Thai VI

หุ้นมีตั้งห้าหกร้อยตัว อยากทราบว่าพี่ๆเพื่อนๆและน้องๆ ผู้มีประสบการณ์ ใช้วิธีขุดค้นหาหุ้นกันอย่างไรครับ
เช่น 1 นั่งไล่อ่านงบ 56-1 ของหุ้นทุกตัว
2 อ่านข่าวสารต่างๆ แล้วไปสะดุดหุ้นตัวไหนแล้วจึงขุดลึกลงไปครับ
3 อ่านจากบทวิเคราะห์ของโบรกต่างๆ แล้วจึงขุด
4 นั่งนึกๆเอา ว่าอนาคตข้างหน้าธุรกิจประเภทไหนดีในช่วงนั้นๆ แล้วค่อยขุด
5 .....

ขอคำแนะนำสำหรับมือใหม่ด้วยครับ ขอบพระคุณอย่างสูง

ผมเองก้อไม่ได้มีประสบการมากมายนะครับ พึ่งลงทุนไม่นาน โดยตอนเริ่มต้นผมนั่งดูทุกตัวเลยครับ ดูเชิงปริมาณสแกนคร่าวๆว่ายอดขาย กำไร roe roa พวกนี้เท่าไร แล้วก้อจดเก็บไว้ อันไหนที่เรามองว่าไม่ค่่อยดี หรือ ดีไม่เท่าบริษัทอื่นในกลุ่มเดียวกันก้อตัดทิ้งไป จากนั้นผมก้อจะมาเลือกศึกษาทีละกลุ่มโดยจะเลือกที่ผมคิดว่าเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อนมากนัก ค่อยๆไล่อ่าน56-1ไปครับ แต่บางทีก้อมีบ้างที่อ่านเจอในข่าว หรือได้ยินคนคุยกันถึงหุ้นตัวนั้นตัวนี้ ก้อจะลองข้ามไปศึกษาดูซึ่งจะดีหรือไม่ดีก้ออีกเรื่องหนึ่งเพราะต่างคนต่างมุมมองครับ หุ้นหลายๆที่เซียนถือผมก้อจะลองอ่านศึกษานะครับ แต่ไม่รู้ทำไมคิดไม่ค่อยเหมือนเซียนเลย : )

อ่อ หลังจากอ่าน56-1แบ้ว ผมก้อจะมาไล่อ่านในร้อยคนร้อยหุ้นด้วยครับ ซึ่งจะช่วยทำให้เราเห็นhistoryของหุ้นตัวนั้นได้มากขึ้น แต่ต้องห้ามเคลิ้มนะครับเพราะหลายห้องค่อนข้างbiasทีเดียว มองหุ้นนั้นสวยงามไปหมด ต้องอ่านแล้วคิดตาม และวิเคราะเองไปด้วยดีๆครับ

หาอ่านข้อมูลในห้องร้อยคนร้อยหุ้น หาตัวที่อยู่ในหน้าแรก สนใจตัวไหนก็เอาเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มใน http://www.set.or.th ดูข้อมูลย้อนหลัง อ่านข้อมูลในห้องร้อยคนร้อยหุ้น อ่าน 56-1 ดูราคาย้อนหลัง หาจังหวะเข้าซื้อ

1คัดกรองจากอัตราส่วนแบบหยาบๆได้มาสัก40-50ตัว
2ได้ลิสต์มาก็ไปดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง เหลือที่น่าพอใจซัก20กว่าตัว
3พิจารณางบการเงิน ลักษณะของธุรกิจ ธรรมาภิบาล โครงสร้างเงินทุน
4หามูลค่าที่น่าจะแท้จริงจากการคิดลด

อันไหนผ่านด่านได้ครบสี่ก็เข้าFavourite
รอเวลาซื้อ

เริ่มจากกรองหุ้นด้วยอัตราส่วนทางการเงินก่อน

http://siamchart.com/stock/

แล้วก็ดูไปทีละตัวๆ

www.set.or.th

1. ดูภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม trend 1-3 ปี ขึ้นไปค่อนข้างปลอดภัย
2. list บริษัทที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมนั้น
3. กรั่นกรองบริษัท ที่น่าสนใจ โดยอาศัย งบการเงิน model ธุรกิจ และผู้บริหาร
4. ดูว่าราคาที่ซื้อแพงไปรึยังสำหรับมูลค่าที่เราประเมินได้


เบื้องต้นก็น่่าจะประมาณนี้ครับ

ของผมก็ใช้วิธีเดียวกันกับคุณjassmanครับ
ดูกลุ่มอุตสาหกรรมก่อน หรือ หาความรู้ไปเรื่อยๆก่อนว่า อนาคตข้างหน้าอุตสาหกรรมกลุ่มไหนน่าจะรุ่ง หรือหุ้นบางตัว ก็รู้จักโดยตรง โดยบังเอิญ เพราะถ้าเลือกจากผลประกอบการก่อน อาจจะไปเจอหุ้นวัฎจักรที่กำลังบูม แต่กำลังจะเปลี่ยนเป็นขาลงได้

อย่างบางตัวเรามองว่าน่าจะดี แต่พอรู้มากขึ้นก็กลายเป็นว่าไม่ดีก็มี เช่น กลุ่มแบงค์ก็ต้องระวังเรื่องหนี้สูญ (ตามที่อ.นิเวศน์สอน) หรือ
กลุ่มอสังหา (เพราะผมว่า ผมเข้าซื้อไม่ทันรอบของมันแล้ว และ แต่ละโครงการต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ทุกครั้งที่เริ่มโครงการใหม่ แล้วลุ้นว่าคนจองจะเต็มไหม เพราะเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยมีใครซื้อซํ้าบ่อยๆ เป็นต้น ผมเลยว่ามันเสี่ยง แต่รายตัวอาจจะมีที่มันยังดีๆอยู่นะครับ ทั้งทำเลดี แผนการตลาดดีและราคาหุ้นยังไม่แพง ก็ต้องตัดดสินกันเอาเอง)
อย่างสื่อสารก็มองว่าดี คนยังไม่เลิกดูทีวีไปอีกนาน ก็เลือกหุ้นกลุ่มนี้(ช่อง ทีวี)มาดูต่อ
ส่วนกลุ่มผลิตรายการป้อน ผมว่ามันเสี่ยง โอกาสผลิตรายการใหม่ๆแล้วโดนใจผู้บริโภคไปได้เรื่อยๆ มันยาก
กลุ่มมือถือผมก็ว่าดี ผมก็เลือกเอาตัวที่ดีที่สุด อะไรอย่างนี้ นี่แหละ
กลุ่มเพลง ผมไม่รู้จัก เพราะไม่รู้ว่าขายทางอินเตอร์เน็ตมันจะรุ่งหรือเปล่า ดาวเทียมผมก็ไม่เก่ง แถมซีดีละเมิดลิขสิทธิเองก็มีเยอะ ผมก็ไม่ยุ่งกับกลุ่มที่เราไม่ชำนาญ
กลุ่มสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ปะปา ผมว่ามันมั่นคง ไม่เจ๊ง ก็รับมาดูต่อ เป็นต้น

พอจะซื้อจริงต้องมาดูงบการเงินและราคาหุ้นว่าแพงไปหรือยัง และอื่นๆอีกมากมาย อีกทีหนึ่ง
วิธีคิดผม คร่าวๆก็อย่างนี้แหละครับ

ดูสินค้าและบริการมาเป็นอันดับแรกครับ

แล้วค่อยมาล้วงลับตับแตกทีหลังครับ

เพราะต่อให้อัตราส่วนต่างๆดีแค่ใหน ถ้าproduct ฝ่อก็จอดไม่ต้องแจวครับ

ดูเบิร์กไชของปู่บัฟ เป็นตัวอย่างครับ เรโชทุกอย่างดีหมด ยกเว้นสิ่งทอ

นี่ถ้าปู่ไม่ตัดจำหน่ายจักรเย็บผ้าออกไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ปัจจุบันมูลค่าเป็นศูนย์แล้วครับ

เพราะสู้พวก จีน เวียดนาม ปากีสถานไม่ได้

ขอเสริมวิธีที่พี่ๆน้องๆได้postไว้ด้านบนเพิ่มเติมครับ
เมื่อได้ list หุ้นมาจำนวนหนึ่งแล้ว
ขอเพิ่มตัวกรองชั้นท้ายๆที่ผมเองก็ใช้อยู่ในการตัดสินใจ

เข้าไปดู รายชื่อผู้บริหาร ซื้อ ขาย โอน หุ้น ครับ
ผู้บริหารยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งดีครับ
เพิ่มความมั่นใจได้ดีทีเดียว

ตอนนี้ผมเล่นจำลองอยู่ครับ ผมสนใจพวกอุตสาหกรรม เริ่มจากดูภาพรวมทั้งหมดก่อน โดยหาจากข่าวสารหรือผู้รู้ต่างๆ แล้ววิเคราะห์สถานะการปัจจุบันว่าอนาคตข้างหน้าธุรกิจประเภทไหนดีในช่วงเวลาไหน และ แล้วค่อยขุดต่อนะครับ...

... ถ้าเก่งแล้วค่อยเล่นจริงอีกทีครับ ^ ^

โดยส่วนตัวผมใช้วิธีดูภาพรวมของการทำธุรกิจ ว่ามีความโดดเด่นหรือเอกลักษณณ์ในสิ่งที่ทำอยู่หรือไม่ก่อนครับ เช่น สนใจ 7-11 จากการที่เห็นคนเข้าร้านมันบ่อยๆ ไปที่ไหนก็มี เลยมาดูหุ้นของมัน หรือว่า มองไปทางไหนเวลาเดินทางก็เห็น condo ผุดปุ๊บขายปั๊บ ก็เลยมาดูหุ้นอสังหาอะไรทำนองนี้หนะครับ จากนั้นค่อยดูความแข็งแกร่งทางการเงิน การบริหาร การตลาด สุดท้ายก็ดูราคาครับ

keroppi เขียน:โดยส่วนตัวผมใช้วิธีดูภาพรวมของการทำธุรกิจ ว่ามีความโดดเด่นหรือเอกลักษณณ์ในสิ่งที่ทำอยู่หรือไม่ก่อนครับ เช่น สนใจ 7-11 จากการที่เห็นคนเข้าร้านมันบ่อยๆ ไปที่ไหนก็มี เลยมาดูหุ้นของมัน หรือว่า มองไปทางไหนเวลาเดินทางก็เห็น condo ผุดปุ๊บขายปั๊บ ก็เลยมาดูหุ้นอสังหาอะไรทำนองนี้หนะครับ จากนั้นค่อยดูความแข็งแกร่งทางการเงิน การบริหาร การตลาด สุดท้ายก็ดูราคาครับ

อสังหาผมว่าไปต่อนะ เพียงแต่ผมว่ามันเป็นกลางดอยไม่ใช่ตีนดอย และก็ไม่รูว่ายอดดอยอยู่ที่ไหนด้วย ฟองสบู่อสังหาน่ะคงมีแล้ว เพราะ supply เริ่มมากกว่า demand เห็นสร้างกันจัง เดี๋ยวก็ผุดโครงการใหม่อีกแล้ว จะมีคนมาจองเต็มหรือครับ น่าห่วงเหมือนกัน ลงทุนโครงการเป็นพันล้านแสนล้าน ถ้าไม่มีคนมาซื้อบ้าน เงินก็จมแถมดอกเบี้ยแบงค์บานเพราะกู้แบงค์มาสร้างบ้าน(หรือเปล่าก็ไม่รู้) สุดท้ายในแง่ร้ายสุด ต้องเลหลังขายถูกๆ แล้วก็ขาดทุนไป

สำหรับมือใหม่ หุ้นอสังหาให้รู้ว่าเป็นหุ้นวัฎจักรนะคัรบ ถ้าไม่เชี่ยวชาญพอจะเสี่ยงมากในการลงทุน

navapon เขียน:

keroppi เขียน:โดยส่วนตัวผมใช้วิธีดูภาพรวมของการทำธุรกิจ ว่ามีความโดดเด่นหรือเอกลักษณณ์ในสิ่งที่ทำอยู่หรือไม่ก่อนครับ เช่น สนใจ 7-11 จากการที่เห็นคนเข้าร้านมันบ่อยๆ ไปที่ไหนก็มี เลยมาดูหุ้นของมัน หรือว่า มองไปทางไหนเวลาเดินทางก็เห็น condo ผุดปุ๊บขายปั๊บ ก็เลยมาดูหุ้นอสังหาอะไรทำนองนี้หนะครับ จากนั้นค่อยดูความแข็งแกร่งทางการเงิน การบริหาร การตลาด สุดท้ายก็ดูราคาครับ

อสังหาผมว่าไปต่อนะ เพียงแต่ผมว่ามันเป็นกลางดอยไม่ใช่ตีนดอย และก็ไม่รูว่ายอดดอยอยู่ที่ไหนด้วย ฟองสบู่อสังหาน่ะคงมีแล้ว เพราะ supply เริ่มมากกว่า demand เห็นสร้างกันจัง เดี๋ยวก็ผุดโครงการใหม่อีกแล้ว จะมีคนมาจองเต็มหรือครับ น่าห่วงเหมือนกัน ลงทุนโครงการเป็นพันล้านแสนล้าน ถ้าไม่มีคนมาซื้อบ้าน เงินก็จมแถมดอกเบี้ยแบงค์บานเพราะกู้แบงค์มาสร้างบ้าน(หรือเปล่าก็ไม่รู้) สุดท้ายในแง่ร้ายสุด ต้องเลหลังขายถูกๆ แล้วก็ขาดทุนไป

สำหรับมือใหม่ หุ้นอสังหาให้รู้ว่าเป็นหุ้นวัฎจักรนะคัรบ ถ้าไม่เชี่ยวชาญพอจะเสี่ยงมากในการลงทุน

คือ ผมไม่ได้แนะนำให้ดูหุ้นในกลุ่มอสังหาหรือดูหุ้น 7-11 นะครับ(อันนี้จะดูอะไรก็ขึ้นกับวิจรณญาณและการกลั่นกรองจากการสังเกตนะครับ) แต่ผมแค่ยกตัวอย่างวิธีการมองหาบริษัทเพื่อการลงทุนเท่านั้นครับ (ตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเป็นเพียงตัวอย่างเล่นๆครับ ขอโทษด้วยครับที่อาจทำให้เข้าใจผิด)

ของผมน่าจะต่างกับหลายๆคนในนี้นะ

วิธีการของผมง่ายมาก
อันดับแรกคือดูสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่เรารู้จัก ในชีวิตประจำวันนะแหละ
แล้วเรามีความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของมันมั้ย อยากมีบริษัทแบบนี้เป็นของตัวเองมั่งมั้ย สรุปคือมี passion หรือเปล่า
ถ้าสนใจแล้วค่อยเริ่มเจาะ 56-1 เพื่อศึกษา Qualitative จองมัน เช่น Bus Model, Barrier to entry, Intangible Asset & Brand
หลังจากนั้นค่อยมาเจาะลึกทาง Quantitative ไม่ว่าจะเป็น Financial Statement, Mkt Share, Growth

แต่บางทีเราอาจจะเจอหุ้นที่เราไม่เจอผลิตภัณฑ์หรือบริการของมันในชีวิตประจำวัน ก็สามารถทำแบบข้างต้นได้ เพียงแต่ว่าเราอาจจะต้องไปศึกษาทำความเข้าใจ ผลิตภัณฑ์ของมันให้เข้าใจก่อน เพราะเราไม่ได้คุ้นเคยกับมันในชีวิตประจำวันของเรา แล้วก็วนกลับไปทำกระบวนการข้างบนต่อไป

วิธีการของผมจะคล้ายๆกับคุณ aonzzung ครับ

ดูสินค้า/บริการในชีวิตประจำวัน [ รวมถึงอุตสาหกรรมที่คุ้นเคยจากการทำงาน ]
ว่าอันไหนน่าสนใจ/อยากเป็นเจ้าของ

จากนั้นอ่าน 56-1 , ค้นหาข้อมูลเพื่อดูแนวโน้มต่างๆของบริษัท
แล้วดูงบการเงินเพื่อประเมิณมูลค่าครัีบ

สำหรับผมไม่มีเกณฑ์ตายตัวครับ
สินค้าหรือบริการที่ผมเจอ
บางครั้งมันสะกิดให้ผมต้องไปเกาต่อ
บางครั้งข่าว หรือเรื่องราวจากที่ไหนก็ตามแต่
ก็สะกิดให้ผมเกาได้เหมือนกัน
ในขณะที่บางครั้งข่าวคราวของ vi คนดัง
ก็พาลให้ผมไปเกาต่อได้อีกเหมือนกัน
พูดง่ายๆ คือลอกการบ้าน
แต่จะหลับหูหลับตาลอกการบ้านเลยทันที
ก็ดูจะเกินไปสักหน่อย
เพราะเราไม่รู้เหตุผลจริงๆ ที่เขาสนใจ
และทุนที่เขาซื้อมา ดังนั้น mos จึงเป็นสิ่งจำเป็น
อันนี้ตัวใครตัวมัน ไม่อยากจะดราม่า
ก็ต้องรู้จักคิด...

ไม่ใช่ลอกการบ้าน แต่ไปตกสอบไล่
มันก็ไม่ถูก เราไม่เก่ง ก็ต้องยอมรับ
มีการบ้านดีๆ คนเก่งๆ ให้ดู ก็เรียนรู้ไว้ครับ
ว่าคนเก่งๆ เค้าทำยังไง คิดอะไร

นอกนั้นถ้าไม่มีอะไรมาสะกิดให้เกาเลย
ผมก็จะตามดูหุ้นเก่าๆ ที่ผมเคยเกาแล้ว
มาหามูลค่าอีกครั้ง เพราะบริษัทบางที
เรื่องราวมันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

เปิดเว็บ SETคลิคเข้าเว็บของบริษัทแล้วท่องอย่างกับ ไปเที่ยว Dreamworld
อิอิ

56-1 มันคืออะไรครับ มันอยู่ตรงไหน ช่วยแนะนำด้วยครับ

อีกวิธีนึง คือ ศึกษานักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett, Peter Lynch, Rakesh Jhunjhunwala, Seth Klarman แล้วลองมาประยุกต์กับตลาดบ้านเรา แล้วก็เริ่มศึกษาอย่างละเอียดอีกทีครับ : )

ผมคัดหุ้นทิ้งจาก D/E เป็นอย่างแรกครับ
ดังนั้นหุ้นที่เหลือจะต้องไม่มีหนี้มาก ตามด้วยดูรายได้และกำไรสุทธิย้อนหลังคร่าวๆ ก็คัดออกไปอีกกลุ่ม(วิธีนี้ไม่มีโอกาสได้หุ้น Turn around นะครับ เพราะพวกนั้นรายได้ย่อมไม่สม่ำเสมอเลยถูกตัดออก กลายเป็นไม่มีโอกาสถูกแจ๊กพอตไปด้วย เสียโอกาสไปด้วยเลย) แล้วตามด้วยดูโอกาสทางธุรกิจคัดที่เราเห็นว่าไม่ดีออกอีกทีครับ หากบ.มีหนี้พอประมาณค่อนมาแตกดูว่า เป็นหนี้มีดอกเบี้ยมากแค่ไหน ประมาณนี้ครับ

56-1 ให้ข้อมูลต่างๆของบริษัท ตั้งแต่ความเป็นมา ผู้บริหาร สินค้า ความเสี่ยง งบการเงิน รวมถึงทิศทางของบริษัท
สามารถหาได้จาก

1. เว็บตลาดหลักทรัพย์-http://www.set.or.th/set/companyprofile ... country=TH

2.เว็บ กลต http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... ntent_id=1

3.เว็บไซต์ของบริษัทนั้นๆ (ลองค้นหาจากกูเกิ้ลนะครับ)

ของผมแปลกกว่าคนอื่นเลยครับ

1.เริ่มดูจากประกาศงบไตรมาส
เอาง่ายๆ แบบ f45 นั่นแหละครับ
ไล่ดูมันทุกบริษัทเลย แล้วก็แบ่งเป็นหลายๆ กลุ่มตามผลกำไรหรือขาดทุน

2. จากนั้นก็มาดูตัวที่เราสนใจ ถูกใจตัวไหนก็ไปดูข่าว ดูงบย้อนหลัง
ในเวป set

3. ถ้าสนใจจริงๆ ก็ไปต่อที่ 56-1 และก็ข้อมูลเชิงลึก
ตบท้ายด้วย ร้อยคนร้อยหุ้นครับ

ผมวิเคราะห์งบการเงินไม่ค่อยเก่งครับ
อาศัยดูเชิง คุณภาพ สินค้า เศรษฐกิจ ผลกระทบ และก็ความเสี่ยง
ประมาณนั้นครับ ถ้าถูกใจก็ประมาณราคาที่เราเห็นว่าโอเค
แล้วก็ซื้อ หรือ รอซื้อไปครับ

แหวกแนวดีไหมครับ เหอๆ

56-1 บอกว่าธุรกิจทำอะไร ความเสี่ยงเป็นยังไง โครงสร้างรายได้เป็นยังไง ฐานะการเงินคร่าวๆเป็นยังไง

http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... ntent_id=1

----------------------------------------------------

งบการเงินย้อนหลัง
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... ntent_id=1

ใส่ชื่อหุ้นเอานะ

อ่านข่าว มีความรู้เรื่องสินค้านั้น การตลาด โครงการที่จะเกิดขึ้น รายได้เท่าไหร่ สม่ำเสมอไหม แล้วแนวโน้มเป็นยังไง

แล้วค่อยมาลงรายละเอียดงบการเงินปกติดีไหม มูลค่ากับราคาปัจจุบันแพงไปหรือเปล่า
งบที่ออกมาตามที่เราคาดเปล่า

มาดูเหมือนกันครับ ว่าเพื่อนๆ ดูอะไรกัน

บางทีผมก็ดูจาก top gainer กับ top loser ในแต่ละวันครับ

Jeng เขียน:มาดูเหมือนกันครับ ว่าเพื่อนๆ ดูอะไรกัน

แล้วพี่ jeng ละครับดูยังไง
ช่วยแนะแนวทางให้น้องๆ เป็นวิทยาทานหน่อยสิครับ

พี่เหรอ

ดู สรุปผลกำไร แต่ละไตรมาส ว่าบริษัทไหน เขาทำอะไรได้ดีในช่วงนี้ และมีแนวโน้มดีต่อไป

เหตุผลคือ กว่าบริษัทจะทำได้ดี ต้องสั่งสม อะไรมาตั้งมาก เช่น คน ประสบการณ์ เงินทุน เครดิต คู่แข่งน้อย เรียกว่า ฆ่าคู่แข่งตายไปเยอะแล้ว เป็นต้น

พอเขาทำได้ดี เราก็หุ้นด้วยเลย

สรุปผลกำไรดูจากไหน โบรกเกอร์ทำให้ครับ

http://kelive.kimeng.co.th/kelive/Uploa ... 11.xls.pdf

ของผมตอนแรกที่ศึกษาดูแต่งบการเงิน(เริ่มต้นมาจากการอ่านหนังสือวอเรนท์ บัฟเฟต์และการตีความงบการเงิน)
ต่อมาได้อ่านหนังสือของดร.นิเวศน์ เลยสนใจเกี่ยวกับตัวธุรกิจและอุตสาหกรรม
ศึกษามาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ให้ความสำคัญกับตัวผู้บริหารและภาวะตลาดโดยรวมครับ

Jeng เขียน:พี่เหรอ

ดู สรุปผลกำไร แต่ละไตรมาส ว่าบริษัทไหน เขาทำอะไรได้ดีในช่วงนี้ และมีแนวโน้มดีต่อไป

เหตุผลคือ กว่าบริษัทจะทำได้ดี ต้องสั่งสม อะไรมาตั้งมาก เช่น คน ประสบการณ์ เงินทุน เครดิต คู่แข่งน้อย เรียกว่า ฆ่าคู่แข่งตายไปเยอะแล้ว เป็นต้น

พอเขาทำได้ดี เราก็หุ้นด้วยเลย

สรุปผลกำไรดูจากไหน โบรกเกอร์ทำให้ครับ
http://kelive.kimeng.co.th/kelive/Uploa ... 11.xls.pdf

โห ผมพึึ่งรู้ว่ามีทำสำเร็จให้ดูแบบนี้ด้วย
ผมก็มานั่งจดทุกบริษัท ทุกไตรมาสเลยครับ
ตาลายกันไปข้างหนึ่ง

แล้วข้อมูลอันนี้เค้าแจกฟรีรึปล่าวครับ
หรือว่าต้องเป็นสมาชิกโบรคครับ

ผมใช้บัวหลวงไม่รู้ว่ามีอย่างนี้ให้ดูด้วยไหม
ยังหาของบัวหลวงไม่เจอครับ

ขอบคุณพี่เจ๋งที่แนะนำครับ