หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 9:07 am
โดย avast
อยากทราบว่าเวลาแกะงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน
ที่จะบอกได้ว่าบริษัทนี้ดีหรือแย่

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 9:18 am
โดย panwasit
ผมเองขอออกตัวว่าไม่เก่ง แต่ที่อ่านบอ่ยๆ
งบกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ต้องเป็น บวก เท่านั้น เพราะหมายถึงบริษัทไม่ขาดทุน
งบ. ..…....... ลงทุน ปกติเป็นลบ แต่ขอให้น้อยกว่า งบแรก ก็พอ ถ้าบวกได้ยิ่งดี
งบ. การเงิน ปกติเป็นลบ เพราะต้องจ่ายเงินกู้และปันผลถ้าเป๊นบวก คือกู้เงินหรือเพิ่มทุน

ที่รู้ก็แค่นี้ล่ะคับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 10:08 am
โดย aonzzung
ปกติผมจะดูแบบผ่านๆ
เกริ่นนิดว่า งบกระแสเงินสดแบ่งออกเป็น
1. กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ( Cash from operating activity)
2. กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน (Cash from investing activity)
3. กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินทุน ( Cash from financing activity)

ที่ผมดูแบบรวดเร็วก็คือ กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินทุน

กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน -> ดูว่าบริษัทต้องลงทุนมากเท่าไรเมื่อเทียบกับกำไรที่ได้มา เช่น ถ้าได้กำไรมา 100 บาท แต่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาเครื่องจักร ซื้อเครื่องจักรใหม่ 80 บาท อย่างนี้แสดงว่าเหลือ free cash flow จริงๆ 20 บาท การลงทุนเป็น 80% ของกำไร อย่างนี้ไม่ไหว หามาได้ก็จ่ายหมด หาบริษัทที่ไม่ต้องลงทุนเยอะดีก่า ลงทุนซักไม่เกิน 20% ของกำไรอะ โอเช

กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินทุน -> ดูว่าไปกู้หนี้ธนาคารมาป่าว หรือได้เงินมาจากทางไหน ถ้าเงินที่ได้มาไม่ได้ทำให้เป็นหนี้อะไรมากมายก็โออะนะ

ประมาณนั้นครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 4:45 pm
โดย suwicha
มีจุดหนึ่งที่ผมขอเสริมคือ ควรดูการตั้งสำรองค่าเผื่อต่างๆและการโอนกลับของรายการพวกนี้ด้วย เพราะอาจทำให้กำไรขาดทุนทางบัญชีผิดเพี้ยนไปจากภาพที่แท้จริงได้
ตอบแบบงูๆปลาๆนะครับ รอคนเก่งๆมาเพิ่มเติมครับ :) :)

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 17, 2011 8:17 am
โดย Green
ปกติ ผมดูทุกอย่างประกอบกันหมดเลยครับ ดูไปย้อนหลังหลายๆ ปีด้วย

ชอบเห็นธุรกิจ ที่มี กระแสเงินสดจากการดำเนินการเป็นบวก และมากกว่า กำไรสุทธิในงบกำไรขาดทุนเยอะๆ ด้วย เพราะแสดงว่า พวกนี้ บริษัทยิ่งโต กำไรสุทธิโตขึ้น และได้เงินสดไหลเข้ากระเป๋า มากขึ้นกว่าไปอีก ยิ่งโต ยิ่งดี ยิ่งโตยิ่ง ได้เงิน

บางธุรกิจ เค้า รายงานว่ากำไรสุทธิ โตเอาโตเอา แต่ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานผันผวนมาก บางปีลดลงเกือบติดลบ บางปี เกือบๆ เท่ากำไรสุทธิ อันนี้ผมเรียกว่า ยิ่งบริษัทยิ่งโต คนทำงานยิ่งเหนื่อย เพราะถ้าอยากโตขึ้น ก็ต้องขายของแบบ เอาไปให้ลูกค้าติดหนี้ มากขึ้น เอาเงินไปตุนสต๊อกมาก หรือไม่รู้โตยังไงดีก็เอาเงินไปเก็งกำไรสต๊อกแทน หากกำไรก็โชคดีไป หากขาดทุนก็จะเจ็บมาก อันนี้ ยิ่งโตยิ่งเหนื่อย ยิ่งโตยิ่งเสี่ยง

กระแสเงินสดจากการลงทุน ปกติก็จะติดลบ เพราะเป็นการจ่ายเงินออกไปเพื่อการลงทุน บางบริษัทเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วครับ หรือ สินค้ามี life cycle ที่สั้น ทำให้ต้องลงทุนมากและบ่อย ลงทุนไปเยอะๆ เรื่อยๆ ปรากฏว่า ไม่ได้ทำให้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานในปีต่อๆ ไปโตขึ้นอย่างมีนัยยะ อย่างงี้ก็เหนื่อยตลอดครับ ความเสี่ยงก็มากด้วย หากที่ลงทุนไป พลาดขึ้นมา ไม่มีคนซื้อสินค้า ก็ต้องลงทุนใหม่ เหนือยครับ บริษัทพวกนี้ แบบที่ดีๆ เลยคือ เราลงทุนไปแล้ว สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในปีต่อๆ ไปมากขึ้นเรื่อยๆ และ Asset ที่ลงทุนไปนั้นไม่ต้องเปลี่ยนแปลงบ่อย ลงทุนไปทีนึงแล้วใช้ไปได้เป็น สิบปีเลยเป็นต้น ถ้าลงทุนเพิ่มเติมก็ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินการต่อๆไปเพิ่มขึ้น ถึงจะเรียกว่าดี

กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน อาจจะเป็นทั้งบวก ทั้งลบ ถ้าเป็นบวกแสดงว่า บริษัทเราหาเงินจากแหล่งเงินกู้ มาขยายงาน หากเป็นลบ ก็แสดงว่า เราไม่ต้องหาเงินจากภายนอกแล้วเรามีเงินมากพอที่จะจ่ายปันผลสู่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่าแล้ว อันนี้ผมเฉยๆ ได้ทั้งบวกและลบ ยกตัวอย่างพวกค้าปลีก ช่วงปีแรกๆ กระแสเงินสดจากการดำเนินการเค้ายังจะไม่มากพอที่จะขยายสาขามากๆ ได้ เค้าก็จะไปกู้เงินภายนอกมาเยอะมากหลายๆ ปีเลยทีเดียว แต่เค้าลงทุนไปแล้วกระแสเงินสดจากการดำเนินการเค้าก็เพิ่มขึ้นด้วยในปีถัดๆ ไปจนกระทั่ง ผ่านไปหลายๆ ปีเงินที่ต้องการจากภายนอกจะลดลง จนสามารถขยายสาขาโดยไม่ต้องไปกู้มากๆ เหมือนแต่ก่อนได้ และมีเงินเหลือมากพอที่จะจ่ายปันผล

สรุปนะครับ ผมจะดูทุกตัวประกอบกัน เป็นแบบรายปี หาข้อมูลย้อนหลังให้ได้หลายปีที่สุดแล้วเราเอามา plot เป็นกราฟ ดูว่าแต่ละปีเป็นอย่างไรทั้งสามเส้นประกอบกัน ลองเปรียบเทียบไปหลายๆ บริษัทในหลายๆ กลุ่มอุตสาหกรรมดูครับ แล้วเราจะสามารถดูได้ออกว่า บริษัทที่ดี กับบริษัทธรรมดา นั้นต่างกันตรงไหน และทำไมบางอุตสาหกรรม เค้าถึงให้พรีเมียร์สูง บางอันให้มูลค่าต่ำครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2011 4:34 am
โดย Akkapun
งบกระแสเงินสดดู "กระแสเงินสดจากการดำเนินงานสำคัญที่สุดแล้วครับ" แต่ไม่ได้แปลว่าตรงอื่นไม่ต้องดูนะ ส่วนนี้จะบอกถึงความสามารถในการผลิตกระแสเงินสดของบริษัทเต็มๆเลย ถ้าคุณอ่านรู้เรื่องคุณจะเข้าใจว่าทำไมบางบริษัทยิ่งโตยิ่งต้องการเงินสด หรือบางบริษัทเช่น cpall ยิ่งโตยิ่งมีเงินสดเหลือใช้เยอะแยะไปหมด
แนะนำให้ไปซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับพวกบัญชีมาอ่านครับ แนะนำ "ฉลาดรู้ทางการเงิน" เป็นหนังสือแปลจะได้เข้าใจขึ้น เดี๋ยวถ้าว่างจะมาอธิบายเพิ่มนะครับ แต่ข้างบนที่คุณ green อธิบายไว้ก็ละเอียดมากๆแล้ว

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2011 9:52 am
โดย tingun
อันนี้ พี่สุมาอี้เขียนไว้ครับ

Tuesday, 16 November 2010
งบการเงินสำหรับนักลงทุน (4/5): งบกระแสเงินสด

งบกระแสเงินสดเป็นบัญชีที่แสดงการไหลเข้าออกของเงินสดที่เกิดขึ้นสะสมในกิจการระหว่างรอบบัญชีนั้น ในทางบัญชีเราแบ่งกระแสเงินสดออกเป็นสามจำพวกคือ กระแสเงินสดที่เกี่ยวกับการดำเนินงาน กระแสเงินสดที่เกี่ยวกับการลงทุน และกระแสเงินสดด้านการเงิน โดยที่เมื่อนำกระแสเงินสดทั้งสามจำพวกมารวมกันจะต้องเท่ากับเงินสดที่เปลี่ยนแปลงไปในรอบบัญชีนั้นพอดี เพราะกระแสเงินสดมีแค่สามอย่าง ถ้านำมาบวกกันก็ต้องเท่ากับเงินสดที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในบริษัทระหว่างงวดนั้นนั่นเอง

ในงบกระแสเงินสด จะแสดงกระแสเงินสดทั้งสามประเภทให้ดูทีละประเภท ถ้าลองนำกระแสเงินสดทั้งสามประเภทมาบวกกันจะพบว่าต้องเท่ากับผลต่างระหว่างเงินสดตอนปลายงวดกับต้นงวดที่โชว์อยู่ในงบดุลของบริษัทนั้นพอดีด้วย
ในหมวดกระแสเงินสดเกี่ยวกับการดำเนินงานนั้นจะดูแล้วงงๆ นิดหน่อย เพราะปกติแล้วการทำบัญชีเพื่อโชว์กระแสเงินสดรับหรือจ่ายของกิจกรรมที่เกี่ยวกับการดำเนินงานให้ดูเป็นอย่างๆ (เช่น เงินสดรับจ่ายจากลูกค้า เงินสดรับจ่ายจากซัพพลายเออร์) นั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก หลักบัญชีจึงยอมให้บริษัทแสดงกระแสเงินสดเกี่ยวกับการดำเนินงานทางอ้อม (INDIRECT METHOD) โดยเริ่มต้นจากกำไรสุทธิ แล้ว reconcile กลับด้วยรายการที่ไม่เกี่ยวกับเงินสดต่างๆ จนกระทั้งกลายเป็นกระแสเงินสดเกี่ยวกับดำเนินงาน

คนที่ไม่ใช่นักบัญชีเวลาอ่านรายการในกระแสเงินสดเกี่ยวกับการดำเนินงานแล้วพยายามจะนึกภาพตามว่าจริงๆ แล้วแต่ละบรรทัดมันเกิดขึ้นอย่างไรเลยมักจะงง เพราะจริงๆ แล้ว รายการพวกนี้เป็นเพียงแค่ item ที่มา reconcile ทางบัญชีให้กำไรสุทธิถอยกลับมาเป็นกระแสเงินสดเท่านั้น สรุปก็คือเห็นแล้วก็ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เหลือบไปดูบรรทัดสุดท้ายที่เขียนว่า เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน เลยดีกว่า ตัวนี้เป็นเสมือนตัวเลขที่บอกว่า ธุรกิจนี้ผลิตเงินสดไปได้เท่าไรตลอดรอบบัญชีนั้น ซึ่งควรจะเป็นบวก (ถ้าเป็นลบแสดงว่ายิ่งขยันยิ่งขาดทุน) และจะให้ดีควรมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงจากงวดที่แล้วไปในทิศทางเดียวกันกับกำไรสุทธิในงบกำไรขาดทุนของบริษัทด้วย ถ้าหากกำไรวิ่งไปทาง กระแสเงินสดวิ่งไปอีกทาง อาจเป็นไปได้ว่าบริษัทอาจกำลังสร้างภาพอะไรบางอย่างอยู่รึเปล่า

บางบริษัทชอบ capitalize ค่าใช้จ่ายต่างๆ เอาไว้ในงบดุลแทนที่จะตัดจ่ายออกมาเพื่อทำให้กำไรที่โชว์ออกมาดูสูง (ค่าใช้จ่ายน้อย) เช่น พวกค่าสิทธิ์ต่างๆ ค่าพัฒนาซอฟต์แวร์ ค่าซื้อกิจการ หรือแม้แต่ค่าโฆษณา บริษัทชอบอ้างว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนเหล่านี้ที่มี future benefit เลยขอตั้งเป็นสินทรัพย์เอาไว้ก่อนแล้วค่อยทยอยตัดจ่ายออกมาทีหลัง เพื่อให้กำไรในระยะสั้นดูดี พอนานๆ ไปก็ค่อยตัดด้อยค่าเป็นรายการใหญ่ๆ ออกมา แล้วบอกว่านักลงทุนไม่ต้องไปสนใจ
เพราะเป็นรายการพิเศษเกิดขึ้นครั้งเดียว แต่ทำเช่นนี้อยู่เนื่องๆ ทำให้กำไรในยามปกติดูสูงกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าหากเราดูแต่งบกำไรขาดทุนอย่างเดียว ไม่ตรวจกระแสเงินสดด้วยว่าไปในทิศทางเดียวกันหรือเปล่าก็จะถูกบริษัทตบตาด้วยวิธีการแบบนี้ได้

กระแสเงินสดกลุ่มถัดมาคือกระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน อันนี้หมายถึงบริษัทได้จ่ายเงินออกไปเพื่อสร้างอนาคตอะไรบ้างระหว่างงวด เช่น ลงทุนซื้อที่ดิน เครื่องจักร อาคาร หรือกิจการต่างๆ กระแสเงินสดในกลุ่มนี้เราแยกออกมาจากกระแสเงินสดเกี่ยวกับการดำเนินงาน เพราะเป็นรายการที่จ่ายไปเพื่ออนาคต รายได้ยังไม่ได้เข้ามาจริงในงวดปัจจุบัน ถ้านำมารวมกันจะทำให้ดูเหมือนธุรกิจมีรายจ่ายสูงเกินจริง เพราะที่จริงแล้วพวกนี้เป็นรายจ่ายเพื่อสร้างอนาคต โดยปกติแล้วเงินสดสุทธิในกิจกรรมการลงทุนมักเป็นเลขติดลบ เพราะเป็นการจ่ายเงินออกไปเพื่อลงทุนซื้อสิ่งของต่างๆ

กลุ่มสุดท้ายในงบกระแสเงินสดคือกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน ได้แก่ รายรับรายจ่ายทั้งหลายที่เกี่ยวกับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นของบริษัท เช่น เงินกู้รับ เงินจ่ายคืนหนี้ เงินปันผล เงินเพิ่มทุนรับ เป็นต้น รายการเหล่านี้ถูกแยกออกมาอีกหมวดหนึ่งต่างหากก็เพราะไม่ได้เกิดจากการทำธุรกิจ บางบริษัทอาจมีกระแสเงินสดดีเยี่ยม เพราะว่ากู้แหลก หรือเจ้าของรวยใส่เงินอุดตัวแดงเข้ามาเรื่อยๆ แต่ที่จริงแล้วตัวธุรกิจเองขาดทุนย่อยยับไม่ทำเงิน

โดยมากแล้วเวลาดูงบกระแสเงินสดผมก็เพียงแต่ดูกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานว่าเป็นบวกและไปในทิศทางเดียวกันกับกำไรสุทธิในงบกำไรขาดทุนหรือไม่ บางคนบอกว่า กระแสเงินสดดำเนินงานบวกกระแสเงินสดลงทุนจะต้องเป็นบวกด้วย แต่สำหรับผมคิดว่าไม่จำเป็น เพราะถ้าหากธุรกิจมีโอกาสในการเติบโตสูง บริษัทอาจลงทุนมากกว่ากระแสเงินสดที่ผลิตได้เอง ทำให้กระแสเงินสดติดลบ (ต้องอาศัยกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินช่วย) แต่ไม่น่าห่วง เพราะเป็นการลงทุนเพิ่มการเติบโตในอนาคต (รายได้ของบริษัทควรเติบโตสูงด้วยจึงจะน่าเชื่อถือ) เว้นแต่ว่า เราไม่เชื่อว่าธุรกิจนี้จะเติบโตได้อีกและควรที่จะจ่ายเงินสดออกมาตอบแทนผู้ถือหุ้น (ปันผล) มากกว่าที่จะนำเงินกลับไปลงทุนเพิ่มในธุรกิจอีก

ตัวเลขอีกตัวหนึ่งที่มีประโยชน์กับเราในงบกระแสเงินสดคือ "ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจ่าย" เพราะเป็นตัวเลขที่ทำให้เรารู้ว่าในรอบบัญชีนั้นบริษัทได้ตัดจ่ายค่าเสื่อมไปเป็นค่าใช้จ่ายเท่าไร ส่วนใหญ่แล้วตัวเลขนี้มักอยู่ในบรรทัดต่อจากกำไรสุทธิในกลุ่มกระแสเงินสดดำเนินงาน ถ้าเราเอา EBIT ในงบกำไรขาดทุนมาบวกกลับด้วยตัวเลขนี้จะได้เป็นสิ่งที่เรียกว่า EBITDA ซึ่งนักวิเคราะห์นิยมนำมาใช้เป็นตัวแทนของ "กำไรที่เป็นเงินสด" ของบริษัท บางคนนิยมมอง EBITDA มากกว่า EBIT เพราะค่าเสื่อมเป็นอะไรที่เกี่ยวกับนโยบายทางบัญชีมากอาจเป็นช่องโหว่ของการตบตานักลงทุนได้ ทำให้ได้ภาพที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับผลประกอบการในงวดปัจจุบัน การเอาค่าเสื่อมออกไปแล้วดูเฉพาะ EBITDA แทนอาจได้ภาพที่ดูสะอาดกว่า บางคนเรียก EBITDA ว่า Earnings before I tricked dumb analysts (แต่จริงๆ EBITDA ก็มีข้อเสียในแง่อื่นด้วย ดูประกอบไปทั้งสองอย่างนั้นแหละชัวร์กว่า)

นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งด้วยที่ทำให้ผมสนใจตัวเลขรายได้ในงบการเงินมากกว่าตัวเลขอื่นเพราะมันเป็นตัวเลขในบรรทัดเริ่มต้น (topline) ที่ยังไม่ได้ผ่านการถูกบิดเบือนโดยนโยบายบัญชีมากนัก ยิ่งตัวเลขที่อยู่ต่ำลงมาในงบการเงินเท่าไรมันก็ยิ่งถูกบิดเบือนได้ง่ายด้วยนโยบายทางบัญชีต่างๆ กำไรสุทธิที่เราสนใจกันมากที่สุดนั้นอยู่ในบรรทัดสุดท้าย (bottom line) ของงบการเงินเลย จึงไม่รู้ว่าตลอดทางที่ผ่านมาในแต่ละบรรทัดมันถูกบิดเบือนโดยตัวเลขในบรรทัดบนๆ ไปมากขนาดไหนแล้ว

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2011 10:02 am
โดย chatchai
ผมคิดว่า ในส่วนการดูแต่ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน เลย อาจจะหยาบเกินไป

เราควรจะวิเคราะห์ก่อนว่า

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นบวก บวกจากอะไร มาจากการดำเนินงานหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะมีการยืดหนี้เจ้าหนี้การค้า

และถ้าเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นลบ ก็ควรจะดูว่า ลบจากอะไร จากการดำเนินงาน หรือว่ามีการลงทุนในสินค้าคงคลังและลูกหนี้การค้ามากขึ้นเพราะมีการขยายธุรกิจ

รวมทั้งพิจารณาว่า ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทเป็นบวกหรือลบนั้น เป็นเรื่องถาวรที่จะเกิดเป็นประจำ หรือว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว

แน่นอนว่า การดำเนินธุรกิจจริงๆแล้ว สินทรัพย์หมุนเวียนพวก ลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง และเจ้าหนี้การค้า คงไม่สม่ำเสมอ ย่อมมีบางไตรมาสที่กระโดดขึ้น หรือ กระโดดลง บ้างเป็นธรรมดา เราก็ต้องพยายามคำนวณหาตัวเลขที่เป็นกลางๆไว้

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2011 11:16 am
โดย viim
เห็นด้วยกับพี่ฉัตรชัยและคุณ Green ข้างต้น
เวลาผมดูงบกระแสเงินสด ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ที่มีผลการดำเนินงานดีจะมีงบกระแสเงินสดที่เป็นดังนี้
1. operating cash flow (OCF) ควรเป็นบวก (ใช้คำว่าควรหมายความว่ากิจการมีเงินสดเข้าบริษัทจากการดำเนินงานมากกว่าเงินสดออกไปหรือเงินสดจมอยู่ในสินค้าคงเหลือและเก็บเงินสดยังไม่ได้จากลูกหนี้การค้า แต่การค้างเจ้าหนี้การค้าก็อาจทำให้เงินส่วนนี้เป็นบวกได้ส่วนใหญ่ทำได้ถ้ามีอำนาจต่อรองสูงกว่าเจ้าหนี้ ต้องดูตรงนี้ด้วยว่าค้างเพราะไม่มีจ่ายหรือค้างเพราะว่าต้องการเก็บเงินสดไปทำอย่างอื่นที่ดีกว่า จริงๆจะจ่ายก็จ่ายได้แต่ไม่อยากจ่ายตอนนี้อะไรทำนองนี้)
2. investing cash flow อันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลบ เนื่องจากมีการจ่ายเงินออกเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่จะสร้างกำไรให้กับบริษัทได้ในอนาคตที่ดีกว่าการเก็บเงินสดไว้เฉยๆ อันนี้เราก็ต้องดูรายละเอียดด้วยว่าลงทุนทำอะไรที่ดีกับกิจการหรือป่าว คุณภาพหรือเหตุผลของการลงทุนมีผลดีกับกิจการที่จะเพิ่มกำไรและก่อให้เกิดกระแสเงินสดที่ดีขึ้นหรือไม่ ต้องดูด้วยความเข้าใจทุกรายการ รายการนี้บางครั้งก็อาจจะเป็นบวกได้ถ้ามีการขายสินทรัพย์ออกไป ซึ่งการขายสินทรัพย์ออกไปก็มีทั้งที่ดีและไม่ดี กล่าวคือ ถ้าดีหมายความว่าขายเพราะต้องการที่จะตัดกิจการที่ฉุดกำไรของบริษัทออกไป คือยิ่งเก็บไว้ยิ่งขาดทุนหรือไม่ก่อให้เกิดรายได้อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าขายเพราะต้องการเพิ่มสภาพคล่องทั้งๆที่สินทรัพย์นั้นยังทำเงินอยู่แต่ต้องขายเพราะไม่มีเงินหมุนเวียนแล้ว แบบนี้ไม่น่าจะดี เป็นต้น)
บางทีส่วนนี้ก็อาจจะมีการจ่ายออกไปเป็นค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรเพื่อให้คงความสามารถในการผลิตให้ดีอย่างเดิม อันนี้ก็ต้องดูด้วย
3. financing cash flow ส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับกรณีดังต่อไปนี้
3.1 เงินที่ไหลเข้า (+) มาจาก การเพิ่มทุน การกู้ยืม ออกหุ้นกู้ ฟังดูแล้วแต่ละอันความหมายเป็นไปในทางลบเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ต้องดูรายละเอียด เช่นบางครั้งเราอาจต้องการเงินทุนหมุนเวียนชั่วคราว ต้องไป OD มาเพราะยังเก็บเงินลูกค้าไม่ได้ และสินค้าคงเหลือก็มีเงินจมอยู่ อันนี้ถ้าเกิดต่อเนื่องนานๆไม่ได้ เกิดบางครั้งบางคราวอาจจะพอรับได้ เช่นช่วงที่กิจการมีการขยายตัว
3.2 เงินที่ไหลออก (-) เกิดจาก การจ่ายปันผลออกไปให้ผู้ถือหุ้น (อันนี้ดีแน่) การจ่ายคืนหนี้ (ดีเหมือนกัน) การซื้อหุ้นคืน (น่าจะดีนะเพราะเพิ่ม eps ได้) อะไรอีกล่ะ นึกไม่ออก

หลักๆคือ เราต้องเข้าใจทุกบรรทัดแหละครับ เพราะงบกระแสเงินสดก็เป็นการปรับเกณฑ์คงค้างในงบกำไรขาดทุนและงบดุลมาเป็นเกณฑ์เงินสด ซึ่งเป้าหมายในการดูคือ เงินไหลเข้า เงินไหลออก จากบริษัทนั่นแหละ ว่าไหลไปทางไหนมากกว่าและมันไหลแบบไม่มีคุณภาพหรือมีคุณภาพ สุดท้าย net cash (3.1+3.2+3.3) ควรจะเป็นบวกและการบวกควรจะบวกเนื่องจาก OCF เป็นหลักครับ ผมก็ยังไม่คล่องหรอก ฝึกไปเรื่อยๆ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2011 11:35 am
โดย viim
viim เขียน:ขอแก้ไขครับ net cash (1+2+3) ควรจะเป็นบวกและการบวกควรจะบวกเนื่องจาก OCF เป็นหลักครับ ผมก็ยังไม่คล่องหรอก ฝึกไปเรื่อยๆ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2011 2:43 pm
โดย K-invest
chatchai เขียน:ผมคิดว่า ในส่วนการดูแต่ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน เลย อาจจะหยาบเกินไป

เราควรจะวิเคราะห์ก่อนว่า

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นบวก บวกจากอะไร มาจากการดำเนินงานหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะมีการยืดหนี้เจ้าหนี้การค้า

และถ้าเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นลบ ก็ควรจะดูว่า ลบจากอะไร จากการดำเนินงาน หรือว่ามีการลงทุนในสินค้าคงคลังและลูกหนี้การค้ามากขึ้นเพราะมีการขยายธุรกิจ
รวมทั้งพิจารณาว่า ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทเป็นบวกหรือลบนั้น เป็นเรื่องถาวรที่จะเกิดเป็นประจำ หรือว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว

แน่นอนว่า การดำเนินธุรกิจจริงๆแล้ว สินทรัพย์หมุนเวียนพวก ลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง และเจ้าหนี้การค้า คงไม่สม่ำเสมอ ย่อมมีบางไตรมาสที่กระโดดขึ้น หรือ กระโดดลง บ้างเป็นธรรมดา เราก็ต้องพยายามคำนวณหาตัวเลขที่เป็นกลางๆไว้
ส่วนนี้จะหาได้จากที่ไหน บริษัทจะอธิบายไว้ในงบฯ หรือต้องโทร.สอบถามที่บริษัท ครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2011 2:54 pm
โดย viหัดคลาน
+1 พี่ฉัตร
คนส่วนใหญ่อาจจะดูงบเป็น แต่มักไม่ค่อยตามว่าบวกจากอะไร ลบจากอะไร เป็นปัญหาชั่วคราว หรือถาวร บางทีกำไรโผล่พรวดขึ้นมา ก็รีบแห่ตามกันใหญ่ทั้งที่มันอาจเกิดเพียงแค่ไตรมาสเดียว ดังนั้นไม่ว่าบวกหรือลบ หรืองบอะไรก็ตาม ถ้าสังเกตแล้วหาที่มาให้เจอ น้องๆทุกคนจะปลอดภัยจากการลงทุนและไม่ใช่การเก็งกำไรอย่างแน่นอน

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2011 10:08 pm
โดย chatchai
K-invest เขียน:
chatchai เขียน:ผมคิดว่า ในส่วนการดูแต่ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน เลย อาจจะหยาบเกินไป

เราควรจะวิเคราะห์ก่อนว่า

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นบวก บวกจากอะไร มาจากการดำเนินงานหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะมีการยืดหนี้เจ้าหนี้การค้า

และถ้าเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นลบ ก็ควรจะดูว่า ลบจากอะไร จากการดำเนินงาน หรือว่ามีการลงทุนในสินค้าคงคลังและลูกหนี้การค้ามากขึ้นเพราะมีการขยายธุรกิจ
รวมทั้งพิจารณาว่า ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทเป็นบวกหรือลบนั้น เป็นเรื่องถาวรที่จะเกิดเป็นประจำ หรือว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว

แน่นอนว่า การดำเนินธุรกิจจริงๆแล้ว สินทรัพย์หมุนเวียนพวก ลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง และเจ้าหนี้การค้า คงไม่สม่ำเสมอ ย่อมมีบางไตรมาสที่กระโดดขึ้น หรือ กระโดดลง บ้างเป็นธรรมดา เราก็ต้องพยายามคำนวณหาตัวเลขที่เป็นกลางๆไว้
ส่วนนี้จะหาได้จากที่ไหน บริษัทจะอธิบายไว้ในงบฯ หรือต้องโทร.สอบถามที่บริษัท ครับ
ถ้าเราวิเคราะห์งบย้อนหลังหลายๆปี เราก็จะได้ค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการเก็บเงินจากลูกค้า ระยะเวลาในการเก็บสินค้าคงคลัง ระยะเวลาในการชำระหนี้

ถ้าเราคำนวณระยะเวลาในงบการเงินล่าสุดแล้ว แตกต่างจากค่าเฉลี่ยมากๆ ก็น่าจะเป็นเหตุการณ์เฉพาะ แต่ถ้าแน่ใจก็ควรจะลองสอบถามถึงสาเหตุจากทางผู้บริหารของบริษัทครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 9:01 am
โดย K-invest
ขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 23, 2012 5:37 pm
โดย Financeseed
ขอบคุณครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 26, 2012 6:33 am
โดย BIRDeyeView
เป็นบทความ(จากคห.) ที่ดีครับ ได้เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 28, 2012 4:38 pm
โดย tatteerapong
ได้ความรู้เพิ่มครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 28, 2012 8:52 pm
โดย pat4310
ดูตรงบรทัดแรกๆจะบอกว่าบริษัทมีกำไรพิเศษอะไรบ้างเช่น ขายสินทรัพย์ถาวร ฯลฯ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 30, 2012 12:44 am
โดย Broadway Capital
ขอถามครับ เคยดูงบกระแสเงินสดย้อนหลังของ synex (2008-2011) และเห็นว่า q1-q3 operating cf จะเป็นลบ แต่พอ q4 ก็จะเป็นบวกครับ

เข้าใจว่าเป็นเพราะลูกหนี้การค้าเยอะ ทำให้operating cf เป็นลบ แต่ทำไมถึงต้องเป็น q4 ครับ

ขอบคุณครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 31, 2012 12:01 pm
โดย maymekung
เห็นภาพาขึ้นเยอะเลย ขอบคุณครับ :)

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 31, 2012 4:20 pm
โดย Pu
ก่อนจะดูงบกระแสเงินสด ควรจะต้องทำความเข้าใจกับ cash Cycle ของประเภทธุรกิจที่คุณกำลังจะดูก่อนครับ

อาจจะหา industry leader (แล้วแต่ว่าในหรือต่างประเทศ) แล้วเอา financial number/ratio มาเป็น benchmark มาเทียบดูกับตัวที่เราอยากจะดูครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 31, 2012 5:39 pm
โดย rayvi
รู้จักธุรกิจ รู้จักช่วงชีวิต แล้วรู้ว่าธุรกิจแบบนี้ ช่วงชีวิตแบบนี้ ควรมีรูปแบบกระแสเงินสดอย่างไร

ตัวนึงอย่าง financing non-bank กู้เงินมาปล่อย CFO มักติดลบ ถ้ายึดว่า CFO ติดลบไม่ดี ตัวนี้อาจไม่ใช่
(คู่กันด้วย CFF จะติดบวกตลอดถ้าพอร์ตโตขึ้น)
ต้องดูเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์จะเห็นชัดขึ้น เพราะบริษัทแบบนี้เงินคือสินค้า

อะไรประมาณนั้น

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 31, 2012 7:55 pm
โดย chatchai
ลองอ่านกระทู้นี้ อาจจะได้ประโยชน์บ้าง

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=1096

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 02, 2012 4:41 pm
โดย แตงอ่อน
ขอเก็บเอาไว้อ่านนะครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 05, 2012 12:24 pm
โดย maymekung
ได้ความรู้มากเลยครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 05, 2012 1:26 pm
โดย Jangster
ส่วนใหญ่ผมให้ความสำคัญกับ Cash Flow From Operation (CFO) มากกว่าส่วนอื่นเหมือนกันครับ แต่ทั้งนี้ต้องดูเรื่อง non-cash charge ให้ดีๆด้วยนะครับ แต่ส่วนมากบริษัทก็จะบวกกลับ หรือ หักเพิ่ม สำหรับส่วนนี้อยู่แล้วครับ.....

ส่วนนึงผมพิจารณามากคือ Operating Working Capital (OWC) ครับ... บางคนคิดว่า Operating Cash Flow ติดลบจะไม่ดี.... แต่หากบริษัทอยู่ในช่วง high growth มันทำให้มี OWC ที่โตขึ้นมากครับ ซึ่งจะเป็นตัวลบใน CFO หากบริษัทมี cash cycle days เป็นบวก (ถึงแม้จะเท่าเดิม) และ gross margin ไม่ได้สูงมากนัก

ทั้งนี้พอบริษัทเริ่มทะยานขึ้นแล้ว growth เริ่มน้อยลง บริษัทก็จะสร้าง CFO มากมายจากการปลดปล่อย OWC ครับ

ปล. มุมมองจาก financial modeler ต่ำต้อยครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 05, 2012 4:10 pm
โดย viim
ผมว่าก่อนอื่นเลยเราต้องมีรูปแบบอยู่ในใจก่อนว่าธรรมชาติของธุรกิจที่เราสนใจควรจะมี cash flow แบบไหนจึงจะเรียกว่าสุดยอด ดีมาก ดีปานกลาง และอันตราย ครับ และอาจจะต้องดูประกอบกันหลายไตรมาส หลายปี เพราะถ้าดูปีเดียวอาจจะเจอภาพหลอกได้

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 23, 2012 12:30 pm
โดย tingun
chatchai เขียน:ผมคิดว่า ในส่วนการดูแต่ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน เลย อาจจะหยาบเกินไป

เราควรจะวิเคราะห์ก่อนว่า

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นบวก บวกจากอะไร มาจากการดำเนินงานหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะมีการยืดหนี้เจ้าหนี้การค้า

และถ้าเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นลบ ก็ควรจะดูว่า ลบจากอะไร จากการดำเนินงาน หรือว่ามีการลงทุนในสินค้าคงคลังและลูกหนี้การค้ามากขึ้นเพราะมีการขยายธุรกิจ

รวมทั้งพิจารณาว่า ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทเป็นบวกหรือลบนั้น เป็นเรื่องถาวรที่จะเกิดเป็นประจำ หรือว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว

แน่นอนว่า การดำเนินธุรกิจจริงๆแล้ว สินทรัพย์หมุนเวียนพวก ลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง และเจ้าหนี้การค้า คงไม่สม่ำเสมอ ย่อมมีบางไตรมาสที่กระโดดขึ้น หรือ กระโดดลง บ้างเป็นธรรมดา เราก็ต้องพยายามคำนวณหาตัวเลขที่เป็นกลางๆไว้
ช่วงนี้งบการเงินของบริษัทต่างๆ เริ่มออกมาแล้ว
อยากถามพี่ฉัตรเกี่ยวกับการดูงบกระแสเงินสดหน่อยครับ

1 .ในการดูกระแสเงินสดที่บริษัททำได้จริงๆ
พี่ฉัตรจะดูที่ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินและหนี้สินหมุนเวียน
หรือ ดูที่บรรทัดกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิ มันขึ้นกับเงื่อนไขอะไรบ้างครับ

2.ปกติพวก การเปลี่ยนแปลงของ ลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง เจ้าหนี้การค้า แต่ละงวดนั้น มันไม่แน่นอน
บางทีบริษัทมีกระแสเงินสดก่อนการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินและหนี้สินหมุนเวียนดีมาก แต่พอลงมาบรรทัด
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิ กลับเหลือน้อยหรือติดลบไปเลย ซึ่งก็เกิดจากมีการเพิ่มขึ้นของ
ลูกหนี้ สินค้าคงเหลือมาก หรือ เจ้าหนี้การค้าลดลง ถ้าเจอแบบนี้พี่ฉัตรจะดูไปที่อะไรต่อในการดูว่า มันเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวหรือถาวร

อย่างกรณี Roynet ถ้าดูงบกระแสเงินสดลูกหนี้การค้าเพิ่มเยอะมากทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิติดลบหรือเหลือน้อยมากและก็แย่ไปเลย
แต่อีกหลายๆบริษัทก็ไม่ใช่แบบนี้ คือ กระแสเงินสดจากกการดำเนินงานสุทธิติดลบแค่ชั่วคราว แล้วก็ฟื้นได้
อย่างเช่น SINGER

3. ที่พี่ฉัตรบอกว่า สินทรัพย์หมุนเวียนพวก ลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง และเจ้าหนี้การค้า คงไม่สม่ำเสมอ ย่อมมีบางไตรมาสที่กระโดดขึ้น หรือ กระโดดลง บ้างเป็นธรรมดา เราก็ต้องพยายามคำนวณหาตัวเลขที่เป็นกลางๆไว้ ตัวเลขกลางๆที่ว่ามันคำนวณยังไงเหรอครับ

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 23, 2012 2:04 pm
โดย nut776
งบกระแสเงินสดไม่ได้ดูง่ายแค่นั้นนะคับ
เหมือนงบอื่นแหละ ที่ต้องดูความสัมพันธ์ กับงบอื่น
หรือสร้าง ratio เองตามแต่ละธุรกิจ

อย่าลืมว่า roy net ก่อนเน่า ถ้าจำไม่ผิด ocf เป็นบวก นะคับ แต่ไม่มาก
ดังนั้นการเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจ และผ่านการดูหลายๆตัวในอุตสาหกรรม
น่าจะดีกว่า

Re: เวลาดูงบกระแสเงินสด ควรเน้นดูตรงไหน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 23, 2012 2:19 pm
โดย nut776
ใช่คับเร ่อง roy net นื่แหละที่เราต้องสร้างหรือดูเรโชเอง
ซึ่งเคสนี้จะเห็นว่าลูกหนี้ ต่อ ebit มีสัดส่วนสูงคับ