Thai VI

ผมได้ลองเอาดัชนีของอเมริกาและยุโรปมาเทียบกัน 3 ช่วง คือ ก่อนซับไพร์ม ซับไพร์ม ปัจจุบัน โดยตั้งให้ค่าก่อนซับไพร์มเป็น 100 ในทุกดัชนี จะได้เปรียบเทียบกันได้ง่ายๆ พบว่า

1. ปัจจุบันหุ้นของยุโรปก็ร่วงไปมากแล้ว ถ้าสมมุติว่าวิกฤตซับไพร์มเป็นจุดต่ำสุด downside ในขณะนี้ก็อาจจะไม่มากเท่าไหร่
2. ปัญหาในยูโรตลาดรับรู้ไปมากแล้ว การแก้ปัญหาหรือการเกิดขึ้นของประเด็นใดๆ ไม่น่าจะทำให้เกิดแพนิกได้ บางทีตลาดอาจตอบสนองในทางบวกด้วย
3. จากปัญหาในยุโรปและอเมริกา น่าจะทำให้เงินไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียมากขึ้น

ผมก็เลยได้ข้อสรุปส่วนตัวว่า downside ของตลาดหุ้นไทยไม่น่าจะเยอะ แต่ผมก็รู้ตัวว่ายังอ่อนด๋อยจึงอยากขอความเห็นพี่ๆในประเด็นนี้ครับ

ถ้าเห็นว่าเพ้อเจ้อไม่มีหลักการก็ต้องขออภัย

น่าสนใจทีเดียว
ผมก็อ่อนประสบการณ์เช่นกันครับ
รอผู้รู้มาแนะแนวอยู่

มุมมองน่าสนใจครับ แต่ว่าก่อนซับไพรม์ กับตอนนี้ เหตุปัจจัยไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นการเอามาเทียบเป็นตัวเลขง่ายๆแบบนี้คงจะคลาดเคลื่อนแน่นอนครับ
อีกอย่างหนึ่งถ้าวิกฤตยุโรประเบิดขึ้นมาจริงๆ ใครๆเค้าก็ว่าจะหนักกว่าซับไพรม์อีกครับ เพราะคราวก่อนอมเริกาเจ้าเดียว แต่ตอนนี้ทั้งสหภาพยุโรปพ่วงอเมริกาอีกด้วยนะครับ (ส่วนญี่ปุ่นก็ยังมีปัญหา จีนก็กลัวเรื่องเงินเฟ้อ)

สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ความกลัวอย่างบ้าคลั่งของคนครับ

แต่รอบนี้คนไทยมีสติดีครับ+เงินเย็นกว่า ทางยุโรป

ผมเชื่อว่า รอบนี้จะทำให้เกิดเศรษฐีหน้าใหม่อีกหลายคน

และ หลายคนที่เคยรวยก้อาจจะจนได้

ข่าวนี้จะมีผลกระทบตามมามากน้อยแค่ไหนครับ
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิร่วงทันที 100.55 จุดหลัง S&P หั่นเครดิตอิตาลี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 53 นาทีที่แล้ว
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดร่วงลง 100.55 จุด แตะที่ 8,763.61 จุดในวันนี้ (20 ก.ย.) หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าการลุกลามของวิกฤติหนี้ยูโรโซนจะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง

ถ้ากรีซยังรักษาวินัยทางการคลังไม่ได้ต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ การให้กู้ยืมเงินก็จะยากขึ้น โดยเฉพาะเยอรมัน ถึงแม้รัฐบาลจะช่วย แต่ประชาชนในประเทศไม่ได้เห็นด้วยแต่อย่างใด สักวันหนึ่งเยอรมันก็อาจจะต้องมีไม่ลงมติให้กู้ยืมเงิน รวมถึงแหล่งเงินกู้อื่นๆ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้เอเชียเราก็คงไม่รอดด้วยเช่นกัน เพราะจีนก็เข้าไปช่วยอุ้มพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี ถ้ายูโรเน่า เราก็อาจจะเน่าตามคะ แต่คิดว่าช่วงนี้เค้าคงช่วยกันเต็มที่แหละคะ กรีซล้มนี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

รัดเข็มขัดให้ดี เกาะให้แน่น อย่ากินอาหารให้แน่นท้องเกินไป(ระหว่างทาง อาจอาเจียนได้)

ดูแล้ว..ท่านเหล่านั้นใจดี...จะพาเล่น บันจีจัมพ์ อีกหลายๆรอบ ครับ

chukieat30 เขียน:สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ความกลัวอย่างบ้าคลั่งของคนครับ

แต่รอบนี้คนไทยมีสติดีครับ+เงินเย็นกว่า ทางยุโรป

ผมเชื่อว่า รอบนี้จะทำให้เกิดเศรษฐีหน้าใหม่อีกหลายคน

และ หลายคนที่เคยรวยก้อาจจะจนได้

รอบนี้ก้เหมือน 2008 คนเหลือเงินเยอะ งานสัมมนาที่ไหนก้มีคนไป งานเกี่ยวกับหุ้นคนแน่น

ต่างจาก 40 มากครับ ดังนั้น จึงแทบไม่ต้องคิดอะไรมาก

เลือกกิจการที่กระทบหนักแล้ว รอ ผลตอบแทนก้เกิน 100 เปอเซ็นต์+ครับ

งานเกี่ยวกับหุ้น รายการเกี่ยวกับหุ้น บทวิเคราะห์หุ้นยังมีมากกว่าตอนปี 2008 ด้วยซ้ำไป

สิ่งเดียวที่ไม่ต่างกันเลยทั้ง 40 51 คือ อารมณ์กลัวจะลืมมองไปว่า


เราลงทุนที่กิจการ ไม่ได้ดูเซท

อย่าดูถูกอารมณ์ของมนุษย์นะครับ และต่อให้บอกว่าตอนนี้downsideเหลือไม่เยอะ ส่วนตัวผมก้อมองว่าupsideก้อไม่ได้เยอะนะครับ พูดง่ายๆคือหุ้นไม่ได้ถูกแล้วนะครับ โดยเฉพาะหลายๆบริษัทคุณภาพสูงๆทั้งหลาย(ของไทยนะครับ ของต่างประเทศไม่ทราบถูกแพงอย่างไร ไม่มีความรู้จริงๆ)

ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ แสดงว่าเดี๋ยวนี้วีไอก็พยายามคาดเดาภาวะเศรษฐกิจ กับ อารมณ์ของตลาดด้วย ไม่ได้โฟกัสไปที่ตัวธุรกิจอย่างเดียวเหมือนที่ตำราบางเล่มเขียนสินะครับ

mood เขียน:ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ แสดงว่าเดี๋ยวนี้วีไอก็พยายามคาดเดาภาวะเศรษฐกิจ กับ อารมณ์ของตลาดด้วย ไม่ได้โฟกัสไปที่ตัวธุรกิจอย่างเดียวเหมือนที่ตำราบางเล่มเขียนสินะครับ

ส่วนตัวคิดว่าการดูเศรษฐกิจประกอบทำให้เราเข้าใจภาพใหญ่ขึ้นนะคะ อย่างตลาดเวลานี้ถูกแล้วอาจะมีถูกกว่าคะ และยังไงกิจการของเรามันก็อยู่ในระบบเศรษฐกิจ คงต้องดูประกอบไปด้วยคะ

harikung เขียน:อย่าดูถูกอารมณ์ของมนุษย์นะครับ และต่อให้บอกว่าตอนนี้downsideเหลือไม่เยอะ ส่วนตัวผมก้อมองว่าupsideก้อไม่ได้เยอะนะครับ พูดง่ายๆคือหุ้นไม่ได้ถูกแล้วนะครับ โดยเฉพาะหลายๆบริษัทคุณภาพสูงๆทั้งหลาย(ของไทยนะครับ ของต่างประเทศไม่ทราบถูกแพงอย่างไร ไม่มีความรู้จริงๆ)

+1 ขอบคุณเฮียที่เตือนครับ

mood เขียน:ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ แสดงว่าเดี๋ยวนี้วีไอก็พยายามคาดเดาภาวะเศรษฐกิจ กับ อารมณ์ของตลาดด้วย ไม่ได้โฟกัสไปที่ตัวธุรกิจอย่างเดียวเหมือนที่ตำราบางเล่มเขียนสินะครับ

ถ้าจะบอกว่าเปนviแล้วจะไม่คาดเดาสภาวะเศรษฐกิจหรืออารมณ์ตลาดเลย ก้อคงจะสุดกู่เกินไปครับ และส่วนตัวเชื่อว่าviแทบทุกคนไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๋าเทพๆ ลึกๆก้อคงแอบติดตามหรือคาดการณ์สิ่งเหล่านี้บ้างอยู่แล้ว เพียงแต่การให้น้ำหนักความสำคัญคงจะไม่มากเท่าตัวธุรกิจ

ถ้ามองดูปัญหาของยูโรที่เป็นในส่วนของยูโรโซนนั้น
ประเทศที่มีปัญหาคือ PIIGS คือ โปรตุเกส ไอซ์แลนด์ อิตาลี กรีก และ สเปน
ประเทศที่ IMF เข้าไปจัดการและข่าวเงียบไปแล้วคือ ไอซ์แลนด์
ส่วนที่ออกข่าวเป็นระยะคือ กรีก อิตาลี
ส่วนที่น้อยครั้งออกมาเป็นข่าวหรือ โปรตุเกส และ สเปน

ปัญหาอยู่ที่ กรีกและอิตาลี ณ ปัจจุบัน
กรีก ต้นเหตุเกิดจากประชานิยม จากการใช้จ่ายเกินตัวของภาครัฐ ทำให้ต้องกู้ยืมแต่การกู้ยืมปัจจุบัน หมายถีึงต้องหาเงินคืนในวันข้างหน้า
ส่วนอิตาลีปัญหาอยู่ที่หนี้สินภาครัฐเหมือนกัน แต่ให้ประชานิยมน้อยกว่า กรีก แต่ปัญหาของอิตาลีใหญ่กว่ากรีกเพราะประเทศนี้อยู่ในกลุ่ม G-7 มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของยูโรโซนรองจาก เยอรมัน และฝรั่งเศท

แสดงความเห็นเป็นข้อๆ นะครับ

1. ร่วงไปมากจริง เป็นลักษณะที่ค่อยๆ ซึมลง ที่ผ่านมายังไม่น่าจะเรียกว่ามี Panic sell แต่ถ้าเกิดวิกฤตจริง มันก็คงลงได้อีก เพราะความกลัวของคน จะทำให้เกิด Panic sell

2. ตามนั้นครับ แต่ที่รับรู้นั้น เป็นความเชื่อว่าสามารถรับมือกับปัญหาได้ กับไม่สามารถรับมือกับปัญหาได้ หากออกทางใดทางหนึ่ง ตลาดหุ้นก็น่าจะตอบสนองไปทางนั้น

3. ผมว่าไม่น่าจะจริงนะครับ