หน้า 1 จากทั้งหมด 1

จะตั้งกองทุนอย่าง BuffetPartnership ทำได้ในเมืองไทยมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 3:25 pm
โดย Ake VI
ผมหมายถึงรับบริหารเงินให้เพื่อนหรือญาติแบบถูกต้องตามกฎหมายนะครับ มีหลักฐานและข้อตกลงการคิดค่าบริการชัดเจน ไม่ใช่ฝากเงินมาเล่นในportเรา หรือรับสั่งซื้อขายหุ้นในportชื่อคนฝากอย่างปัจจุบัน

คนธรรมดาที่ไม่ใช่ บลจ. นี่จะตั้งบริษัทเล็กๆแล้วออกหน่วยลงทุนพร้อมหลักการค่าธรรมเนียมเองได้มั้ยครับ
รบกวนผู้มีความรู้สั่งสอนหน่อยครับ เมืองไทยมีข้อกฏหมายเรื่องนี้มั้ยครับ

Re: จะตั้งกองทุนอย่าง BuffetPartnership ทำได้ในเมืองไทยมั้ยค

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 9:57 pm
โดย KC_CRUSH
น่าจะเข้าข่ายเป็นบริษัทหลักทรัพย์ ตาม พรบ หลักทรีพย์

เพราะมีการทำธุรกิจหลักทรัพย์ ประเภท ค้าหลักทรัพย์ หรือ จัดการกองทุนส่วนบุคคล

ถ้าจะทำต้องมีใบอนุญาติ และทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท

Re: จะตั้งกองทุนอย่าง BuffetPartnership ทำได้ในเมืองไทยมั้ยค

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 10:00 pm
โดย KC_CRUSH
ลองดูตามนิยาม

“บริษัทหลักทรัพย์” หมายความว่า บริษัทหรือสถาบันการเงิน ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้

“ธุรกิจหลักทรัพย์” หมายความว่า ธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทดังต่อไปนี้
(๑) การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
(๒) การค้าหลักทรัพย์
(๓) การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน
(๔) การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์
(๕) การจัดการกองทุนรวม
(๖) การจัดการกองทุนส่วนบุคคล
(๗) กิจการอื่นที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ตามที่รัฐมนตรีกำหนด ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต.

“การค้าหลักทรัพย์” หมายความว่า การซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ในนามของตนเองเป็นทางค้าปกติโดยกระทำนอกตลาดหลักทรัพย์ หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์

“การจัดการกองทุนส่วนบุคคล”๒ หมายความว่า การจัดการเงินทุนของบุคคลหรือคณะบุคคลที่ได้มอบหมายให้จัดการลงทุนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะมีการลงทุนในทรัพย์สินอื่นด้วยหรือไม่ก็ตามซึ่งกระทำเป็นทางค้าปกติโดยได้รับค่าธรรมเนียมหรือค่าตอบแทนอื่น แต่ไม่รวมถึงการจัดการลงทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

Re: จะตั้งกองทุนอย่าง BuffetPartnership ทำได้ในเมืองไทยมั้ยค

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2011 8:46 am
โดย Belffet
ผมเคยศึกษามาบ้าง แต่ไม่ค่อยลึกซึ้งนัก ยังไงก็ลองรับไว้พิจารณานะครับ

ตั้งบริษัทได้ แต่ห้ามโฆษณาสู่สาธารณชนเพื่อระดมทุนนะครับ ถ้าจะระดมทุนก็ทำได้เฉพาะในหมู่คนใกล้ชิด เพื่อนๆ ฯลฯ

ยกตัวอย่างว่าครอบครัวหนึ่งมีสมาชิกอยู่ 5 คน อยากจะจัดการทรัพย์สินที่จะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้เป็นเรื่องเป็นราว ก็เลยจัดตั้งบริษัทขึ้นมาจัดการเป็นการภายใน มีผู้ก่อการ 5 คน มีผู้ถือหุ้น 5 คน แต่ละคนมีกี่หุ้นว่ากันไป ถ้าทำแบบนี้เป็นการระดมทุนในวงแคบ ไม่มีเจตนาที่จะระดมทุนจากสาธารณชน เขาว่าไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องขอใบอนุญาตแบบพวกกองทุนรวมก็ได้ครับ

จากนั้นจดทะเบียนบริษัท แจ้งว่าจะนำเงินไปลงทุน จากนั้นเรื่องรายละเอียดก็เป็นไปตามที่ประชุมผู้ถือหุ้นว่ากันไป

ทีนี้ถามว่าทำไมวิธีนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม อาจเป็นเพราะมันมีข้อเสียหลายอย่าง
1. มันยุ่งยาก
2. บริษัทไม่สามารถเครดิตภาษีเงินปันผลได้
3. ต้นทุนการบริหารจัดการสูงกว่า

ตัวอย่างเช่น ในบริษัทครอบครัว 5 คน มีเงินลงทุนทั้งหมด 10 ล้านบาท สมมติได้เงินปันผล 5% หรือ 5แสนบาท เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาสามารถนำไปเครดิตภาษีได้ แต่ในทางกลับกันบริษัทไม่สามารถทำได้ ทำให้เสียผลประโยชน์ส่วนนี้ไป หนำซ้ำบริษัทจะต้องมีการว่าจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อสรุปบัญชีและเซ็นชื่อรับรองงบการเงินอีกด้วย ซึ่งหากลงทุนในนามบุคคลธรรมดาก็ไม่ต้องว่าจ้างนักบัญชีครับ

เพิ่มเติมว่าถ้าต้องการจะทำจริงๆ ผมคิดว่าผู้จัดการลงทุนในบริษัทจะต้องมีจุดแข็งที่สุดยอด มีความสามารถเหนือนักลงทุนทั่วไปค่อนข้างมาก เพื่อดึงดูดให้คนเชื่อว่า แม้ผลประโยชน์ทางอ้อมเรื่องภาษีจะต่ำกว่า แต่การนำเงินมาลงทุนในบริษัทนี้จะดีกว่าการนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน

ประมาณนี้นะครับ ผิดถูกอย่างไรเดี๋ยวรอท่านมาเพิ่มเติมละกัน :)

Re: จะตั้งกองทุนอย่าง BuffetPartnership ทำได้ในเมืองไทยมั้ยค

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2011 9:15 am
โดย Ake VI
ถ้าผู้ลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทด้วยมันจะยุ่งยากเวลาผู้ลงทุนเพิ่มหรือลดเงินลงทุนซิครับ เพราะต้องไปแจ้งจดเพิ่มทุนลดทุนเปลี่ยนผู้ถือหุ้นกันตลอดเวลา ผมอยากขายเป็นหน่วยลงทุนให้เค้ามันจะสะดวกกว่าถ้าเค้าต้องการเพิ่มหรือลดเงินลงทุน

ตอนBuffetตั้งBuffetPartnershipเห็นว่ามีเงิน 1ล้านเหรียญใช่มั้ยครับ ก็ประมาณ 25-30ล้านบาทสมัยนั้นเท่านั้นเอง เค้าทำได้ยังไงนะ

ส่วนผจก.กองทุนคงไม่ต้องเป็นสุดยอดหรอกครับ คงมีเพื่อนหลายคนที่พอมีความรู้ในการลงทุน มีผลงานพอที่ญาติหรือเพื่อนอยากฝากเงินมาให้ลงทุนให้ แต่พอไม่มีหลักฐานหรือรูปแบบที่เป็นทางการคนรับก็ไม่อยากรับ เดี๋ยวโดนด่าว่าโกง คนฝากก็ไม่สบายใจ ไม่มีหลักฐาน ใช้การไว้ใจกันอย่างเดียว