Thai VI

^^ เขียน:1.หากช่วงวิกฤต ของขาดแคลน หากบริษัทไหนที่เขาบอกว่ามีสินค้าคงเหลือเยอะๆ
เราก็ต้องดูอีกว่า เป็นสินค้าสำเร็จรูปเท่าไหร่ เพราะจะสามารถขายได้เงินทันที
แต่ถ้าอยู่ระหว่างผลิตเยอะ แบบนี้ก็อาจไม่ทันการณ์ ผมสมมติฐานแบบนี้ถูกไหม
หรือที่เขาหมายถึงกัน คือ ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ อยู่ระหว่างผลิต และสินค้าสำเร็จรูป

ที่แนะนำมาก็ถูกนะครับ แต่อย่าลืมว่าของพวกนี้มัน case sensitive เราต้องดูธรรมชาติของธุรกิจด้วยว่าสินค้ามันล้าสมัยเร็วหรือไม่ หรือของที่มีมากอาจเป็นคนละโมเดลกับที่ตลาดต้องการ และการลงทุนแบบ VI นั้น ไม่อยากให้มาลุ้น Q ต่อ Q หรือมองผลระยะสั้น อาศัยช่วงของขาดตลาด ควรมองธุรกิจให้ยาว ดูว่าบริษัทมีความสามารถในการนำสินค้าที่ผลิตไปขายให้ได้กำไร และ แข่งกับรายอื่นได้ยิ่งยืนหรือไม่มากกว่า รวมทั้งการมองเรือ่งสินค้าคงคลังส่วนใหญ่เค้าจะมองในแง่ของประสิทธิภาพการบริหารมากกว่า ว่ามีมากหรือน้อยไปเหมาะสมกับกลยุทธ์ของบริษัทหรือไม่

2 สินค้าคงเหลือ เมื่อใช้ไปจะถูกนำไปรวมในต้นทุนขาย
อยากทราบว่า ถ้าบริษัทขายที่ดิน แล้วมีที่ดินที่ยังไม่ได้พัฒนาซื้อไว้นานแล้ว
ราคา 100 บาท
พอจะใช้พัฒนาเพื่อขาย

-ก็ให้เอาราคาที่ซื้อ 100บาท+ต้นทุนการพัฒนาและก่อสร้าง+ต้นทุนการบริหาร ก็จะได้ราคาขายเลย

ต้องบวกกำไรขั้นต้นเข้าไปด้วยครับ ถึงจะเป็นราคาขาย

-หรือว่า ไม่เอาราคาที่ดินที่ซื้อมา 100บาทมาเป็นต้นทุน ให้เอาราคาที่ดิน ณ ราคาตลาดว่าประเมินราคาเท่าไหร่ เป็นต้นทุนขายแทนครับ

3.ถ้าสินค้าคงเหลือมีมูลค่าเกือบเท่าMarket Cap ดีไหมครับ

สินค้าคงเหลือเท่ามาร์เก็ตแคป จะดีหรือไม่ ต้องอย่าลืมดูที่หนี้ด้วย ถ้าคิดว่าจะจ่ายเงินซื้อหุ้นที่มีสินค้าคงเหลือพร้อมขายในจำนวนเงินเท่า ๆ กัน แล้วจะปลอดภัย แต่หากบริษัทมีหนี้สินเยอะ เราก็ต้องไปจ่ายคืนเจ้าหนี้อยูดี

แต่แนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดที่ฉลาดมากครับ เพราะเท่ากับเราจ่ายเงินซื้อสินค้าคงคลังที่รอวันกลายเป็นเงิน บวกกำไรแล้วก็จะสูงกว่าราคาที่เราซื้อ แถมเรายังได้ เงินสด ได้สินทรัพย์อื่น ๆ อีก มันเป็นหุ้นคล้ายแบบที่ เบน แกรม เรียกว่า Net-Net แต่ของเค้าจะมองที่ขายในราคาต่ำกว่า current asset ลบด้วย หนี้ทั้งหมด ไม่ได้มองเฉพาะ inventory

หากคุณคิด ^^ คิดจะประยุกต์ใช้แนวทางนี้ อาจจะเป็น หุ้น inventory net-net คือเอา เฉพาะ inventory มา net ด้วยหนี้ แล้วหากมีมูลค่าเท่า ๆ กับ market cap เท่ากับเราเจอหุ้นที่โคตรถูก ซึ่งเป็น 1 ใน หลัก 4 ข้อการลงุทนของ ปู่บัฟและชาร์ลี สิ่งที่ต้องทำต่อมาก็คือ การประเมิน 3 ข้อที่เหลือ เช่น เราเข้าใจธุรกิจดีไม๊ ธุรกิจมีความสามารถแข่งขันยั่งยืนหรือไม่ และ มีผู้บริหารที่เราไว้ใจหรือเปล่า

ขอบคุณครับ คุณOutofMymind สำหรับคำแนะนำมือใหม่