Thai VI

วิกฤตครั้งนี้มาค่อนข้างเร็ว เมื่อเทียบกับวิกฤตครั้งก่อนๆที่จะทิ้งระยะห่างพอสมควร แต่ครั้งนี้ไม่กี่ปีก็มีวิกฤตอีกแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องปกติในโลกการลงทุนยุคใหม่ และก็อาจจะเป็นเพราะการแก้ไขวิกฤตครั้งก่อนไม่แก้ไขแบบเบ็ดเสร็จ ปัญหาต่างๆก็ยังไม่หมดไป เพยงแค่รอวันจะปะทุขึ้นมาใหม่

แต่ก็เป็นบททดสอบจิตใจสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ๆได้เป็นอย่างดีว่า เราจะยังคงลงทุนแนว VI ต่อไปไหม และสำหรับคนที่คิดจะลงทุนอย่างเดียวเลย ก็จะได้รับรู้ว่าตัวเองจะรับความเครียดไหวไหม

ผมก็อยากให้กำลังใจแก่นักลงทุนทั้งหลายว่า วิกฤตครั้งนี้อาจจะไม่หนักหนาสาหัสมากนัก เมื่อเทียบกับวิกฤตปี 40 เนื่องจากปัญหาหลักๆอยู่ที่ฝั่งตะวันตก และฐานะทางการเงินของประเทศ รัฐบาล บริษัทจดทะเบียนยังคงมั่นคง ถ้าเราเลือกที่จะถือครองหุ้นฝ่าวิกฤต ก็เลือกบริษัทที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เกี่ยวพันกับการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก และทำใจที่จะถือครองไปนานๆเป็นปีๆขึ้นไป

มีสติและมั่นคงนะครับ

ไม่เท่าไรครับ แต่เปิดคอมทีไร ใจสั้น เห็นเลือดเต็มจอ อยากจะกร๊๊ดดดด

ขอบคุณครับพี่ chatchai
ผมยังรอคอยโอกาสในวิกฤตอยู่ครับ

ปรับพอร์ตไม่ทันเลยครับ มาตอนลุ้นงบด้วย แสบจริงๆ

ทบทวนความรู้....มีสติ...ทบทวนความรู้....มีสติ...ถ้าทุกอย่างอยู่ในพื้นฐาน หนักหนัก ไม่ไหวเอน (ผมก็มือใหม่บอกกับตัวเองเหมือนกันครับ) แล้วเราจะผ่านมันไปได้ครับ...

สำหรับผมที่เป็นมือใหม่ ทำให้ผมเรียนรู้อะไรหลายอย่างครับ ไม่ว่าตลาดลงครั้งนี้จะเป็นแค่panic sell ชั่วคราว หรือจะเป็นวิกฤตแรงระดับsubprime ได้รู้ว่าเวลาหุ้นถ้ามันจะลง มันลงได้แรงเหลือเกิน และหวังว่าสิ่งที่ผมได้เรียนรู้นี้จะทำให้ผมมีประสบการณ์มากขึ้น เก่งขึ้นครับ

ปล.ผมอาจจะโชคดีที่ยังไม่ได้ขาดทุนเพราะล้างพอร์ตไปส่วนนึงช่วงหลังเลือกตั้ง และวันนี้พึ่งเปลี่ยนมาถือเงินสด100%ครับ แอบหวังว่าจะมีโอกาสแบบช่วงsubprimeอีกสักครั้ง

ปอดเขียวๆ กลายเป็นแดงซะงั้น
ไม่ขายครับ รับเพิ่มอย่างเดียวจนนิ้วขาดหมด
สงสัยต้องกลับไปปั้มเงินมาสู้ใหม่สะแล้ว

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ

วิกฤตบางครั้งก็มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวนะครับ ดังนั้นการลงทุนควรที่จะลงทุนด้วยความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา เปรียบเสมือนการเดินเข้าไปในป่าดงดิบ ที่ต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลา

อ่อ ขอเล่าเรื่องใกล้ตัวผมนิดนึงครับ พอดีที่บ้านผมทำธุรกิจผลิตเสื้อผ้าส่งออกไปอเมกาและยุโรป ซึ่งในช่วง3-4เดือนที่ผ่านมาforecast orderเริ่มหดหายลงไปครับ น่าจะประมาณ20-30%ได้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าพอจะเป็นสัญญาณบ่งบอกสถานการณ์ปัจจุบันได้มั้ย

อดทนมาตั้งแต่วัีนศุกร์ที่แล้วครับ

ตอนนี้ยอมรับว่าเกินที่จะรับ
เพราะขาดทุนกำไรไปกว่า 50%

ถือโอกาสล้างพอร์ตแล้วครับ
เหลือกำไรเท่าไรเอาหมด ขายไม่สนราคา Bid

เอานกในกำมือที่เหลือไว้ก่อน

ท่องอยู่คำเดียวครับ ว่าต้อง "อึด"

สู้ใหม่ได้เสมอ แต่ต้องมีความพร้อม ทั้งเงิน และความรู้จริง
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ

ขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากครับ อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยครับ

ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่ดีมากๆทีเดียวครับ ว่าเรื่องของส่วนเผื่อความปลอดภัยในการลงทุน เเละการให้ความสำคัญในการรปกป้องเงินต้นด้วยนั้น มีความสำคัญมากเพียงใด เพราะวิกฤตินั้นมักจะมาในช่วงที่เราไม่รู้ตัวเสมอ เเละ มาในหลากหลายรูปเเบบซึ่งยากที่จะคาดเดาจริงๆครับ ดังนั้นเรานักลงทุนก็ควรจะลงทุนอย่างระมัดระวังอยู่เสมอ

ยังไงขอบคุณพี่ ฉัตรชัยมากครับ สำหรับข้อคิดดีๆที่มีให้เสมอมาครับ เเละขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆนักลงทุนทุกท่านนะครับ

chatchai เขียน: ผมก็อยากให้กำลังใจแก่นักลงทุนทั้งหลายว่า วิกฤตครั้งนี้อาจจะไม่หนักหนาสาหัสมากนัก เมื่อเทียบกับวิกฤตปี 40 เนื่องจากปัญหาหลักๆอยู่ที่ฝั่งตะวันตก และฐานะทางการเงินของประเทศ รัฐบาล บริษัทจดทะเบียนยังคงมั่นคง ถ้าเราเลือกที่จะถือครองหุ้นฝ่าวิกฤต ก็เลือกบริษัทที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เกี่ยวพันกับการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก และทำใจที่จะถือครองไปนานๆเป็นปีๆขึ้นไป
มีสติและมั่นคงนะครับ

ขอบคุณพี่ฉัตรชัยครับ..
เรือที่เดินทางอยู่กลางทะเลย่อมต้องโดนมรสุม..แต่ถ้าเราพอที่จะคาด
คะเนทิศทางลมคลื่นฝนพายุ..เราก็ควรตั้งหัวเรือให้เจอพายุและมรสุมให้
น้อยที่สุด..เพื่อป้องกันความเสียหาย..

ขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากๆเลยครับ ที่เตือนสติ

ขอบคุณครับที่เตือนสติมือใหม่ สูดหายใจให้ลึกเวลานี้เป็นเวลาซื้อไม่ใช่เวลาขาย
แต่ขอนึกก่อนว่าจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ

money management ครับ เวลาหุ้นขึ้นอย่าดูเพลิน

จะมีสังคมออนไลน์ไหน เตือนใครที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำด้วยความจริงใจอย่างนี้อีก

อยากจะบอกว่า ความรู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ของ THAIVI กลับมาแล้วครับ

อดทนไว้ อดทนไว้

ตั้งรับจนมือขาดไปเรียบร้อยแล้วครับ

ตั้งสติ อย่าหวั่นไหวไปกับนายตลาดมากนักนะครับ



บางครั้ง นายตลาด (Mr.Market) ก็จูงมือมาพร้อมกับ นายโอกาศ (Mr.Opportunity)
แต่นายโอกาศมักจะชอบหลบอยู่ด้านหลัง ถ้าเราสนใจแต่นายตลาดอย่างเดียว เราก็จะมองไม่เห็นนายโอกาศ



ทุกวิกฤต มีโอกาศ เสมอ สำหรับคนที่มองเห็น
ทบทวนการลงทุนของเราดีกว่าครับ

ตลาดลงแรงๆ หุ้นพื้นฐานดีหลายๆตัวก็หนีไม่พ้นโดนตลาดทาสีไปด้วย
หากใครถือหุ้น 100% ก็มีโอกาสสวิชตัวที่ลงน้อยๆ แล้วหาตัวที่ลงเยอะๆ ที่มี MOS และ Upside ที่สูงกว่า
ใครถืิอเงินสดก็มีโอกาสได้ช้อปของถูก เลือกตัวที่พื้นฐานไม่ถูกกระทบจากปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้น

แต่สำหรับหุ้นส่งออกบางตัวก็ไม่ได้ส่งไปยุโรปหรืออเมริกาอย่างมีนัยยะสำคัญ อาจจะแค่ 5-10% แต่เน้นส่งในแถบเอเชีย ซึ่งไม่ได้เป็นต้นตอของวิกฤตครั้งนี้ แต่หากราคาหุ้นเหล่านี้ลงอย่างมีนัยยะสำคัญก็อาจพิจารณาดูความเหมาะสมได้ครับ

ขอบคุณครับพี่

ขอบคุณมากครับพี่

ช่วงเวลานี้ ที่สำคัญที่สุดคือ สติ กะ สตางค์ ครับ หุหุ

ได้ทดสอบทั้งมือใหม่มือเก่า

ส่วนตัวเพิ่งเข้ามาในตลาดไม่นาน รู้สึกดีใจเหมือนกันครับ ที่ได้เจอวิกฤติเร็วๆ เพราะเชื่อว่า คนเราต้องมีประสบการณ์ที่มากพอ ที่จะประสบความสำเร็จได้

ส่วนตัว ถือเต็มพอร์ต 100% เลยครับ หวังว่าหลัก MOS ที่ผมพอจะศึกษาแบบงงๆ ถูๆไถๆ จะช่วยผมได้ครับ

CheNz เขียน:ตลาดลงแรงๆ หุ้นพื้นฐานดีหลายๆตัวก็หนีไม่พ้นโดนตลาดทาสีไปด้วย
หากใครถือหุ้น 100% ก็มีโอกาสสวิชตัวที่ลงน้อยๆ แล้วหาตัวที่ลงเยอะๆ ที่มี MOS และ Upside ที่สูงกว่า
ใครถืิอเงินสดก็มีโอกาสได้ช้อปของถูก เลือกตัวที่พื้นฐานไม่ถูกกระทบจากปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้น

แต่สำหรับหุ้นส่งออกบางตัวก็ไม่ได้ส่งไปยุโรปหรืออเมริกาอย่างมีนัยยะสำคัญ อาจจะแค่ 5-10% แต่เน้นส่งในแถบเอเชีย ซึ่งไม่ได้เป็นต้นตอของวิกฤตครั้งนี้ แต่หากราคาหุ้นเหล่านี้ลงอย่างมีนัยยะสำคัญก็อาจพิจารณาดูความเหมาะสมได้ครับ

เยี่บมครับมองออกและแยกแยะ เวลาตลาดลง สีเดียวที่มา คือ แดงครับ

ดีแค่ไหนก้แดง เพราะอารมณ์คนในตลาดมันกลัว จะดีแค่ไหนก้ไม่มอง

ต้องแยกกาก ออกจากเพชรครับ จึงจะได้เพชรแท้