Thai VI

เพราะที่ผมเข้าใจคือ ซื้อ ต้องเท่ากับขาย ใช่ไหมครับ
แต่ถ้า ขายมากๆ แล้วซื้อน้อย แบบนี้แปลว่าหุ้นที่เรามี
ก็ขายไม่ออกใช่ไหมครับ ก็ติดดอยกันไปใช่ไหมครับ

การ matching จะเกิดเมื่อราคาซื้อเท่ากับราคาขาย

ถ้าตั้งขายแล้วไม่มีคนซื้อเราก็ต้องลดราคาลงมามันก็เป็นไปตาม อุปสงค์ อุปทาน หล่ะครับ

เงินมันไม่ใช่ระบบปิดนะครับ

เช่น คุณเข้ามาในตลาดใหม่ไม่มีหุ้นเลย
ตรงนี้น่าจะตอบคำถามได้ว่า...จะมีคนซื้อไหม

ตอบ..มีครับ คือคุณนั่นเอง !!

sylph เขียน:เงินมันไม่ใช่ระบบปิดนะครับ

เช่น คุณเข้ามาในตลาดใหม่ไม่มีหุ้นเลย
ตรงนี้น่าจะตอบคำถามได้ว่า...จะมีคนซื้อไหม

ตอบ..มีครับ คือคุณนั่นเอง !!

และคนที่กำลังขาย ก็คือ ผ้มนี่แหล่ะคร้าบบ

ถูกแล้วครับ คนซื้อเท่ากับคนขาย ไม่งั้นจะ match ได้ไง

super.s เขียน:เพราะที่ผมเข้าใจคือ ซื้อ ต้องเท่ากับขาย ใช่ไหมครับ
แต่ถ้า ขายมากๆ แล้วซื้อน้อย แบบนี้แปลว่าหุ้นที่เรามี
ก็ขายไม่ออกใช่ไหมครับ ก็ติดดอยกันไปใช่ไหมครับ

ไม่ใช่ครับ การซื้อขายกับราคาต้องแยกกัน

การซื้อขาย จะเกิดขึ้นเมื่อมีคนซื้อและคนขายในราคาที่ตรงกัน การซื้อขายก็จะเกิดขึ้น

ส่วนราคา จะเกิดจากแรงกำไรของกิจการ แรงซื้อ แรงคาดหวัง แรงผิดหวังของนักลงทุน เช่นเมื่อหุ้นนั้นมีข่าวดี มีกำไร มีอะไรก็ตามจะก่อให้เกิดความคาดหวัง คนขายจะพยายามขายในราคาที่สูงขึ้น คนซื้อก็จะซื้อในราคาที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาถีบตัวสูงขึ้น ในทำนองเดียวกันเวลาราคาลงก็ส่งผลในทำนองเดียวกัน

ส่วนหุ้นจะขายออกหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่พื้นฐานที่เขาเรียก ๆ กัน ซึ่งพื้นฐานก็คือกำไรที่บริษัท หรือนักลงทุนคาดหวัง เพราะฉะนั้นการที่หุ้นขายไม่ได้ ก็อาจเกิดจากกำไรของบริษัทที่ดำเนินงานไม่ได้อย่างที่นักลงทุนคาดหวัง สมมติว่าเราเป็นคนซื้อ เราก็คงไม่ซื้อกิจการที่ไม่มีกำไร ถ้าเราซื้อเราคงต้องซื้อในราคาที่ถูกมาก ๆ ส่วนราคาใด จะถูกหรือจะแพงก็ขึ้นอยู่กับการประมาณราคาของนักลงทุน

น่าจะประมาณนี้ ก่อนอื่นๆ แยกกันให้ขาด การซื้อขาย ราคา ความถูกแพง พื้นฐาน จิตวิทยาการลงทุน ถ้าเอามาปนกัน มันก็จะสับสนงง ไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้น คนที่เป็นเซียน ๆ เขามองเป็นภาพรวม ยิ่งมองได้ไกล มองได้มากยิ่งเป็นเซียนมาก แต่เซียนก็มีวันผิดพลาด เพราะฉะนั้นเขาจะแยกส่วนของอารมณ์ กับความรู้สึกออก แล้วไปบริหารตรงจุดนั้น ๆ แทน

อันหลังนี้เกิดจากความรู้สึกของผมเองนะครับ