Thai VI

ผม(เดา)ว่ามีพี่ๆหลายๆคนที่นี่ที่เริ่มด้วย 1 แสน แล้วสามารถทำให้มันเป็น 1 ล้านได้
เลยอยากขอความกรุณาพี่ๆใจดีให้ช่วยแชร์ประสบการณ์จริง ไว้ให้เป็น case study หน่อยครับ
- กี่ปีได้ 1 ล้าน
- จุดเปลี่ยนที่ทำให้พอร์ตโตพรวดๆ ลงตัวไหนไป? ยังไง? เหตุผลคือ?
- การลงทุนที่แย่ที่สุด ขาดทุนมากที่สุด เหตุผลที่พลาด?
- และอื่นๆที่อยากแชร์

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

มาแอบนั่งฟังด้วย อยากให้ถึงล้าน เริ่มจากพันตอนนี้ยังไม่ถึงไหน

ผมไม่เข้าข่ายเพราะ แค่หลักพันบาทเท่านั้น
แต่มีโอกาสเพิ่มทุนเป็นหลักแสนประมาณครั้งสองครั้งเท่านั้น
ตอนนี้ถึงตามเกณฑ์

แต่ลงทุนนานหน่อยคือ ลงทุนตอนที่เกิดซึนามิพอดี (พศ 2547)
ตอนนี้ก็นับเอา 6 ปีกว่า ถึงได้ครบล่ะครับ

เสือผืน หมอนใบ นอนรอฟังเป็นเพื่อนครับ

ตอนนั้น ปี 2005 ซื้อ safe ออกจากตลาดไปแล้ว 100000 บาท แล้วเจ้าของทำ tender ที่ 78 บาท ก็ได้ มา 300000 กว่าบาท
แล้วก็ไปซื้อ cp7-11 ตอนนี้เป็น cpall ก็ได้ล้านกว่าบาท แล้วนะ

รอด้วยคนครับ....

ของผมง่ายนิดเดียวเลยครับ 3 วันก็ได้แล้ว
มีเงินเก็บอยู่ 1 แสนบาท เอามาลงทุนในหุ้น
อีก 2 วันต่อมา ไปกู้สหกรณ์มาอีก 9 แสน
รวมเงินลงทุนเป็น 1 ล้านพอดีแป๊ะเลยครับ

จะตามไปครับ

ผมเริ่มจากสามแสนกว่าบาท ลงทุนมา 1 ปีกับ 8 เดือน
ตอนนี้ได้ล้านต้นๆ แต่ยังวัดอะไรไม่ได้ครับ เพราะความรู้น้อย
ที่ได้มาคงเป็นโชคดีที่เข้าตลาดถูกจังหวะ แล้วเผอิญเลือกหุ้นถูกตัว

1. เลือกถูกตัว
2. ซื้อถูกเวลา

ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งสองข้อ โอกาสก็จะน้อยลงไปตามลำดับครับ

ตัวอย่าง

คนที่เลือกมาถูกตัว ได้ซื้อหุ้นอย่าง JAS, STA, IVL, STPI แม้จะซื้อในช่วงเวลาที่ตลาดไม่ได้วิกฤติอะไร แต่ผลตอบแทนในเวลาต่อมาก็ดีเยี่ยม

คนที่ไม่ได้เลือกหุ้นบ่อยๆ สนใจเฉพาะหุ้นใหญ่ๆที่ปลอดภัยสูง แต่ถ้าซื้อตอนที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติหนักๆ ผลตอบแทนในเวลาต่อมาก็ดีได้ เช่น ซื้อ SCC ตอน 100 บาท

ความเห็นส่วนตัว ผมรู้ตัวว่าผมไม่ได้เก่งมากในทั้งสองเรื่อง (เลือกหุ้นและจับจังหวะ) ผมจึงคิดว่าค่อยๆเป็นค่อยๆไปก็ได้ครับ และการเพิ่มทุนไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไปสำหรับการลงทุนในหุ้นครับ

อย่าไปกดดันตัวเองมาก เวลาลงทุนจะได้มีความสุขนะครับ

เลือกให้ถูกตัวสำคัญที่สุดครับ แล้วให้คำนวนไปล่วงหน้า 2-3 ปี แล้วเปรียบเทียบกับเป้าที่เราตั้งไว้ เช่น
ตัวที่ผมได้มากๆ คือ dtac, sis, synex เป็นต้น ผมมองดังนี้ครับ

1. ถ้าเป็นหุ้นที่ดี คนไม่สนใจ ต้องทยอยเก็บให้เยอะที่สุด เช่น sis กับ synex ผมเก็บเยอะมากเพราะผมชอบเล่น pda ผมมองว่า pda มันจะ mass เมื่อซัก 2-3 ปีมาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา sis วิ่งก่อน synex เพิ่งมาวิ่ง เพราะ broke เพิ่งเชียร์ ต้องเข้าใจอย่างนึงครับว่า คนทั่วไปไม่เข้าใจธุรกิจลึกซึ้ง ดังนั้นเค้าต้องมองหาความมั่นใจนั่นคือบทวิเคราะห์จากโบรกนั่นเอง แล้วเค้าก็จะแห่ตามกันซื้อราคาจะวิ่งแบบไม่น่าเชื่อ ไม่สนใจตลาด เช่น เร็วๆ นี้ set ลบ สิบกว่าจุด synex ผมบวกไป สิบกว่าเปอร์เซนต์เพราะผลประกอบการดี +โบรกเชียร์
ตอนนี้ก็พอมีอยู่นะครับที่เป็นหุ้นที่ดี โบรกยังไม่เชียร์

2. ดูธุรกิจเป็นหลัก มั่นใจในตัวเอง แต่ต้องซื้อซัก 5-6 ตัว เพราะบางตัวอาจนิ่งเป็นปี แต่อาจมีพระเอกทำport ให้มีผลงานดี ตรงนี้จะประสบความสำเร็จได้ต้องมั่นใจในบริษัท ที่เราเลือกซึ่งแปรผันตามข้อมูลที่เรามี ราคาจะวิ่งตามผลประกอบการ เช่นปีที่แล้วตัวอื่นผมทรงๆ วิ่งน้อย แต่ sis วิ่งมาก ปีนี้ sis นิ่ง แต่ dtac กับ synex วิ่งเป็นกระทิง

3. ถ้าหุ้นดี ไม่มีคำว่าตกรถ ยกตัวอย่างมันวิง จาก 0-100 เราขึ้นที่ 10 หรือ 20 ก็ไม่สาย แต่ประเด็นคือจะรู้ได้งัยว่าจะถึง 100 (ณ วันที่ซื้อ) ในช่วงแรกที่ผมลงทุน ผมตั้งจุด milestone ไว้เลยว่าซื้อเท่าไรโดยไม่สนใจตลาดเลย ตั้งเป็น system trade เลย ซึ่งส่วนใหญ่เงินงบประมาณจะหมดที่ประมาณ 30-40 (คนเก่ง จะหมดที่ประมาณ 5-10 ) ตรงนี้บอกได้เลยว่าผลกระทบจาก timing ในการซื้อจะน้อยลงมาก คือไม่จำเป็นต้องซื้อที่จุดต่ำสุด (เดี๋ยวมาแชร์ประสบการณ์ต่อครับ ขอกลับบ้านก่อน)

สรุปจากประสบการณ์ผม ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จจากหุ้น
1. อ่านเยอะๆ ทั้งจากประสบการณ์ที่ success และ fail ของนักลงทุน แล้วมันจะตกผลึกเอง ผมอ่านหมดทั้ง vi เช่น คุณสุมาอี้ , ดร.นิเวศ , yoyo หรือเซียนหุ้นที่หนังสือพิมพ์หุ้นชอบสัมภาษณ์ เช่น เสี่ยยักษ์ ผมไม่แยก ขาวกับดำ ขอให้เป็นประโยชน์กับผมผมเอาหมด
2. อ่านข้อมูลบริษัท เยอะๆ ยิ่งรู้เยอะจะยิ่งมั่นใจ แต่บางทีก็ไม่รับประกันความสำเร็จแต้จำเป็นต้องมี
3. สิ่งนึงที่ผมคิดเสมอคือ ตอนเรียนเราอ่านหนังสือก่อนสอบมากแค่ไหน ลงทุนหุ้นต้องอ่านให้มากกว่านั้น เพราะ ผลของสอบได้และตกไม่ใช่แค่สอบซ่อม แต่มันมีผลกับความมั่งคั่งของเราโดยตรง
4. มั่นใจในตัวเอง ยิ่งอ่านเยอะความมั่นใจจะเยอะ



4.

3. สิ่งนึงที่ผมคิดเสมอคือ ตอนเรียนเราอ่านหนังสือก่อนสอบมากแค่ไหน ลงทุนหุ้นต้องอ่านให้มากกว่านั้น เพราะ ผลของสอบได้และตกไม่ใช่แค่สอบซ่อม แต่มันมีผลกับความมั่งคั่งของเราโดยตรง
ชอบข้อนี้มากครับ..จะพยายามทำให้ได้

ของผมยังไม่ถึงล้านนะ
คาดการณ์ไว้ประมาณปี 2556 นะครับ
ลงทุนมาได้ 2 ปีครึ่ง ( เริ่มต้นหลักหมื่น )
ถ้าคิดๆดูก็น่าจะใช้เวลา 5 ปี ครับ
แบบคนธรรมดาที่สุดละนะ

ตอนนี้ก็ครึ่งทางครับ
เก็บออมเงินทุกเดือน 3000-5000 ไว้
รอจังหวะเข้าซื้อ

ถ้าได้ผลตอบแทนที่คาดไว้ก็น่าจะตามกำหนดหรือไวกว่ากำหนดหน่อยนึงครับ
( ไม่ได้ตั้งผลตอบแทนที่คาดหวังไว้เว่อร์นะ )

ล้านแรกผมว่ามันอยู่ที่ ความมีวินัย แล้วก็ความอดทนแหละ

แต่ถ้าใครปรับพอร์ตเก่งๆ
แม่นเรื่อง timing กะ valueation ก็น่าจะขยับจาก แสน เป็นล้านไวมากครับ


ใจเย็นๆครับ
ค่อยๆศึกษา
ให้ความรู้นำพอร์ต
พอร์ตจะโตตามความรู้เองครับ

janjan เขียน:ของผมง่ายนิดเดียวเลยครับ 3 วันก็ได้แล้ว
มีเงินเก็บอยู่ 1 แสนบาท เอามาลงทุนในหุ้น
อีก 2 วันต่อมา ไปกู้สหกรณ์มาอีก 9 แสน
รวมเงินลงทุนเป็น 1 ล้านพอดีแป๊ะเลยครับ

ง่ายจริงๆด้วยของพี่

รอฟังด้วยคนครับ เผื่อผมจะได้เอาอย่างมั่ง
ของผมเริ่มจากหมื่นต้นๆ พอเรียนจบก็พอมีเงินให้เก็บเดือนละ 2000 ทุกเดือน
สิ้นปีมีโบนัสให้เป็นหมื่นก็เก็บเข้าพอร์ทไปทั้งหมด
ปันผลที่ได้ก็ใส่กลับเข้าไปทั้งหมด
พอร์ทผมโตได้ก็อาศัยการเติมเงินเก็บเข้าไปเป็นหลัก
พอดีผมอยู่กับพ่อแม่ กินข้าวที่บ้าน รถก็ใช้ของที่บ้าน ชีวิตเลยมีต้นทุนต่ำ
ถ้านับเฉพาะของตัวเองตอนนี้ยังไม่ถึงล้าน

janjan เขียน:ของผมง่ายนิดเดียวเลยครับ 3 วันก็ได้แล้ว
มีเงินเก็บอยู่ 1 แสนบาท เอามาลงทุนในหุ้น
อีก 2 วันต่อมา ไปกู้สหกรณ์มาอีก 9 แสน
รวมเงินลงทุนเป็น 1 ล้านพอดีแป๊ะเลยครับ

หสกรณ์ไหนจะให้ผมกู้บ้างนะ จะได้มีเงินล้านสักที

pon123 เขียน:

janjan เขียน:ของผมง่ายนิดเดียวเลยครับ 3 วันก็ได้แล้ว
มีเงินเก็บอยู่ 1 แสนบาท เอามาลงทุนในหุ้น
อีก 2 วันต่อมา ไปกู้สหกรณ์มาอีก 9 แสน
รวมเงินลงทุนเป็น 1 ล้านพอดีแป๊ะเลยครับ

หสกรณ์ไหนจะให้ผมกู้บ้างนะ จะได้มีเงินล้านสักที

การลงทุนแบบ VI ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งผลตอบแทนก็น่าจะทำให้ลงทุนแบบไม่ประมาทนะครับ

การกู้เงินมาเช่นตัวอย่าง คงต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ครับ

ฝากไว้แค่นี้ครับ

puukhii เขียน:เลือกให้ถูกตัวสำคัญที่สุดครับ แล้วให้คำนวนไปล่วงหน้า 2-3 ปี แล้วเปรียบเทียบกับเป้าที่เราตั้งไว้ เช่น
ตัวที่ผมได้มากๆ คือ dtac, sis, synex เป็นต้น ผมมองดังนี้ครับ

1. ถ้าเป็นหุ้นที่ดี คนไม่สนใจ ต้องทยอยเก็บให้เยอะที่สุด เช่น sis กับ synex ผมเก็บเยอะมากเพราะผมชอบเล่น pda ผมมองว่า pda มันจะ mass เมื่อซัก 2-3 ปีมาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา sis วิ่งก่อน synex เพิ่งมาวิ่ง เพราะ broke เพิ่งเชียร์ ต้องเข้าใจอย่างนึงครับว่า คนทั่วไปไม่เข้าใจธุรกิจลึกซึ้ง ดังนั้นเค้าต้องมองหาความมั่นใจนั่นคือบทวิเคราะห์จากโบรกนั่นเอง แล้วเค้าก็จะแห่ตามกันซื้อราคาจะวิ่งแบบไม่น่าเชื่อ ไม่สนใจตลาด เช่น เร็วๆ นี้ set ลบ สิบกว่าจุด synex ผมบวกไป สิบกว่าเปอร์เซนต์เพราะผลประกอบการดี +โบรกเชียร์
ตอนนี้ก็พอมีอยู่นะครับที่เป็นหุ้นที่ดี โบรกยังไม่เชียร์

2. ดูธุรกิจเป็นหลัก มั่นใจในตัวเอง แต่ต้องซื้อซัก 5-6 ตัว เพราะบางตัวอาจนิ่งเป็นปี แต่อาจมีพระเอกทำport ให้มีผลงานดี ตรงนี้จะประสบความสำเร็จได้ต้องมั่นใจในบริษัท ที่เราเลือกซึ่งแปรผันตามข้อมูลที่เรามี ราคาจะวิ่งตามผลประกอบการ เช่นปีที่แล้วตัวอื่นผมทรงๆ วิ่งน้อย แต่ sis วิ่งมาก ปีนี้ sis นิ่ง แต่ dtac กับ synex วิ่งเป็นกระทิง

3. ถ้าหุ้นดี ไม่มีคำว่าตกรถ ยกตัวอย่างมันวิง จาก 0-100 เราขึ้นที่ 10 หรือ 20 ก็ไม่สาย แต่ประเด็นคือจะรู้ได้งัยว่าจะถึง 100 (ณ วันที่ซื้อ) ในช่วงแรกที่ผมลงทุน ผมตั้งจุด milestone ไว้เลยว่าซื้อเท่าไรโดยไม่สนใจตลาดเลย ตั้งเป็น system trade เลย ซึ่งส่วนใหญ่เงินงบประมาณจะหมดที่ประมาณ 30-40 (คนเก่ง จะหมดที่ประมาณ 5-10 ) ตรงนี้บอกได้เลยว่าผลกระทบจาก timing ในการซื้อจะน้อยลงมาก คือไม่จำเป็นต้องซื้อที่จุดต่ำสุด (เดี๋ยวมาแชร์ประสบการณ์ต่อครับ ขอกลับบ้านก่อน)

สรุปจากประสบการณ์ผม ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จจากหุ้น
1. อ่านเยอะๆ ทั้งจากประสบการณ์ที่ success และ fail ของนักลงทุน แล้วมันจะตกผลึกเอง ผมอ่านหมดทั้ง vi เช่น คุณสุมาอี้ , ดร.นิเวศ , yoyo หรือเซียนหุ้นที่หนังสือพิมพ์หุ้นชอบสัมภาษณ์ เช่น เสี่ยยักษ์ ผมไม่แยก ขาวกับดำ ขอให้เป็นประโยชน์กับผมผมเอาหมด
2. อ่านข้อมูลบริษัท เยอะๆ ยิ่งรู้เยอะจะยิ่งมั่นใจ แต่บางทีก็ไม่รับประกันความสำเร็จแต้จำเป็นต้องมี
3. สิ่งนึงที่ผมคิดเสมอคือ ตอนเรียนเราอ่านหนังสือก่อนสอบมากแค่ไหน ลงทุนหุ้นต้องอ่านให้มากกว่านั้น เพราะ ผลของสอบได้และตกไม่ใช่แค่สอบซ่อม แต่มันมีผลกับความมั่งคั่งของเราโดยตรง
4. มั่นใจในตัวเอง ยิ่งอ่านเยอะความมั่นใจจะเยอะ



4.

รออ่าน อยู่ นะครับ สุดยอดมาก

ขอแชร์บ้างครับ
ผมเล่นหุ้นตั้งแต่7ปีก่อน เล่นหลักหมื่น ตอนนั้นเล่นไม่มีวินัย ได้นิดหน่อยก็ขาย บางทีก็ชอบเสี่ยงกับหุ้นปั่น ได้บ้างขาดทุนบ้าง แต่
การลงทุนตอนนั้นถือว่าแย่มากตรงที่เงินที่ลงทุนไม่ใช่เงินเย็น ถึงคราวจำเป็นก็ต้องถอนออก เสียเวลา6ปีกว่าไปฟรีๆ พอร์ตไม่โตขึ้นเลย

จนผมได้มีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น ผมก็เริ่มตั้งสติกับตัวเอง ว่าต้องปฏิบัติยังไงกับการลงทุน จึงเริ่มตั้งแผนการลงทุนของตัุวเองและทำอย่างมีวินัย
โดยเมื่อ 8 เดือนก่อนเริ่มลงทุนด้วยทุน 1แสนบาท และฝากเงินเพิ่มเข้าพอร์ตอีกเดือนละ 5000 - 10000
จนตอนนี้พอร์ตก็โต 2แสนกว่า ถึงจะช้าแต่ผมก็พอใจ โดยผมมีเป้าหมายภายใน 3 ปีต้องเหยียบ 1ล้านให้ได้ครับ

ฝากหน่อยครับ ว่าลงทุนควรเป็นเงินเย็น อย่าใจร้อน อย่าเสี่ยงในหุ้นที่เราไม่มีข้อมูลและรู้จักดีพอ

ขอบคุณครับ

jaku เขียน:ขอแชร์บ้างครับ
ผมเล่นหุ้นตั้งแต่7ปีก่อน เล่นหลักหมื่น ตอนนั้นเล่นไม่มีวินัย ได้นิดหน่อยก็ขาย บางทีก็ชอบเสี่ยงกับหุ้นปั่น ได้บ้างขาดทุนบ้าง แต่
การลงทุนตอนนั้นถือว่าแย่มากตรงที่เงินที่ลงทุนไม่ใช่เงินเย็น ถึงคราวจำเป็นก็ต้องถอนออก เสียเวลา6ปีกว่าไปฟรีๆ พอร์ตไม่โตขึ้นเลย

จนผมได้มีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น ผมก็เริ่มตั้งสติกับตัวเอง ว่าต้องปฏิบัติยังไงกับการลงทุน จึงเริ่มตั้งแผนการลงทุนของตัุวเองและทำอย่างมีวินัย
โดยเมื่อ 8 เดือนก่อนเริ่มลงทุนด้วยทุน 1แสนบาท และฝากเงินเพิ่มเข้าพอร์ตอีกเดือนละ 5000 - 10000
จนตอนนี้พอร์ตก็โต 2แสนกว่า ถึงจะช้าแต่ผมก็พอใจ โดยผมมีเป้าหมายภายใน 3 ปีต้องเหยียบ 1ล้านให้ได้ครับ

ฝากหน่อยครับ ว่าลงทุนควรเป็นเงินเย็น อย่าใจร้อน อย่าเสี่ยงในหุ้นที่เราไม่มีข้อมูลและรู้จักดีพอ

ขอบคุณครับ

ผมเองก็เรียกได้ว่าเสียเวลาฟรีมา 7-8 ปี เลยครับ เข้าตลาดครั้งแรกตอนอายุ 20 เป๊ะ (ปี2544) เก็บเงินรอตั้งแต่เริ่มเรียนมหาลัย ปี 1 เลยครับ แต่เริ่มด้วยวิธีการที่ไม่ถูก และไม่เหมาะสม และยังอยู่ในวังวนเดิมๆ เสียเวลาฟรีไป 7-8 ปี (ซึ่งเป้นช่วงเวลาที่ดีสุดๆ) แต่พอปรับเปลี่ยนมาทาง VI ผลที่ได้กลับดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา มาก

ถึงเงินจะน้อย แต่ถ้าเข้าใจหลักการ และมีวิธีการที่ถูก และเหมาะสม จะถึงเป้าหมายได้เร็วมากครับ

ถ้ามี JAS 350000 หุ้น ที่ราคา 0.44 บาท (หรือต่ำกว่า)
....
แล้วรอ จนถึง ราคา 3.00 บาท (หรือมากกว่า)
.
.
ก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้
ภายในปีเดียวเลยครับ

ใช้เวลา 6 เดือนครับ
port โต สิบเท่า
แต่ไม่ใช่ port หุ้น
เป็น การทุ่มเงิน ในจังหวะและโอกาส ที่เหมาะสมครับ
แต่ไม่รู้จะทำได้อีกไหม

simpleBE เขียน:ผมเริ่มจากสามแสนกว่าบาท ลงทุนมา 1 ปีกับ 8 เดือน
ตอนนี้ได้ล้านต้นๆ แต่ยังวัดอะไรไม่ได้ครับ เพราะความรู้น้อย
ที่ได้มาคงเป็นโชคดีที่เข้าตลาดถูกจังหวะ แล้วเผอิญเลือกหุ้นถูกตัว

ผมลงทุนมาสองปี ได้ไม่ถึงครึ่งล้านเลยครับ อาจจะไม่ใช่โชคอย่างเดียวรึป่าวครับ ต้นทุนผมก็แสนกว่าบาทเหมือนกันครับ

เห็นด้วยกับคุณ belffet

ผมเข้า kbank 7000 หุ้นตอน 5x.xx บาท เมื่อ crisis รอบที่แล้ว
ตัวอื่นๆก็พวก cpall cpf scc แต่พวกนี้ซื้อถัวแพงขึ้นมาเรื่อยๆ

ตอนนี้ก็เก็บเงินสดรอ euro crisis ที่ไม่รู้จะเกิดเมื่อไร
แต่ยังไงก็รอได้ ถ้าเกิดจริง จะขอตีโฮมรัน สะหน่อย

เงื่อนไขคือ ไม่มี Margin หรือเปล่า
ผมไม่เคยใช้ margin เลยเป็นเต่า

ผมเริ่มหลักพัน ตอนนี้ยังไม่ล้านครับ (ทั้งพอร์ททั้งหัวเลยครับ)

เอาเงินใส่เพิ่มอีก 900000 ครับ ^^

ปล. ล้อเล่น..

ไม่เคยมีประสบการณ์พอร์ตโตจาก 1แสนเป็น1ล้านนะครับ
เพราะเอาเงินเติมเข้าไป

แต่มีจุดที่อยากให้คิดนิดนึง
การที่สามารถรอให้พอร์ตโตได้ 10 เท่า ในเวลา 5 ปี เท่ากับต้องได้ผลตอบแทนปีละ 59%
หรือถ้าโต 10 เท่าภายใน 10 ปี ต้องได้ผลตอบแทน 26%ต่อปี
แน่นอนมีคนทำได้ ในบางเวลา
แต่ยากมากที่ใครสักคนจะทำได้ ในทุกช่วงเวลา
และคนส่วนใหญ่เลยทีเดียวไม่เคยทำได้

แน่นอน ประเด็นมันคือเวลา ถ้าคนเรามีเวลาไม่จำกัด ผลตอบแทน 10 เท่าเป็นเรื่องทำได้แน่นอน
แต่เวลาเรามีจำกัด

ดังนั้น การที่พอร์ตโต 10 เท่า ภายใน 10 ปี ผมถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และทำได้ยาก
มันมีค่าเกินกว่าจะปล่อยไปโดยไม่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้เต็มที่
แทนที่จะลงทุนด้วยเงิน 1แสน ถ้าคุณมีมากกว่านั้น ทำไมไม่เติมเข้าไป
ถ้าคุณลงทุนด้วยเงิน 1 ล้าน ในเหตุการณ์เดียวกันนั้น มันจะเป็นเงิน 10 ล้าน

สำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำ เรียกว่ายังแสวงหาแนวทางอยู่
การลงทุนด้วยเงินน้อยๆ ถือเป็นความปลอดภัยที่จะไม่สูญเสียเงินไป

แต่สำหรับคนที่ค้นพบแนวทางที่มั่นใจแล้ว
สิ่งที่ผมคิดว่าควรทำ คือ ลงทุนด้วยเม็ดเงินที่มากที่สุดตามกำลังของเรา
และสำหรับคนที่ยังมีกำลังทำงาน การเติมเงินที่ได้จากการทำงานเข้ามาในพอร์ตลงทุน เป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง

ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งอาจจะไม่ถูกก็ได้ครับ

หาหุ้นสิบเด้ง ให้เจอ 1 ตัว หรือ

หาหุ้น 1 เด้ง ให้เจอ 4 ตัว ติดต่อกัน

ผมใช้เวลาประมาณครึ่งปีครับ มาจากการเติมเงินโดยเงินเดือนที่ได้รับ และกู้พี่น้องมา เลือกหุ้นไว้ห้าตัว มีโฮมโปรตัวเดียวครับ ขึ้นหลายเด้ง เลยได้ล้านนึง แต่เป็นตัวที่ซื้อน้อยสุดครับ

สงสัยจะฟลุ๊กครับ เห็นทีต้องไปฝึกวิชาเพิ่มเติมแล้วครับ อิอิ