมมาก อธิบายเรื่องยุ่งๆให้เข้าใจได้ง่าย

อ้าว... ไม่กี่เดือนก่อนตอนยังเป็นขุนคลัง บอกว่า SET จะไป 1700

iSpurs เขียน:อ้าว... ไม่กี่เดือนก่อนตอนยังเป็นขุนคลัง บอกว่า SET จะไป 1700

ถ้าถามเค้า เค้าก็จะบอกว่า ผมเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอ

ตอนนั้นกับตอนนี้ สถาณการณ์ มันต่างกันครับ ตอนนี้ ความกลัว ครอบงํา แล้ว

[quote="Rocker"]นํามาจาก Facebook ของ กรณ์ จาติกวิช ครับ

หุ้นจะถล่ม เศรษฐกิจจะทะลาย?



ผมเองส่วนตัวมองว่าการที่มีการทิ้งหุ้นไทย ตามที่ปรากฏในหลายๆ วันที่ผ่านมา

เป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องโดยนักลงทุนต่างชาติ

ยังไงๆไทยเราอยู่ในสถานภาพที่เข้มแข็งกว่า



นลท.ต่างประเทศทำถูกแ้ล้วครับคุณกร คนไทยจะได้เป็นเจ้าของบริษัทที่ราคาถูก ๆ หน่อยรอให้นลท.ต่างชาติกลับมาซื้อใหม่ค่อยว่ากันครับ

ถ้าพี่แกคิดว่าเขาตัดสินใจผิด พี่แกก็น่าจะเข้ามาช้อนไปแล้วนะ...

แต่ก็นะ พวกนี้พิมพ์ได้ แน่ในพอร์ตจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้เนอะ

อาจจะ Follow Short ไว้ตั้งกะอาทิตย์ที่แล้วก้ได้ 555

ยังไงก็ดีครับที่ช่วยพี่แกแปะประเด็นให้คิด อย่างน้อยก็ทำให้นึกถึงวันที่แกพูด 1700ๆ ทำให้ช่วยระลึกให้ได้เห็นว่า

เราควรวิเคระห์ทำการบ้านหนักเอง อย่างมีเหตุมีผล หรือไปฟังข้อสรุปจากคนอื่นมาโดยไม่ได้ศึกษาเอง

วิจารณญาณ สำคัญครับ

จริงๆ คนอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ ไม่ควรออกมาให้ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องนะ เช่น รมว คลัง ก็ไม่ควรให้ความเห็นเกี่ยวกับตลาดหุ้น เพราะหลายๆคนจะคิดได้ว่า รมวก็เล่นหุ้นด้วย และจะทำให้คิดไปถึงการปั่นหุ้นเป็นต้น

ส่วนอีกข้อคือ หากยิ่งพูดยิ่งผิด ก็จะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือได้ ขนาดบัฟเฟตุยังไม่เคยออกมาเดาตลาดเลย

โลกของเราตลาดหุ้นคือที่ๆหาซื้อกิจการยอดเยี่ยมต่ำกว่ามูลค่าและความสามารถในอนาคตมากมาย

โลกของบางคนตลาดหุ้นคือเครื่องมือบงการหาตังค์เท่านั้น

สถานที่เดียวกันแต่เล่นคนละเกม

ผมคิดว่าเราก็ไม่รู้หรอกข้างในมันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ

ใครจะทุบจะปั่นอะไรถึงเราสังเกตได้ก็ทำไรไม่ได้ ตราบใดที่ราคากิจการยังวิ่งตามมูลค่าที่ควรจะเป็นก็ ok

วันไหนไม่ใช่อย่างงั้นแล้วรับรองพวกเรางานเข้าแน่ๆ

ส่วนตัวการบิดเบือนจุดประสงค์ของตลาดทุนและการดำเนินกิจการผมขอไม่ฟันธงว่าจะไม่ถูกบิดเบือนไปมากกว่านี้

iSpurs เขียน:อ้าว... ไม่กี่เดือนก่อนตอนยังเป็นขุนคลัง บอกว่า SET จะไป 1700

นักการเมืองครับ นักการเมือง

ในโลกยุคปัจจุบันที่ Social Network กับ Overload Information ครองเมือง ผมมองไม่เห็นว่าตลาดจะซึมได้ยังไง มีแต่คนจะตกใจซื้อแล้วบอกต่อเพื่อน ตกใจขายแล้วบอกต่อเพื่อน ซะมากกว่า

ลองสังเกตดูคอลัมน์ข่าวหุ้นเมืองไทยสิครับ ก็ลอกมาจาก CNN Bloomberg ทั้งนั้น