Thai VI

ไม่ทราบว่าพี่ปรัชญา เฮีย Mon คุณ Thanwa น้อง Genie มีความเห็นว่าไงครับ พวก Holding Companies เช่น SHIN หรือ SPI จัดว่าเป็น value stock และน่าซื้อสะสมหรือไม่

ในความเห็นของผมแล้ว คุณค่าของ Holding Company
ก็อยู่ที่กิจการที่ Holding Company นั้นถืออยู่

ตามหลักแล้ว Holding Company จะไม่เปลี่ยน การถือหุ้นง่ายๆ
Value ของ Holding Company จึงสามารถใช้ Look Through Earning ได้อย่างดี

เช่นเดียวกับที่ Buffett ใช้กับ ฺBerkshire ซึ่งถือได้ว่าเป็น Holding Company เช่นกัน

Look Through Earning มีทั้งด้านบวกและลบ เมื่อบริษัทลูกขาดทุน ย่อมส่งผลสะท้อนไปยัง Holding Company เช่นกัน แต่อาจจะด้วยวงเงินที่จำกันที่จะนวนเงินที่ลงทุนในบริษัทนั้นๆ

Berkshire Hathaway ของปู่Buffett แกก็เป็น Holding Company นะครับ เพียงแต่ว่าเหล่าบริษัทบริวารนั่นมันเป็นValue Stockหรือเปล่า นะซิครับป๋า

THiNK เขียน:ในความเห็นของผมแล้ว คุณค่าของ Holding Company
ก็อยู่ที่กิจการที่ Holding Company นั้นถืออยู่

ตามหลักแล้ว Holding Company จะไม่เปลี่ยน การถือหุ้นง่ายๆ
Value ของ Holding Company จึงสามารถใช้ Look Through Earning ได้อย่างดี

เช่นเดียวกับที่ Buffett ใช้กับ ฺBerkshire ซึ่งถือได้ว่าเป็น Holding Company เช่นกัน

Look Through Earning มีทั้งด้านบวกและลบ เมื่อบริษัทลูกขาดทุน ย่อมส่งผลสะท้อนไปยัง Holding Company เช่นกัน แต่อาจจะด้วยวงเงินที่จำกันที่จะนวนเงินที่ลงทุนในบริษัทนั้นๆ

คุณCK ผมเห็นด้วยกับคุณTHiNK 100%ครับ
อ่านแบบนี้ผมหมดมุกเลย ยอมรับมุมมองเลยครับ

ผมมองแบ่งออกเป็นสองแง่มุมครับ อันแรกholdเพื่อการเพิ่มขึ้นของมูลค่าในสินทรัพย์ กับอีกพวกคือ holdเพื่อสร้างsynergy ประเภทแรกผมว่าค่อนข้างเสี่ยงหากผู้บริหารไม่เก่งจริงๆแบบปู่Buffettก็ร้อนๆหนาวๆเหมือนกันครับ ยิ่งช่วงก่อนวิกฤติรู้สึกก็มีหลายบริษัทเหมือนกันไปลงทุนในอสังหาแล้วเจ้งเพราะตัวเองไม่ชำนาญ ส่วนพวกหลังอันนี้ผมชอบเพราะการสร้างsynergyที่ดีนั้นจะทำให้total costของบริษัทนั้นต่ำลงในระยะยาว และส่งเสริมให้ความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น แต่คงต้องพิจารณาด้วยแหละครับว่าทีมที่บริหารนั้นโปร่งใสแค่ไหนและสามารถสร้างประสิทธิภาพได้จริงหรือไม่ครับ

คือผมมองว่า earning ของ holding company เป็น earning ของทั้งกลุ่มรวมกัน ถ้าพูดโดยเฉพาะเจาะจงก็คือ SHIN กับ SPI ครับ

SHIN จะถือหุ้นในกลุ่มของทั่นนายกอยู่พอสมควร และกลายเป็นเครื่องในการเข้าครอบงำกิจการต่างๆที่ทั่นนายกสนใจ ในขณะที่ SPI มีการถือหุ้นในบริษัทย่อยของเครือสหพัฒน์ฯหลายบริษัท

ถ้าเทียบ holding กับตัวลูกเฉพาะตัว ตัวลูกน่าจะมี return on investment สูงกว่านะครับ เช่นที่พี่ปรัชญาถือ FE เป็นหลักในกลุ่มสหพัตน์ฯ เพราะมองว่ากลุ่มสหพัฒน์ฯผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก และทุกสินค้าก็ต้องมีการสร้างแบรนด์ เมื่อมีการสร้างแบรนด์ก็หนีไม่พ้น FE ซึ่งเป็นการวางหมากแบบยิงนัดเดียวได้นกเป็นฝูง

ในขณะที่หุ้น SPI ถือหุ้นไม่กี่ % ของบริษัทต่างๆเต็มไปหมด growth ไม่น่าจะดีสู้ FE ได้นะครับ ความเสี่ยงกลับสูงกว่าด้วย เพราะถ้ากิจการหนึ่งเกิดมีปัญหาขึ้นมา จะกระทบกับตัวแม่แน่นอน ในขณะที่ FE อาจเพียงสูญเสียรายได้บางส่วน ซึ่งสามารถหาทดแทนได้ไม่ยาก เพราะไม่ได้ invest ในบริษัทนั้นๆ

ถ้ามองอย่างนี้แล้ว holding company จะมี value ที่น่าสนใจหรือครับ? เพราะ return ไม่ต่างจากการซื้อกองทุนสักเท่าไหร่

ขอความเห็นด้วยครับ

ลองเปรียบเทียบ Holding Company กับ Single Company
0______มีหลายกิจการ...................กิจการเดียว(โดยส่วนมาก)
1______กระจายความเสี่ยง.............ไม่มีการกระจายความเสี่ยง
2______กำไรแบบถ่วงน้ำหนัก..........กำไรเป็นกอบเป็นกำ
3______เข้าใจยาก........................เข้าใจง่าย
4______กำไรสะสมในบริษัทลูกจะไม่ได้ถ้าขายไป....กำไรสะสมไม่ไปไหน
อื่นๆ???

จุดที่ต่างของ Holding Company กับกองทุนน่าจะอยู่ที่ความเข้าใจในธุรกิจบริษัทที่แตกต่างกัน
เพราะโดยทั่วไปแล้ว Holding Company จะมีลักษณะครอบครองบริษัทและเข้าใจบริษัทมากกว่ากองทุน

ในขณะที่ Holding Company อาจจะมีกิจการในเครือเป็นสิบเช่นสหกรุ๊ป
แต่ถ้าเราสามารถเลือกบริษัทตัวแทนออกมาได้ เราก็จะสามารถวิเคราะห์ Holding Company ได้โดยไม่เหนื่อยมาก
บริษัทตัวแทน น่าจะได้จาก 1.มี%ลงทุนสูง 2.มี%ส่วนแบ่งใน EPS ของ Holding Company สูง

ตัวอย่าง ถ้าสมมติ SUC ถือ FE 80% แต่คิดแล้วเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของ EPS ของ SUC
แม้ FE โดยส่วนตัวแล้วจะมีกำไร 50% แต่สำหรับ SUC แล้ว ได้เพิ่มเพียง 2% จาก FE เท่านั้น

แต่ถ้ากลุ่มพลังงานของ SUC ซึ่งมีส่วนใน EPS 70%(สมมติ) การผันผวนของกลุ่มนี้จะกระทบ SUC มาก

ดังนั้น การเทียบถือ FE กับเทียบ SUC แล้วคิดผลตอบแทน ก็ไม่สามารถเทียบกันได้อย่างตรงไปตรงมานักดังเหตุผลข้างต้น

ถ้าในมุมมองของผมนั้นหุ้นบริษัทที่มีลักษณะholding companyที่ผมสนใจคือ เป็นบริษัทที่มีการholdกันเพื่อทำให้เกิดsynergy ไม่ว่าจะเป็นในเชิงeconomic of scale หรือ economic of scope ซึ่งอย่างหลังนี้ผมยิ่งให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพราะมันทำให้มูลค่าของตัวธุรกิจนั้นเพิ่มขึ้นทวีคูณ

ขอบคุณทุกท่านครับ เริ่มเกิดไอเดีย ตอนแรกเห็น SPI ปันผล 2 บาท ราคา 9 บาท ตาโตเท่าไข่ห่านเลยครับ ปรากฎว่านั่นมันก่อนแตกพาร์

คุณCK อ่านขาดเลยครับ

ผมว่าเขาสร้างกิจการตั้งแต่รุ่นคุณพ่อถึงลูกอนาคตถึงหลาน
เขาก็หวงกิจการ ต้องถือกันไว้กันใครมาใช้เทคนิคเทรคโอเว่อร์
คือใครไม่ไปประชุม
กลุ่มผู้บริหารก็สามารถผ่านวาระต่างๆได้เพราะถือหุ้นไว้มากพอ
ไม่เหมือนอย่างบริษํท น้าชาติ เอเอสแอล ที่คณะผู้บริหารถือหุ้นไม่พอกับ
การประชุมสามัญบริหารลำบากครับ

คุณginnieช่วยขยายความเรื่องsynergyที่เขียนหน่อยได้ไหมคะthanks

ตอบแทนคุณ genie

Synergy ก็คือ 1 + 1 ได้มากกว่า 2 น่ะครับ
อย่างเช่น การรวมบริษัทอาหารแห่งหนึ่งเข้ากับบริษัทโรงแรม ทำให้โรงแรมมีผู้ผลิตอาหารดีๆ จัดส่งให้ในราคาถูก และบริษัทอาหารก็มีทำเลดีๆ เปิดภัตตาคาร เวลาโฆษณาก็โฆษณาไปพร้อมๆกัน ผู้มาพัก ก็ไปกินอาหารในภัตตาคาร ผู้มากินอาหาร ก็รู้จักโรงแรมดีขึ้น รวมๆแล้วได้กำไรมากขึ้นครับ

คุณนักดูดาวพูดเหมือน RGR ไปรวมกับ MFG เลย ยกตัวอย่างได้ชัดเจนตรงเป้ามากครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับคุณนักดูดาวที่ตอบแทนผม