Thai VI

ช่วงนี้มีแต่ข่าวร้าย ถึงเวลาซื้อหุุ้นรึยัง พอดีได้เงินมาก้อนหนึ่งครับ

ผมว่าควรดูที่ตัวบริษัทเป็นหลักครับ หากเจอบริษัทที่แม้ว่าตลาดโดยรวมจะลงไปกว่านี้ เราก็ยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนในระดับที่พอใจ เป็นผม ผมก็ซื้อในเวลานี้ครับ

ผมเริ่มขายทองไปซื้อหุ้นแล้วครับ หุ้น forward P/E 5 เท่าเริ่มโผล่มาให้เห็นแล้ว
แต่ลงทุนอย่างมีสตินะครับ พึงระลึกเสมอว่า

เรารวยขึ้นอีก 2 เท่า ชีวิตเราไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ กินเหมือนเดิม รถคันเดิม บ้านก็หลังเดิม
แต่ถ้าเงินเราหายไปครึ่ง ชีวิตเปลี่ยนเลยนะครับ

ดังนั้น ค่อยๆซื้อ พิจารณาดีๆ อย่าเสี่ยงเกินไปนัก ลงทุนในกรอบความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้

( ตบย่อหน้ากลางมาจาก Yoyo ขอให้เครดิตไว้ ณ ที่นี้)

Oh ... "รวยขึ้น 2 เท่า ไม่ได้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนเท่าไหร่
แต่......จนลงครึ่งหนึง...ชีวิตเปลี่ยนไปมากกว่า"

ถ้างั้น เดินหน้า สองก้าว ถอนหลัง หนึ่งก้าว
ไปเรื่อยๆ ช้าหน่อยแต่ยังไงก็ถึง น่าจะเป็นการเตือนตัวเองได้ดีนะครับ

น่าคิดครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากๆครับ คำแนะนำพร้อมนำไปวิเคราะห์ต่อครับ

ยังไม่ถึงเวลาครับ

เวลาที่เหมาะ คือ มีแต่ข่าวดีแต่หุ้นก็ยังลง

airazoc เขียน:ผมเริ่มขายทองไปซื้อหุ้นแล้วครับ หุ้น forward P/E 5 เท่าเริ่มโผล่มาให้เห็นแล้ว
แต่ลงทุนอย่างมีสตินะครับ พึงระลึกเสมอว่า

เรารวยขึ้นอีก 2 เท่า ชีวิตเราไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ กินเหมือนเดิม รถคันเดิม บ้านก็หลังเดิม
แต่ถ้าเงินเราหายไปครึ่ง ชีวิตเปลี่ยนเลยนะครับ

ดังนั้น ค่อยๆซื้อ พิจารณาดีๆ อย่าเสี่ยงเกินไปนัก ลงทุนในกรอบความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้

( ตบย่อหน้ากลางมาจาก Yoyo ขอให้เครดิตไว้ ณ ที่นี้)

ทำยังไงไม่ว่าจะรวยหรือจนกว่าเดิมก็ใช้ชีวิตได้มีความสุขเหมือนเดิมหนอ?

ผมว่าการเป็นนักลงทุนที่ดี ไม่ใช่นักลงทุนประเภท risk aversion แต่น่าจะเป็น risk neutral มากกว่า เพราะ เป็นคนที่ให้น้ำหนักกับ risk/reward อย่างตรงไปตรงมาไม่มี bias

แต่ตามปกติ โดยทั่วไป คนส่วนใหญ่จะ risk averse มากกว่า

Risk neutral

+1

ต้องมีข่าวร้ายแล้วคนไม่อยากซื้อหุ้น นะผมว่าถึงน่าซื้อ

ต้องย้อนเวลาไปแถวปลายปี 08 ต้นปี 09 สถานะการตอนนั้นใครจำอะไรได้บ้างล่ะครับ
มีข่าวอะไร ใครพูดว่าอะไรกัน ตอนน้้น

ผมว่ายัง ยังไม่ถึงเวลา

ให้ mos มันมากกว่านี้อีกซักพัก ไม่นานเกินรอ ...

airazoc เขียน:ผมเริ่มขายทองไปซื้อหุ้นแล้วครับ หุ้น forward P/E 5 เท่าเริ่มโผล่มาให้เห็นแล้ว
แต่ลงทุนอย่างมีสตินะครับ พึงระลึกเสมอว่า

เรารวยขึ้นอีก 2 เท่า ชีวิตเราไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ กินเหมือนเดิม รถคันเดิม บ้านก็หลังเดิม
แต่ถ้าเงินเราหายไปครึ่ง ชีวิตเปลี่ยนเลยนะครับ

ดังนั้น ค่อยๆซื้อ พิจารณาดีๆ อย่าเสี่ยงเกินไปนัก ลงทุนในกรอบความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้

( ตบย่อหน้ากลางมาจาก Yoyo ขอให้เครดิตไว้ ณ ที่นี้)

โพสต์ได้หล่อจริงๆครับ

แนะนำว่าถ้ามีหุ้นที่หมายตาไว้ แล้วถึงราคาที่เล็งไว้ก็ทะยอยซื้อได้เลยครับ ต้องทำใจเผื่อด้วยนะครับ

แต่ถ้ายังไม่สบายใจก็เอามือซุกกระเป๋าไว้ก่อนครับ

รอตลาดเงียบครับ ชอบไปช๊อบเวลาคนน้อยๆ

มันยังไม่ถูกนะครับถึงมันจะลง หลายดีๆหลายตัวยังแพงอยู่เลย

harikung เขียน:มันยังไม่ถูกนะครับถึงมันจะลง หลายดีๆหลายตัวยังแพงอยู่เลย

+1 ครับ ไปเดินตลาดยามไม่มีคน เนี่ยเลือกได้แต่ของดีๆๆใช่ไหมครับเฮีย

picatos เขียน: ทำยังไงไม่ว่าจะรวยหรือจนกว่าเดิมก็ใช้ชีวิตได้มีความสุขเหมือนเดิมหนอ?

ผมว่าการเป็นนักลงทุนที่ดี ไม่ใช่นักลงทุนประเภท risk aversion แต่น่าจะเป็น risk neutral มากกว่า เพราะ เป็นคนที่ให้น้ำหนักกับ risk/reward อย่างตรงไปตรงมาไม่มี bias

แต่ตามปกติ โดยทั่วไป คนส่วนใหญ่จะ risk averse มากกว่า

risk neutral คือ เรามองแต่ผลตอบแทน โดย ignore ความเสี่ยงนะครับ (neutral กับ risk ไงครับ เลยมองแต่ผลตอบแทน ) ผมว่าคนส่วนใหญ่เป็นแบบนี้มากกว่า

คนที่ คำนึงถึง risk reward ต้อง justified นี่คือพวก risk averse ครับพี่ โต็ส

airazoc เขียน:
เรารวยขึ้นอีก 2 เท่า ชีวิตเราไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ กินเหมือนเดิม รถคันเดิม บ้านก็หลังเดิม
แต่ถ้าเงินเราหายไปครึ่ง ชีวิตเปลี่ยนเลยนะครับ

ชอบมากเลยครับ

ขอบคุณมากมากครับ ข้อมูลมีประโยชน์ทั้งนั้นสำหรับกระทู้แรกในชีวิตของผม

VI Wannabe เขียน:

picatos เขียน: ทำยังไงไม่ว่าจะรวยหรือจนกว่าเดิมก็ใช้ชีวิตได้มีความสุขเหมือนเดิมหนอ?

ผมว่าการเป็นนักลงทุนที่ดี ไม่ใช่นักลงทุนประเภท risk aversion แต่น่าจะเป็น risk neutral มากกว่า เพราะ เป็นคนที่ให้น้ำหนักกับ risk/reward อย่างตรงไปตรงมาไม่มี bias

แต่ตามปกติ โดยทั่วไป คนส่วนใหญ่จะ risk averse มากกว่า

risk neutral คือ เรามองแต่ผลตอบแทน โดย ignore ความเสี่ยงนะครับ (neutral กับ risk ไงครับ เลยมองแต่ผลตอบแทน ) ผมว่าคนส่วนใหญ่เป็นแบบนี้มากกว่า

คนที่ คำนึงถึง risk reward ต้อง justified นี่คือพวก risk averse ครับพี่ โต็ส

airazoc เขียน:
เรารวยขึ้นอีก 2 เท่า ชีวิตเราไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ กินเหมือนเดิม รถคันเดิม บ้านก็หลังเดิม
แต่ถ้าเงินเราหายไปครึ่ง ชีวิตเปลี่ยนเลยนะครับ

ชอบมากเลยครับ

http://en.m.wikipedia.org/wiki/Risk_neutral
ผมเข้าใจตามนี้อ่ะครับ เข้าใจว่า risk neutral เป็นตรงกลางระหว่าง risk averse และ risk seeking (lover) ไม่แน่ใจว่าถูกรึเปล่า รบกวนพี่ vi wannabe ช่วยแนะนำ reference definition ของพี่ได้ไหมครับ?

เพิ่มนิดละกัน เท่าที่ผมเข้าใจ คนที่ risk preference เป็น risk neutral นี่ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่สนใจความเสี่ยงนะครับ ยังสนใจอยู่ แต่คนประเภทนี้ utility function ใน term ของความเสี่ยงเป็นค่าคงที่ ความสุขที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงของการได้หรือเสียเงินมีค่าเท่าๆ กัน เป็น constant marginal utility

ในขณะที่ risk averser จะเป็น diminishing marginal utility ส่วน risk lover จะเป็น increasing marginal utility

คนส่วนใหญ่มักจะเป็น risk averser ซึ่งผมมองว่าการจะเป็นนักลงทุนที่ดีควรที่จะพัฒนาตัวเองให้มองความเสี่ยงตามความเป็นจริง จะได้จัดพอร์ตได้ optimize ที่สุด

ไม่ตกรถ ไม่เจ็บหนัก ที่ผมเข้าใจ

picatos เขียน: http://en.m.wikipedia.org/wiki/Risk_neutral
ผมเข้าใจตามนี้อ่ะครับ เข้าใจว่า risk neutral เป็นตรงกลางระหว่าง risk averse และ risk seeking (lover) ไม่แน่ใจว่าถูกรึเปล่า รบกวนพี่ vi wannabe ช่วยแนะนำ reference definition ของพี่ได้ไหมครับ?

เราอาจจะตีความไม่เหมือนกันก็ได้ครับ พีโต๊ส ต่อ ให้ link เดียวกันนี้แหละ

If offered either €50 or a 50% chance of each of €100 and nothing, a risk neutral person would have no preference between the two options.

ถ้าเป็น risk neutral สอง choice นี้เหมือน กันครับ Expected value ได้ €50 เท่ากัน (ไม่สนความเสี่ยง)
ถ้าเป็น risk averse น้อยๆ เลือก €50 หรือ €40 ชัวๆดีกว่าไม่มีความเสี่ยง
ถ้าเป็น risk averse มากๆ เอา €10 ก็ได้วะ ขอให้ไม่เสี่ยงถึงแม้อีก choice มีโอกาสได้ 100 (แต่ก็มีโอกาสได้ 0)

ไม่มีสาระหรอกครับพี่