แชร์ไอเดีย กลยุทธรับศึกสภาวะตลาดขาลง
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 10:33 pm
ออกตัวก่อนว่าบทความนี้เขียนโดยมุมมองของตัวเอง ซึ่งอยากจะต่อยอดไอเดียจากท่านอื่นๆเพื่อเป็นแนวทางให้กับนักลงทุนหน้าใหม่หรือท่านอื่นๆที่วิตกกังวลกับสถานะการณ์ปัจจุบันนี้
จากปี2008 เป็นต้นมาตลาดได้ปรับตัวลง หลังจากนั้นก็ดีดตัวขึ้นมาประมาณต้นๆปี2009 แนวทางที่เป็นไปได้สำหรับนักลงทุนที่ยังมีเงินเต็มพอร์ทอยู่สำหรับหุ้นขาลงเช่นนี้ ที่ผมพอจะสรุปได้คร่าวๆคือ
1 คัดเลือกหุ้นทีท่านสนใจมากแบบว่าอยากเป็นเจ้าของจริงๆมาสัก 10 ตัว ข้อนี้มีคำแนะนำคือให้หาบริษัทที่มีกระแสเงินสดเป็นสัดส่วนที่สูง บริษัทที่มีกระแสเงินสดสูงสามารถทนต่อวิกฤติได้ แถมถ้าหุ้นปรับตัวลงยังสามารถซื้อหุ้นคืนได้ด้วย ที่สำคัญสามารถจ่ายปันผลให้เราได้อีกด้วย หรือถ้าชอบหุ้นปันผลก็เลือกหุ้นที่อดีตจ่ายปัลผลสม่ำเสมอ
2 ศึกษาหุ้นอย่างละเอียดโดยอ่าน56-1 อ่านงบการเงิน ศึกษาให้รู้แหล่งที่มาของรายได้ว่ามาจากไหนบ้าง อัตราส่วนของรายได้แต่ละส่วนเป็นอย่างไร กระแสเงินสดมีแนวโน้มเป็นอย่างไร รวมถึงสินค้าหรือบริการในอนาคตจะเป็นอย่างไรหากเกิดวิกฤติขึ้นมาจริงๆ ทำงบการเงินล่วงหน้าแบบแย่ ปานกลาง และแบบดี เพื่อเป็นตัวพิจารณาหามูลค่าของบริษัท
3 ประเมินมูลค่าหุ้นแบบ เลวร้าย ถึงเลวร้ายสุดขั้ว ยกตัวอย่าง ทำงบการเงินแบบบริษัทไม่โตเลยได้ eps 1 บาท ปกติหุ้นตัวนี้ ซื้อขายที่pe 6-8เท่า ให้คุณคิดเลยว่า วิกฤติมาหุ้น pe มันลงไปได้3-4เท่านู้นเลย ซึ่งมูลค่าที่ได้ก็ 3-4บาท
4 เข้าซื้อแบบตั้งรับ เนื่องจากวิกฤติ หุ้นpe2เท่าก็มีให้เห็น แต่ใครจะซื้อได้ที่ต่ำสุดคงยาก ดังนั้นต้องใช้วิธีรับเป็นช่วงๆ โดยยึดมั่นกับ มูลค่าที่เราประเมินไว้แบบมีmos แล้วรับไม้แรกที่ราคานั้น หากหุ้นปรับตัวลงอีก ก็ซื้อไปเรื่อยๆ อย่าพึ่งทุ่มหมดหน้าตักตั้งแต่ไม้แรกๆ
5 ถ้าทำตามข้อข้างบนได้แล้วหุ้นยังลงอีกแล้วไม่มีเงินเราก็แค่รอเวลา อาจจะช้าหรือเร็ว ก็ไม่มีใครรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ บริษัทที่ดีที่มีกระแสเงินสดสูง ย่อมมีอะไรตอบแทนเรากลับมาบ้างระหว่างทางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้นคืน หรือจ่ายปันผล
6 จากวิกฤติทุกครั้งย่อมก่อให้เกิดโอกาส ดังนั้นแทนที่เราจะมาวิตกกังวลกับการร่วงของหุ้น ควรใช้เวลานี้ศึกษาหุ้นให้รู้ถึงใส้ในโดยใช้ห้องร้อยคนร้อยหุ้นให้เป็นประโยชน์ ซึ่งในภาวะเช่นนี้เราคงได้เห็นการโพสต์เชียร์หุ้นน้อยลง แต่จะมาแทนที่ด้วยข้อมูลพื้นฐาน และการบ่นขาดทุนกันเยอะขึ้น
7 สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วถ้ามีเงินอาจจะใช้หลักการเดียวกันสำหรับหุ้นตัวเอง หรือได้โอกาสปรับไปหาหุ้นที่อยากจะลงทุนด้วย แต่ถ้าไม่มีเงินเพิ่ม หน้าที่เราคือหาเงินมาเพิ่ม โดยการเพิ่มรายได้ ไม่แนะนำการกู้ยืมมาลงทุนซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอีกมาก
สรุปที่เขียนมาเขียนในมุมมองของตัวเองที่เคยใช้ตอนปี2008 ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งกาจอะไรแต่แค่อยากจะแชร์ไอเดีย และอยากได้รับไอเดียจากท่านที่เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านจงประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจด้วยกันทุกคนด้วยเทอญ สาธุ
จากปี2008 เป็นต้นมาตลาดได้ปรับตัวลง หลังจากนั้นก็ดีดตัวขึ้นมาประมาณต้นๆปี2009 แนวทางที่เป็นไปได้สำหรับนักลงทุนที่ยังมีเงินเต็มพอร์ทอยู่สำหรับหุ้นขาลงเช่นนี้ ที่ผมพอจะสรุปได้คร่าวๆคือ
1 คัดเลือกหุ้นทีท่านสนใจมากแบบว่าอยากเป็นเจ้าของจริงๆมาสัก 10 ตัว ข้อนี้มีคำแนะนำคือให้หาบริษัทที่มีกระแสเงินสดเป็นสัดส่วนที่สูง บริษัทที่มีกระแสเงินสดสูงสามารถทนต่อวิกฤติได้ แถมถ้าหุ้นปรับตัวลงยังสามารถซื้อหุ้นคืนได้ด้วย ที่สำคัญสามารถจ่ายปันผลให้เราได้อีกด้วย หรือถ้าชอบหุ้นปันผลก็เลือกหุ้นที่อดีตจ่ายปัลผลสม่ำเสมอ
2 ศึกษาหุ้นอย่างละเอียดโดยอ่าน56-1 อ่านงบการเงิน ศึกษาให้รู้แหล่งที่มาของรายได้ว่ามาจากไหนบ้าง อัตราส่วนของรายได้แต่ละส่วนเป็นอย่างไร กระแสเงินสดมีแนวโน้มเป็นอย่างไร รวมถึงสินค้าหรือบริการในอนาคตจะเป็นอย่างไรหากเกิดวิกฤติขึ้นมาจริงๆ ทำงบการเงินล่วงหน้าแบบแย่ ปานกลาง และแบบดี เพื่อเป็นตัวพิจารณาหามูลค่าของบริษัท
3 ประเมินมูลค่าหุ้นแบบ เลวร้าย ถึงเลวร้ายสุดขั้ว ยกตัวอย่าง ทำงบการเงินแบบบริษัทไม่โตเลยได้ eps 1 บาท ปกติหุ้นตัวนี้ ซื้อขายที่pe 6-8เท่า ให้คุณคิดเลยว่า วิกฤติมาหุ้น pe มันลงไปได้3-4เท่านู้นเลย ซึ่งมูลค่าที่ได้ก็ 3-4บาท
4 เข้าซื้อแบบตั้งรับ เนื่องจากวิกฤติ หุ้นpe2เท่าก็มีให้เห็น แต่ใครจะซื้อได้ที่ต่ำสุดคงยาก ดังนั้นต้องใช้วิธีรับเป็นช่วงๆ โดยยึดมั่นกับ มูลค่าที่เราประเมินไว้แบบมีmos แล้วรับไม้แรกที่ราคานั้น หากหุ้นปรับตัวลงอีก ก็ซื้อไปเรื่อยๆ อย่าพึ่งทุ่มหมดหน้าตักตั้งแต่ไม้แรกๆ
5 ถ้าทำตามข้อข้างบนได้แล้วหุ้นยังลงอีกแล้วไม่มีเงินเราก็แค่รอเวลา อาจจะช้าหรือเร็ว ก็ไม่มีใครรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ บริษัทที่ดีที่มีกระแสเงินสดสูง ย่อมมีอะไรตอบแทนเรากลับมาบ้างระหว่างทางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้นคืน หรือจ่ายปันผล
6 จากวิกฤติทุกครั้งย่อมก่อให้เกิดโอกาส ดังนั้นแทนที่เราจะมาวิตกกังวลกับการร่วงของหุ้น ควรใช้เวลานี้ศึกษาหุ้นให้รู้ถึงใส้ในโดยใช้ห้องร้อยคนร้อยหุ้นให้เป็นประโยชน์ ซึ่งในภาวะเช่นนี้เราคงได้เห็นการโพสต์เชียร์หุ้นน้อยลง แต่จะมาแทนที่ด้วยข้อมูลพื้นฐาน และการบ่นขาดทุนกันเยอะขึ้น
7 สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วถ้ามีเงินอาจจะใช้หลักการเดียวกันสำหรับหุ้นตัวเอง หรือได้โอกาสปรับไปหาหุ้นที่อยากจะลงทุนด้วย แต่ถ้าไม่มีเงินเพิ่ม หน้าที่เราคือหาเงินมาเพิ่ม โดยการเพิ่มรายได้ ไม่แนะนำการกู้ยืมมาลงทุนซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอีกมาก
สรุปที่เขียนมาเขียนในมุมมองของตัวเองที่เคยใช้ตอนปี2008 ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งกาจอะไรแต่แค่อยากจะแชร์ไอเดีย และอยากได้รับไอเดียจากท่านที่เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านจงประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจด้วยกันทุกคนด้วยเทอญ สาธุ