Thai VI

พอดีเพื่อนผม บอกว่า บริษัทตัวเองกำลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ เลยค่อนข้างกังวล เพราะรู้สึกว่า ช่วงนี้ ทางทีมบริหาร พยายามแต่งตัวเข้าตลาดพอสมควร
ต้องดันยอดตรงนี้ ลดรายจ่ายตรงนั้น
ได้ข่าวมาว่า พอดันให้ยอดโตมากๆ หลังจากนั้น
บางบริษัทพอเอาเข้าตลาดก็ปล่อยเลยตามเลย

บางบริษัทหลังเข้าตลาด พนักงาน มีรายได้ลดลง
เนื่องจาก ทางบ.ต้องทำให้ยอดขายโตขึ้นเพื่อให้นักลงทุนพอใจ
แต่บอกว่า ทำงานน้อยลงด้วย (แต่ก็ดี เพราะของเดิมทำงานควงกะได้เยอะ
แต่พอเป็นระบบมากขึ้น ควงกะไม่ได้ รายได้ลดลง แต่สุขภาพชีวิตดีขึ้น)

แต่เพื่อนผมเนี่ย ดันบอกว่า เสียดายมากๆ เพราะเดิมถึงแม้งานจะหนัก
แต่เงินก็ดีกว่าที่อื่นๆมากๆ มาถึงตรงนี้ก็เริ่มไม่แน่ใจว่า จะต้องเปลี่ยนงานใหม่หรือไม่


มีใครที่เคยทำงานใน บ. ก่อนเข้า และหลังเข้าบ้างครับ
มีข้อแตกต่างกันอย่างไร

ถ้าบริษัทที่fair อย่างที่เพื่อนผมเจอ
บริษัทจะมีการกระจายหุ้นก่อนอยู่แล้ว
ก็จะกระจายให้พนักงานด้วยตามสัดส่วนตำแหน่งและอายุงาน

สุดท้ายก็เห็นเพื่อนทำงานหนักขึ้นด้วยซ้ำ เพราะอยากให้หุ้นขึ้น
แต่หลายกรณีก็จะเป็นinsider จะซื้อขายได้ก่อนนักลงทุนอย่างเรา
ตรงนี้พนักงานได้ประโยชน์เต็มๆ

อีกนิด ส่วนใหญ่ผมแนะนำคนรู้จักให้ไปทำงานบริษัทมหาชนนะ
เพราะบริษัทมั่นคงกว่า ได้รู้วิธ๊การทำงานเป็นระบบมากกว่า
แถมได้ข้อมูลไว้เป็นการลงทุนในอนาคต
เวลาออกมาทำกิจการของตัวเอง มีตัวอย่างจากบริษัทเก่าเป็นตัวอย่างในการวางระบบบริษัท

และสุดท้ายสามารถมีข้อมูลมาแลกเปลี่ยนกับผมด้วย

ปกติรายได้ของพนักงานมักจะไม่เปลี่ยนแปลงนะครับ เพราะไม่ว่าเจ้าของหุ้นที่อยู่นอกตลาดหรือหุ้นที่อยู่ในตลาด ก็อยากได้กำไรเยอะๆเหมือนกัน ยกเว้นกิจการที่ผู้บริหารไม่ใช่เจ้าของบริษัท แล้วปล่อยให้พนักงานมีรายได้กันสูงๆสวัสดิการโอเว่อๆ เช่น บริษัทของรัฐบาล

แต่ถ้าบริษัททั่วๆไปแล้วเข้าตลาดทำให้บริษัทมีเงินทุนมากขึ้น โอกาสทำกำไรมากขึ้น รายได้ของพนักงานน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นครับ

ขอบคุณครับพี่ densin สำหรับมุมมองนะครับ
ปัญหาของเพื่อนผมคือ เขาไม่แจกหุ้นให้มันด้วยสิ...

blackninja เขียน:ปกติรายได้ของพนักงานมักจะไม่เปลี่ยนแปลงนะครับ เพราะไม่ว่าเจ้าของหุ้นที่อยู่นอกตลาดหรือหุ้นที่อยู่ในตลาด ก็อยากได้กำไรเยอะๆเหมือนกัน ยกเว้นกิจการที่ผู้บริหารไม่ใช่เจ้าของบริษัท แล้วปล่อยให้พนักงานมีรายได้กันสูงๆสวัสดิการโอเว่อๆ เช่น บริษัทของรัฐบาล

แต่ถ้าบริษัททั่วๆไปแล้วเข้าตลาดทำให้บริษัทมีเงินทุนมากขึ้น โอกาสทำกำไรมากขึ้น รายได้ของพนักงานน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นครับ

คือ บ.ที่เพื่อนผมทำคือ รพ.ครับ เท่าที่ผมทราบมา รพ.นั้น เดิมที รายได้ของคนทำงานจะค่อนข้างมาก เนื่องจาก จำนวน ชม. มาก ก็ได้มาก แต่พอเป็น มหาชนนั้น การทำหลายๆชั่วโมงจะถูกจำกัดครับ ทำให้รายได้ลดลง

ประเด็นคือว่า อยากรู้ว่า ช่วงที่ แต่งตัวเข้าตลาด มีการเร่งทำยอด ร่วมกับการจำกัดรายจ่ายแบบ เข้มงวดมากๆ เลยไม่รู้ว่า ในระยะสั้น ก่อนเข้าตลาดจะเห็นงบดีขึ้นมากมาย แต่พอเข้าไปแล้ว จะรู้ว่า เข็มขัดที่รัดมากเกินไป จะทำให้คนที่โดนรัดอ้วกออกมาก่อนหรือเปล่า

ผมเคยไปฟังสัมมนาของตลท
เป็นการเอาบทวิจัยของตลท เกี่ยวกับรายได้ของบริษัทช่วงก่อนและหลังเข้าตลาด มาเปรียบเทียบให้ฟัง

ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะบอกว่า บริษัทที่เข้าตลท ไม่ได้กำไรดีแค่ช่วงแรกที่เข้าตลาดเท่านั้น(ได้สิทธิลดทางภาษี + แต่งหน้าทาปากกันช่วงก่อนเข้า) แต่หลังจากหมดสิทธิทางภาษี ก็ยังกำไรดีขึ้นต่อเนื่องด้วย เนื่องจากได้ทุนไปดำเนินกิจการและมีการควบคุมภายในที่ดีขึ้น

สรุปคือ บริษัทที่เข้าตลท ดีกว่าไม่เข้าว่างั้นเถอะ
ดังนั้นถ้าเชื่อบทวิจัยนี้ บริษัทจะดีขึ้นในระยะยาวแน่ แต่จะไปบีบเค้นเอากับลูกจ้างแค่ไหน คงแล้วแต่บริษัท

บริษัทที่ผมทำงาน ก่อนเข้าตลาดก็มีการแต่งตัว ปรับปรุงระบบ อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด เหนื่อยมากครับ

ยอดขายโดยรวมก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆตั้งแต่นายเริ่มมีดำริจะเข้าตลาด และดีต่อเนื่องเรื่อยมา เพราะได้คู่ค้าเป็นต่างด้าวมาด้วย ภายหลังเข้าตลาดและกิจการดีขึ้น ปันผลต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่เข้าตลาด

ภาพรวมดีครับ เงินเดือนขึ้นต่อปีดีพอสมควร ประมาณ 9-10 เปอร์เซนต์ทุกปี (อันนี้เฉพาะตัวผมนะครับ)

สำหรับตัวผม มองว่า รู้สึกดีครับที่เข้าตลาด บริษัทมีระบบมากขึ้น แต่อยากให้ระบบดีกว่านี้อีกครับ เพราะผมทำงานด้านกฎหมาย ชอบระบบและระเบียบดีและชัดเจนครับ ก็เท่านั้น

เล็งแก้เกณฑ์พนักงานซื้อหุ้น [ เดลินิวส์, 19 เม.ย. 55 ]

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า
ก.ล.ต.มีแนวคิดแก้ไขหลักเกณฑ์การเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการหรือพนักงาน(อีสป) ให้มีความ
ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยให้พนักงานรวมถึงตัวแทนขายประกันชีวิต ที่มีคุณสมบัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับ
แะลส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด และต้องขึ้นทะเบียน รวมทั้งได้รับใบอนุญาตเป็น
ตัวแทนขายจาก คปภ. เพื่อสร้างแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ และช่วยรักษาบุคลากรที่
สำคัญขององค์กรด้วย