หน้า 1 จากทั้งหมด 1

มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 19, 2011 2:40 pm
โดย marcus147
กำลังคิดจะซื้อ หาข้อมูลอยู่
ไม่รู้ว่าจะคุ้มกับผลประโยชน์การหักภาษีไหม
หรือว่าเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 19, 2011 10:00 pm
โดย birthboro
ผมเคยเขียนบทความลงใน FACEBOOK ตัวเองเมื่อปลายปีที่แล้วเพื่อให้เพื่อนๆผมอ่านครับ(พอดีมีเพื่อนมาถามหลายคน) ลองอ่านแล้วพิจารณาดูนะครับ เป็นไอเดียส่วนตัวครับ ผมไม่ใช่กูรู ผิดถูกยังไง COMMENT ได้นะครับ.... ลองอ่านดูเล่นๆได้เลยครับ

ตอนนี้ใกล้สิ้นปีแล้วสิ่งหนึ่งที่เพื่อนทุกคนไม่ควรละเลยคือ การลงทุนเพื่อประหยัดภาษี


ข้อได้เปรียบของการลงทุนเพื่อประหยัดภาษีคือ ได้แต้มต่อในการลงทุน คือคุณลงทุนด้วยเงินต้นที่น้อยกว่าเงินลงทุนจริงๆ
ยกตัวอย่าง ลงทุน 100,000 บาท ฐานภาษีเรา 30 เปอร์เซ็นต์ เราจะเสมือนเสียเงินลงทุนตั้งต้นจริงๆ แค่ 70,000 บาท(จริงๆก็เสีย 100,000 นะแหละแต่ถ้าเราไม่ลงทุนเราก็ต้องเสียภาษี 30,000 บาทซึ่งเงินตรงนี้เสียเปล่าเราจึงเสมือนเสียเงินลงทุนแค่ 70,000 บาท) เพราะฉะนั้นคิดผลตอบแทนที่เราจะได้ จะได้มากกว่า การที่เราลงทุนโดยไม่ได้ผลประโยชน์ทางภาษี


แต่อย่าลืม!!!!! การลงทุนมีความเสี่ยงมากกกกกกกกกกกกกกก.....


การลงทุนเพื่อประหยัดภาษีก็เหมือนการลงทุนทั่วๆไปเพียงแต่ได้แต้มต่อเรื่องเงินต้นเท่านั้น ดังนั้นการลงทุนไม่ควรคำนึงเฉพาะการประหยัดภาษีอย่างเดียวแต่ควรคำนึงถึงสิ่งที่เราเอาไปลงทุนเป็นตัวตั้งก่อน เพราะถ้าลงทุนผิดอย่าง บางทีเราจะเสียเงินต้นมากกว่าภาษีที่เราประหยัดได้ซะอีก หรือผลตอบแทนที่ได้เลวร้ายเหลือเกิน ดังนั้นเราจึงควรศึกให้ดีก่อนการลงทุน ทุกครั้ง เพื่อวางแผนการลงทุนของเราให้เหมาะสม


การลงทุนเพื่อประหยัดภาษีมีหลากหลายที่เราจะเจอกันตลอดคือ LTF,RMF, ประกันชีวิต
มักมีคนมาถามผมว่าซื้ออะไรดี,ซื้อเท่าไหร่ดี, ซื้อตอนไหนดี(ตอนนี้ดีไหม), ซื้ออย่างไรดี
แต่ละอย่างที่รัฐเขาให้ผลประโยชน์ทางภาษีเขามี จุดมุ่งหมายต่างกัน ดังนั้นต้องเข้าใจมันก่อน ผมขอแยกเป็นตัวๆอธิบายเป็นแนวทางคร่าวๆก่อนเลยละกันนะครับ


LTF(Long Term=ยาวๆ ,Equity=ซื้อหุ้น Fund=กองทุน แปลตรงตัวว่า กองทุนหุ้นระยะยาว) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นตามชื่อมัน รัฐต้องการให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพทางราคาจึงให้ซื้อหุ้นยาวๆตามชื่อมันครับ จึงจัดกองทุนนี้และละเว้นภาษีให้เราครับ มีให้เลือกมากมายหลายกองทุนแต่เขาจะจัดสรรเงินของเราลงทุนในหุ้นอย่างน้อย 65% ครับ


เนื่องจากลงทุนในหุ้นมากก็มีความเสี่ยงมากตามไปด้วย ที่พอครบกำหนดโอกาสที่จะเงินต้นลดลงเป็นไปได้ตามสภาวะตลาดครับ(ถ้าตลาดเอื้ออำนวยเราก็อาจได้ผลตอบแทนที่ดีมากๆได้เช่นกันครับ) เวลาในการลงทุนก็ 5 ปี ปฏิทินขึ้นไปครับ(เร็วสุดที่เอาเงินออกมาได้ก็คือ 3 ปีกับอีก 3-4 วัน คือซื้อ30 ธ.ค. 53 เอาเงินออก วันที่2 ม.ค. 57 ครับ) ขอไม่พูดมากกว่านี้อยากรู้มากกว่านี้ให้ไปหาอ่านเอามีเยอะแยะครับ จะบอกไอเดียการซื้อดีกว่าว่าควรทำอย่างไรดี


เอ้า!! จะซื้อกองทุนของอะไรดีมีให้เลือกเยอะแยะลายตาไปหมด ผมเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยเชื่อในความสามารถในการบริหารกองทุนของผู้จัดการกองทุนเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่งนะครับ แต่เพราะขนาดกองทุนที่ใหญ่มาก และข้อจำกัดต่างๆของกองทุนทำให้การทำงานออกมาส่วนใหญ่ Performance ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามตลาดซะมากครับเวลาเลือกเลยเลือกตามนโยบายหลักของกองทุนมากกว่า มีให้เลือกดังนี้

กองทุนLTF ที่มีนโยบายลงทุนหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ เหมาะกับนักลงทุนที่มีความกล้าหาญดุจหมาป่าเยือกเย็นเหมือนแวมไพร์ (พึ่งอ่านซีรีย์Twilightจบไป)เพราะใส่เงินเต็มร้อยไปในหุ้นจึงต้องเผชิญความผันผวนของหุ้นแบบเต็มๆ
ผมเป็นคนนึงที่แนะนำแบบนี้โดยมีหลักในการลงทุนว่า หุ้นคือเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
มันจะต้องเติบโตไปเรื่อยๆ โดยสถิติแล้วตลาดหุ้นมันจะโตประมาณ 8% ต่อปี(ถ้าคุณเชื่อสถิตินี้แบบที่ผมเชื่อละก็หึหึ....) ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมทีเดียว แต่ถ้าซื้อผิดเวลาหละ ซื้อตอนมันแพงๆเราก็โดนหุ้นเล่นงานนะซิ

มันมีวิธีแก้ครับ วิธีที่ว่าก็คือให้เราซื้อมันทุกปี

ถ้าปีหน้าหุ้นลงแทนที่เราจะเสียใจ เราก็จะได้ซื้อของถูกลงไงครับ ถึงเงินที่ลงทุนก้อนแรกของเรามันจะลดลงไปบ้าง แต่เราก็ได้ซื้อของถูกลงทดแทน
ถ้าตลาดมันดี หุ้นขึ้นเราก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีมาแต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อเราซื้อชุดใหม่(ต้องซื้อทุกปีนะครับแผนนี้) เราก็จะต้องซื้อของในราคาแพงขึ้น

สรุป....เราก็ไม่ต้องกังวลว่าหุ้นจะขึ้นหรือจะลง เรามีแต่ได้กับได้ครับ และในระยะยาวจริงๆ ความผันผวนของตลาดก็จะไม่มีผลอีกต่อไป คือมันก็ขึ้น
ขึ้นแล้วก็ลง ลงแล้วก็ขึ้น เป็นธรรมชาติของมันครับ แล้วสิ่งที่คุณได้รับผลจากลงทุนแบบนี้คร่าวคือ

ผลประโยชน์ทางภาษี+ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว-ต้นทุนค่าบริหารจัดการของกองทุน

(วิธีคิดแบบนี้ไม่ถูกต้องตามหลักการ100%นะครับ แต่เข้าใจได้ง่ายกว่ามากและผลออกมาก็ใกล้เคียง กับวิธีที่ถูกต้อง100% มากมาก ขอให้อนุโลมไปตามนี้นะครับ เพราะใกล้เคียงจริงๆ)






ซึ่งถ้าคุณลงทุนวิธีนี้แล้วฐานภาษี 30% ผลตอบแทนทบต้นจะประมาณนี้ครับ




$$$ผลประโยชน์ทางภาษี ประมาณ 7.4 %ทบต้น (ถ้า ฐานภาษี 20 เหลือ 4.6% ถ้าฐาน 10 เหลือ 2.1%)
$$$ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาวประมาณ 8 %ทบต้น (ราคาหุ้นประมาณ 4% ปันผลอีก 4% ครับ ประมาณนะ)
$$$ต้นทุนค่าบริหารจัดการกองทุนเป็นรายปีประมาณ ส่วนใหญ่มักไม่เกิน 2% (คิดที่ 2 ละกันนะ)

เพราะฉะนั้นผลตอบแทนที่ได้รับคร่าวๆ ประมาณ 7.4+8-2=13.4%
(ถ้าคิดแบบจริงๆประมาณ 13.84%) ต่อปีเลยทีเดียว.... สุโค่ยมากๆๆๆๆๆๆๆ
(คร่าวๆฐานภาษี 20 เหลือ 10.6% และฐาน 10 เหลือ 8.1%) การลงทุนที่ดีจะสามารถหาผลตอบแทนคร่าวๆในระยะยาวได้นะครับในกรณีนี้ผมบอกสมมุติฐานและการคำนวณและผลการลงทุนให้หมดแล้ว

จะเห็นว่าเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าฝากเงินธนาคารมากทีเดียว(ฝากตรงนั้นได้2% ก็ดีใจตายแล้วครับ)และไม่ต้องเป็นกังวลด้วยว่าตลาดมันผันผวนแค่ไหน (ไม่ต้องเช็ค NAV ทุกวัน) และตอบคำถามที่ว่าซื้อตอนไหนได้ด้วยครับ
ก็ซื้อเมื่อถึงเวลาทุกปีไงครับไม่ต้องคิดให้ปวดหัวเล่น ส่วนซื้อเท่าไหร่ถ้าฐานภาษีสูงซื้อให้มากที่สุดเท่าที่กำลังจะอำนวยเลยครับ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ถ้าฐานภาษีน้อยลงมาก็คิดเอาเองละกันครับว่าอยากซื้อเท่าไหร่ผมคำนวณผลตอบแทนให้แล้วครับ

แต่ถ้าคุณจะใช้วิธีนี้ลงทุนละก็ต้องทำตามนี้นะครับ
1.ซื้อทุกปีในเงินที่เท่าๆกัน
2. ครบ 5 ปีเต็มขายแล้วซื้อของใหม่ทับไปทันที(ถ้าคุณขายต้นปีแล้วไปซื้อใหม่ปลายปีวิธีนี้จะเผชิญกับความผันผวนตอนกลางปี ถ้าเป็นปีที่หุ้นลงคุณจะได้ผลตอบแทนที่ดีมากๆ แต่ถ้าเป็นปีที่หุ้นขึ้นจะไม่ดีอย่างแรง ผิดแผนว่างั้น... แต่ถ้าคุณจะไม่ขายเลยครบ 5 ปีก็เก็บไว้ต่อมีแต่ซื้อเพิ่มละก็ผลตอบแทนที่ได้จะน้อยกว่านี้นะครับ)
3. ลงทุนนานจริงๆ ผมให้ตัวเลขไว้ว่าประมาณ 10 ปีขึ้น ยิ่งนานจะยิ่งเข้าเป้ามากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสั้นความผันผวนของตลาดจะเข้ามาเกี่ยวข้องมากอาจได้หรือเสียมากกว่านี้แล้วแต่ตลาด ถ้าซัก 20 ปีหรือตลอดชีวิตละก็ผลตอบแทนจะใกล้เคียงนี้มากๆเลย ผมค่อนข้างมั่นใจ
4. เลือกกองทุนที่ไม่มีปันผลให้นะครับเขาจะเอาปันผลที่ได้ไปลงทุนต่อครับ ถ้ารับกลับมาผลตอบแทนโดยรวมจะลดนะครับ(4% จากปันผลจะไม่นำมาคิดทบต้นครับ)

ส่วนการซื้อวิธีอื่นๆเช่นเอาซื้อ 3 ปีนิดๆแล้วเอาออก ก่อนแล้วค่อยใส่เงินเข้าไปใหม่,จับจังหวะตลาดรอตลาดถูกๆแล้วค่อยเข้า อันนี้ผมไม่ขออธิบายครับ เพราะไม่สามารถหาผลตอบแทนที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมได้เป็น ความสามารถส่วนบุคคลซะมากกว่า จึงขอผ่านครับ

เนื่องจากเดี๋ยวยาวเกินจึงขอยกส่วนที่เหลือ คือ LTF ที่ลงทุนให้หุ้นชนิดไหนดี, หรือเอา LTF ที่มีตราสารหนี้ปนด้วยนิดหน่อยดีหรือเปล่า,หรือเอาแบบที่มีการป้องกันความเสี่ยง ขอยกไว้ตอนหน้านะครับเดี๋ยวยาวเกิน


ปล.นี่เป็นต้นฉบับแบบไม่ได้แก้ไขเลยนะครับ ภาษาเลยเป็นภาษาคุยกับเพื่อนไปสักหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะครับ

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 19, 2011 10:05 pm
โดย birthboro
ตอนแรกว่าจะไม่โพส เพราะไอ้ที่เขียนนี่เขียนขำๆกัน กับเพื่อนๆ ซึ่งในเวปนี้มีผู้รู้และมีไอเดียดีๆมากมายอยู่แล้วครับ แต่พอดีเห็นว่ามันก็เป็นไอเดียหนึ่ง ถ้ามีผู้มีไอเดีย อื่นๆเข้ามาโพสบ้างก็น่าจะเป็นสาระที่เราได้มา discuss กันครับ คิดแค่นั้นครับ ผิดถูกขออภัย :oops: :oops:

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 19, 2011 11:02 pm
โดย marcus147
ขอบคุณมากเลยครับ
ทำให้เข้าใจ LTF มากขึ้นเยอะเลย

ขอถามเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ
ถ้าผมซื้อ LTF นี่ ตอนช่วงหุ้นขึ้น กับ หุ้นตกนี่ มันมีผลไหมครับ

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 19, 2011 11:51 pm
โดย birthboro
ถ้ามองรวมๆ LTF ก็เป็นกองทุนหุ้นชนิดหนึ่ง ถ้าหุ้นตก แนวโน้มมันจะตกด้วยครับ ความหมายก็คือ หุ้นโดยรวมๆที่ซื้อได้ จะซื้อได้ในราคาที่ถูกลง กว่าตอนตลาดหุ้นสูงๆ ครับ

สรุปซื้อตอนตกๆก็เหมือนซื้อหุ้นตอนตกๆน่ะแหละ ก็คือซื้อได้ถูกลงครับ :)
แต่ไอเดียที่ผมให้ไว้คือ อย่าไปดูมันเลยครับขึ้นก็ซื้อลงก็ซื้อ..... ซื้อเป็นลักษณะ Passive คือไม่ใช้สมองซื้อตามแผนครับ :8)

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 20, 2011 12:06 am
โดย marcus147
ขอบคุณมากเลยครับ
หาข้อมูลมานาน
พึ่งจะเข้าใจก็วันนี้หละ :D

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 20, 2011 8:45 am
โดย birthboro
:D :D

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 20, 2011 7:41 pm
โดย นพพร
เคยครับผม

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 22, 2011 10:36 pm
โดย marcus147
นพพร เขียน:เคยครับผม
เคยอะไรหรอครับ

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 22, 2011 10:51 pm
โดย zephyr
marcus147 เขียน:
นพพร เขียน:เคยครับผม
เคยอะไรหรอครับ

ก็กระทู้ถามว่าเคยซื้อมั้ย พี่นพพรก็เลยตอบว่าเคยซื้อ ไงครับ

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 22, 2011 11:33 pm
โดย marcus147
อ้อ :D

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 25, 2011 1:41 am
โดย marcus147
มีกองทุนไหนน่าสนใจไหมครับ

ตอนนี้กำลังหาซื้อ LTF อยู่

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2011 10:50 pm
โดย whyvi
เพิ่งมาเจอกระทู้นี้ เยี่ยมมากครับ ตอนสองออกหรือยังครับ จะตามไปอ่านครับ

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2011 4:31 pm
โดย supeeya1
ดิฉันเป็นสมาชิกใหม่ แต่ลงทุนใน LTF/RMF อยู่ ขอแชร์ประสบการณ์การลงทุนนะคะ

จะใช้วิธีซื้อเฉลี่ยทุกเดือนค่ะจะได้ไม่ต้องมากังวลว่าช่วงที่เราซื้อนั้นเป็นขาขึ้นหรือขาลงของหุ้น(ลงทุนในกองที่ลงทุนในหุ้น) โดยทางธนาคารจะตัดเงินจากบ/ชเราไปซื้อกองทุนโดยอัตโนมัติเท่าๆกันทุกเดือน เพราะเคยซื้อเองก็จะรอให้หุ้นถูก รอจนถึงตอนปลายปีแล้วได้ของแพงทุกครั้ง

ส่วนตัวคิดว่าคุ้มนะคะสำหรับคนที่เสียภาษีเยอะๆค่ะ ประหยัดเงินต้นและยังได้กำไรจากการขายกองทุนด้วยค่ะ เพิ่งขายไปเมื่อต้นปีค่ะ กำไรจากขายกองทุนประมาณ 30%(3 ปี)+กำไรจากภาษีที่ได้คืนค่ะ

Re: มีใครเคยซื้อ LTF / RMF ไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 03, 2011 4:33 pm
โดย marcus147
supeeya1 เขียน:ดิฉันเป็นสมาชิกใหม่ แต่ลงทุนใน LTF/RMF อยู่ ขอแชร์ประสบการณ์การลงทุนนะคะ

จะใช้วิธีซื้อเฉลี่ยทุกเดือนค่ะจะได้ไม่ต้องมากังวลว่าช่วงที่เราซื้อนั้นเป็นขาขึ้นหรือขาลงของหุ้น(ลงทุนในกองที่ลงทุนในหุ้น) โดยทางธนาคารจะตัดเงินจากบ/ชเราไปซื้อกองทุนโดยอัตโนมัติเท่าๆกันทุกเดือน เพราะเคยซื้อเองก็จะรอให้หุ้นถูก รอจนถึงตอนปลายปีแล้วได้ของแพงทุกครั้ง

ส่วนตัวคิดว่าคุ้มนะคะสำหรับคนที่เสียภาษีเยอะๆค่ะ ประหยัดเงินต้นและยังได้กำไรจากการขายกองทุนด้วยค่ะ เพิ่งขายไปเมื่อต้นปีค่ะ กำไรจากขายกองทุนประมาณ 30%(3 ปี)+กำไรจากภาษีที่ได้คืนค่ะ
ผมก็คิดว่าจะซื้อแบบถัวเฉลี่ยเหมือนกันครับ