Thai VI

หุ้นครึ่งหลังผูกการเมืองแนะถือ'เงินสด'

อดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ มองหุ้นครึ่งหลังผูกชะตาไว้กับการเมือง ขณะที่ดร.นิเวศน์ เริ่มลดพอร์ตลงทุน เผยถือเงินสดมากสุดในรอบ 10 ปี

วันนี้ (29 พ.ค.)มหาวิทยาลัยชินวัตร ได้จัดสัมมนาในหัวข้อ”ทิศทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยในครึ่งปีหลัง” โดยนายกิตติรัตน์ ณ.ระนอง อธิการบดี มหาวิทยาลัยชินวัตร และอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นครึ่งปีหลัง ตัวแปรที่สำคัญก็คือการเมืองในประเทศ ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมาปัจจัยที่ส่งผลกรทบต่อตลาดหุ้นจนมีรงขายออกมาหนักๆ จะมาจากปัจจัยภายนอก

โดยประเมินว่าหลังจากการเลือกตั้งไม่ว่าพรรคใดจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าจะเริ่มเห็นจุดเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคการเมืองส่วนใหญ่จะเน้นการสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยเฉพาะนโยบายการเพิ่มค่าแรง ซึ่งจะทำให้กลุ่มแรงงานมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และก็จะส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งแม้จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ประกอบการแต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ ประกอบกับพรรคการเมืองก็มีนโยบายลดภาษีนิติบุคคลมาเป็นตัวช่วย ซึ่งจะช่วยทุเลาต้นทุนของผู้ประกอบการได้ ทั้งนี้นโยบายลดภาษีก็จะช่วยกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนได้อีกด้วย

ด้านดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดหุ้น ให้ความเห็นว่า ปัจจัยการเมืองถือเป็นตัวแปรสำคัญของการงทุนในตลาดหุ้น เพราะยังมีความไม่แน่นอน โดยส่วนตัวได้เพิ่มการถือครองเงินสด 5-6% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีของการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะโดยปกติตนจะลงทุนเต็ม 100% ทั้งที่ผ่านมาก็ได้มีการทยอยขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงไปบ้าง แต่ยังไม่ได้ซื้อกลับในช่วงนี้ คงต้องรอภาพการเมืองให้มีความชัดเจนก่อน
“สิ่งที่ผมกลัวก็คือ เวลานี้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทย และระดับราคาหุ้นในตลาดก็ตอบรับกับความเชื่อมั่นไปแล้ว แต่หากผลการเลือกตั้งหรือการจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นไปอย่างที่เค้าเชื่อ ก็น่ากลัว โดยเฉพาะในช่วงใกล้เลือกตั้งและเลือกตั้งเสร็จแล้ว อาจมีเซอร์ไพร้ส์ทำให้คนขายหุ้นออกมาได้ ”


http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... งินสด.html

เริ่มทยอยลดพอร์ตแล้วเหมือนกัน การเมืองไทยไม่นิ่ง ญี่ปุ่นเกิดภาวะถดถอย จีนก็กำ้กึ่ง ยุโรปหนี้สินก็ยังไม่เคลียร์ อเมริกาก็หนี้สินเยอะแยะ ถือเงินสดไว้ก่อนดีกว่า ตกรถดีกว่าติดดอย

ดร ถือเงินสด 5% ทำยังกะ ดร ล้าง port เลิกเล่นหุ้น

หมายถึง เดิม ดร.ลงทุนในหุ้น 100% ตอนนี้ลดลงเหลือ 95% อย่างนี้รึเปล่าครับ???
...

ฮ่าๆ ยอมรับเลยครับ ตอนแรกอ่านหัวข้อก็ตกใจเหมือนกัน

ซื้อขายหุ้นตามผลประกอบการบริษัทดีกว่านะครับ แม้แต่บัฟเฟตต์ยังบอกว่าให้ถือหุ้นที่สามารถผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ ดีกว่ามานั่งทำนายว่าเมื่อไหร่เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี
และถ้าเล่นซื้อๆขายๆตามรายใหญ่ระวังจะเป็นแมลงเม่า เราทำนายไม่ได้ตรงหรอกครับ

อยากให้คุณ gripen ลองศึกษาในข้อมูลในเวปนี้ให้มากขึ้นอีกซักนิดก่อนโพสครับ(แนะนำเฉยๆ อย่าโกรธนะครับ)

ขอเอาส่วนหนึ่งของบทความที่ท่านอาจารย์ ดร.นิเวศน์เพิ่งโพสมาฉายซํ้านะครับ เรื่องเล่นหุ้นตามเซียน

เล่นหุ้นตามเซียน
Posted on May 18, 2011 by ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ดร.นิเวศน์ เขียน:เรื่องการเล่นหุ้นตามเซียนนี้ ปีเตอร์ ลินช์ เขียนไว้ในหนังสือ One Up on Wall Street ว่า เขาไม่แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นตามเซียนหรือตัวเขาเอง เหตุผลมี 3 ข้อ คือ 1) เซียนหรือ ปีเตอร์ ลินช์อาจจะผิด (เขาบอกว่าเขาผิดประมาณ 40% ของการเลือกซื้อหุ้น) ข้อ 2) แม้ว่าเขาจะถูก คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับหุ้นและขายไปเมื่อไร) และข้อ 3) คุณมีข้อมูลที่ดีกว่า และมันอยู่รอบ ๆ ตัวคุณ

เงินสดที่ถืออยู่คงมาจากเงินปันผลมากกว่าครับ เพียงแต่เมื่อรับเงินปันผลมาก็ยังหาหุ้นซื้อไม่ได้ ส่วนที่ขายคงเป็นเพียงเล็กน้อย เพราะถือเงินสดเพียง 5% ของพอร์ต ก็ใกล้เคียงกับอัตราเงินปันผลนะครับ

ลดบ้างไรบ้างก็ไม่เสียหาย vi ไม่ได้กำหนดว่าต้องถือ 100%

ลงทุนในกิจการที่ตนรู้จัก แต่ก็อย่าลืมประเมินราคากันและผลตอบแทนที่ต้องการกันด้วย

พวกที่ถือเกินร้อยคล้อยตามเซียน คงนั่งไม่ติดล่ะ งานนี้

charnengi เขียน: พวกที่ถือเกินร้อยคล้อยตามเซียน คงนั่งไม่ติดล่ะ งานนี้

ประโยคเด็ดโดนใจแม้ผมจะไม่ค่อยได้ตามใครเท่าไรนะครับ แต่พอเห็นกระทู้ก็พลอยแอบหวิวๆ อยู่เหมือนกันนะนี่

chatchai เขียน:เงินสดที่ถืออยู่คงมาจากเงินปันผลมากกว่าครับ เพียงแต่เมื่อรับเงินปันผลมาก็ยังหาหุ้นซื้อไม่ได้ ส่วนที่ขายคงเป็นเพียงเล็กน้อย เพราะถือเงินสดเพียง 5% ของพอร์ต ก็ใกล้เคียงกับอัตราเงินปันผลนะครับ

มีความเห็นเหมือนพี่ฉัตรชัยครับ เงินสดน่าจะเป็นเงินปันผลที่ยังไม่ได้เอาไปซื้ออะไรมากกว่า
ปันผล CPALL ก็เพิ่งออกอาทิตย์ที่แล้วเอง

ถือเงินสดมากที่สุดในรอบ 10 ปี
แปลว่า
ได้ปันผลมากที่สุดในรอบ 10 ปี !!

narisz เขียน:

nattachai เขียน:

chatchai เขียน:เงินสดที่ถืออยู่คงมาจากเงินปันผลมากกว่าครับ เพียงแต่เมื่อรับเงินปันผลมาก็ยังหาหุ้นซื้อไม่ได้ ส่วนที่ขายคงเป็นเพียงเล็กน้อย เพราะถือเงินสดเพียง 5% ของพอร์ต ก็ใกล้เคียงกับอัตราเงินปันผลนะครับ

มีความเห็นเหมือนพี่ฉัตรชัยครับ เงินสดน่าจะเป็นเงินปันผลที่ยังไม่ได้เอาไปซื้ออะไรมากกว่า
ปันผล CPALL ก็เพิ่งออกอาทิตย์ที่แล้วเอง

ยันยันตามพี่ chatchai ครับ เพราะได้ยินจากปาก ดร. เมื่อ 28/5/54 ที่ร้านอาหารปลาพื้นบ้าน

วงในสุดๆ

บทความที่แล้วเขาบอกว่าอย่า"ซื้อตามเซียน"อยู่หยกๆ แล้วเราจะมาซื้อ "CASH" ตามเซียนกันเหรอครับ

สงสัยครับ

ยืนยันอีกเสียง ผมก็ไปปลาพื้นบ้านมาครับ

sylph เขียน:ถือเงินสดมากที่สุดในรอบ 10 ปี
แปลว่า
ได้ปันผลมากที่สุดในรอบ 10 ปี !!

แจ๋วไปเลยครับ

ถ้าสังเกตจะเห็นว่าคุณ gripen แกเป็นผู้เชื่อมโลก THAIVI กับ โลก "???" (หลักๆ S2M กับ pantip)

ผมอยู่ในวันเสาร์ที่ผ่านมาที่ร้านอาหาร ปลาพื้นบ้าน ที่คุณสุนันท์ กับ อาจารย์ นิเวศน์ จัดสัมมนาเล่าประสพการณ์การลงทุนของอาจารย์ อาจารญ์บอกว่าถือเงินสดประมาณ 5 % ของพอร์ท ซึ่งมากที่สุดเท่าที่อาจารย์ถือมาเพราะว่ามีการขายหุ้นบางตัวออกไป ประกอบกับยังหาหุ้นที่ถูกมากๆไม่เจอเลยพักเงินใว้ในธนาคารก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์มองตลาดเป็นลบและจะลดการถือหุ้นอย่างมากแต่อย่างใด ผมว่านักข่าวฟังไม่หมดแล้วเอาไปสรุปไม่ครบถ้วนมากกว่าครับ

pornjalern เขียน:ผมอยู่ในวันเสาร์ที่ผ่านมาที่ร้านอาหาร ปลาพื้นบ้าน ที่คุณสุนันท์ กับ อาจารย์ นิเวศน์ จัดสัมมนาเล่าประสพการณ์การลงทุนของอาจารย์ อาจารญ์บอกว่าถือเงินสดประมาณ 5 % ของพอร์ท ซึ่งมากที่สุดเท่าที่อาจารย์ถือมาเพราะว่ามีการขายหุ้นบางตัวออกไป ประกอบกับยังหาหุ้นที่ถูกมากๆไม่เจอเลยพักเงินใว้ในธนาคารก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์มองตลาดเป็นลบและจะลดการถือหุ้นอย่างมากแต่อย่างใด ผมว่านักข่าวฟังไม่หมดแล้วเอาไปสรุปไม่ครบถ้วนมากกว่าครับ

ผมกับคิดว่าที่เขียนข่าวแบบนี้เพราะอาจจะต้องการให้ข่าวขายได้ก็เป็นไปได้คับ ว่าแต่ทำไมไม่เคยเห็นท่านอ.ลงทุนในหุ้นกลุ่มประกันภัยเลยอ่ะคับ

พี่ศิษย์เซียน007ครับ ผมเคยไปยืนมุงหลังสัมมนาเลิก มีคนถามประเด่นนี้ครับ ท่านบอกว่าบริษัทประกันในไทยไม่ค่อยนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นครับ

Pn3um0n1a เขียน:

narisz เขียน:

nattachai เขียน:

chatchai เขียน:เงินสดที่ถืออยู่คงมาจากเงินปันผลมากกว่าครับ เพียงแต่เมื่อรับเงินปันผลมาก็ยังหาหุ้นซื้อไม่ได้ ส่วนที่ขายคงเป็นเพียงเล็กน้อย เพราะถือเงินสดเพียง 5% ของพอร์ต ก็ใกล้เคียงกับอัตราเงินปันผลนะครับ

มีความเห็นเหมือนพี่ฉัตรชัยครับ เงินสดน่าจะเป็นเงินปันผลที่ยังไม่ได้เอาไปซื้ออะไรมากกว่า
ปันผล CPALL ก็เพิ่งออกอาทิตย์ที่แล้วเอง

ยันยันตามพี่ chatchai ครับ เพราะได้ยินจากปาก ดร. เมื่อ 28/5/54 ที่ร้านอาหารปลาพื้นบ้าน

วงในสุดๆ

เป็นงานสัมมนา คงไม่ใช่วงในสุดๆมั๊งครับ ใครจองไปร่วมงานก็คงได้ฟัง

wasan_yu ขอบคุณคับแสดงว่ามีนักลงทุนสงสัยเรื่องเดียวกับผมอยู่เหมือนกัน SCNYLตั้งแต่2005มาจนออกจากตลาดไปพอร์ตการลงทุนก็คงไม่ได้เน้นลงทุนในหุ้นแต่ก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างดีมาก หลังจากได้อ่านบทความที่ท่านอ.เขียนล่าสุดแล้วถ้าบริษัทประภัยไม่ต้องการเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้นแต่ต้องผลตอบแทนเงินลงทุนที่ดีกว่าการซื้อพันธบัตรหรือตราสารหนี้น่าจะลองลดส่วนการถือพันธบัตรหรือตราสารหนี้ลงประมาณ10%แล้วนำเม็ดเงินจำนวนนี้มาซื้อกองทุนอิงดัชนีในประเทศที่น่าสนใจเช่นอินเดียก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจนะคับเผื่อคุณค่าของธุรกิจประกันในไทยจะส่องประกายเข้าตาท่านอ.บ้าง

wow................

go so big.................


อย่าว่าแต่ด้านการลงทุนเลยรับ ผู้ออกสื่อส่วนใหญ่ (ถ้าไม่ทุกเจ้า) เค้าไม่ได้มีความรู้ในด้านใดๆเป็นพิเศษเลย หน้าที่หลักเค้าคือเป็นคนพยายามนำสิ่งได้รับรู้มาบอกต่อ อาจจะผิดเพี้ยนไปบ้างจนเหมือนดูหนังผีฝรั่งที่ sub ไทยแล้วกลายเป็นหนังตลก ให้อภัยเค้าเถอะครับ

เหมือนผมเลย ผมมีเงินสดในมือ 10% แสดงว่าผมเริ่มเขาใกล้เซียนแล้ว

MO101 เขียน:ดร ถือเงินสด 5% ทำยังกะ ดร ล้าง port เลิกเล่นหุ้น

ขอกด "Like" สัก 1,000 ครั้ง ครับ

ถ้าจำไม่ผิดปี 2009 ปลายปีหรือ 2010 ต้นปีไม่รู้ไม่แน่ใจ ในรายการมันนี้ทอร์กนี่ละ ดร.ก็เคยบอกว่ามีเงินสดอยู่ 3% เยอะที่สุดตั้งแต่เคยมีมา แสดงว่าตอนนี้เพิ่มมาอีกนิดหน่อยเองเป็น4-5% ไม่เห็นน่าเอามาเป็นข่าวอะไรได้เลยน้า

เห็นดร.เคยพูดแบบขำๆว่าถ้าปีนี้ 20011 ถ้าsetขึ้นอีก 20-30% ดร.จะออกจากตลาดหุ้นไปเลย
ถ้าทำจริงนี้ค่อยน่าเอาข่าวนี้มาคิดน้า 55555555