มอง 'มือถือ' อยาก 'จับใหญ่'
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 14, 2011 1:26 pm
หลังจากเป็นผู้อ่านซะมาก ขออนุญาตนำเสนอมุมมองบ้างครับ
-------------------------------------------------------------
ปกติเวลาเราๆท่านๆจะซื้อของอะไรซักอย่าง ก็ต้องทำการบ้านก่อนใช่มั้ย เช่น จะซื้อมือถือสักเครื่อง ก็ต้อง
ศึกษาว่า แต่ละรุ่นทำอะไรได้บ้าง คุณสมบัติเทียบกับราคา คุ้มค่ามั้ย มันตอบโจทย์ความต้องการของเราหรือเปล่า
และอยู่ถึงแม้นว่า จะมีอยู่เครื่องนึงที่ มันทำได้แทบทุกอย่าง อยากได้ อยากได้
แต่ราคามันก็ใช่ย่อยเลย
เอาไงดี ซื้อสดเลย ซื้อผ่อน หรือว่า คอย ให้ราคาตก*
โทรศัพท์ที่เราจะใช้เอง กับที่เราซื้อให้ พ่อกับแม่ หรือซื้อให้น้องสาว ก็คงไม่เหมือนกัน เพราะความต้องการต่างกัน**
พ่อกับแม่ อยากได้แค่โทรเข้าออก ตัวหนังสือใหญ่ พอแหละ ส่วนของเรานี่ มันต้อง iPhone ไม่ก็ Android
กล้องหน้า กล้องหลัง Support 3G ที่ 850 CPU Dual Core ก็ว่าไป
น้องอยากได้ BB เพราะ เพื่อนๆเค้าใช้กัน
แต่ละคน วิถีชีวิตต่างกัน มีความสนใจต่างกัน เป้ายหมายต่างกัน ก็ไม่แปลกที่จะเลือกลงทุนกันคนละแบบ
หรือแม้แต่เราเอง เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความต้องการ และเป้าหมายก็เปลี่ยนไปอีก
ให้เราจินตนาการว่า เรานี่แหละเป็น Venture Capital แบบว่ามีเรามีเงินเยอะมาก (
แล้วหุ้นแต่ละตัว ก็เหมือนคนมาขอเงินเราไปลงทุน แล้วจะเค้าก็จะเล่าหรือโษณาผ่านสื่อว่า
แผนธุรกิจเค้าให้เราฟัง ว่า บ.เค้าทำอะไร จะโตแค่ไหน แผนในอนาคตเค้าเป็นยังไง พร้อมกับเสนอราคามาให้ทุกวั้นทุกวัน
สิ่งที่เค้าเล่า หรือโฆษณา นั้น เราเคลิ้มมั้ย แต่ถึงเคลิ้มยังไง ก็มิวายไป ดูโฆษณาหรือ รีวิวของรุ่นอื่นอีก
ทำไมเราไม่ใช้หลักการเดียวกับการซื้อ มือถือ (ที่เราแสนจะสนใจ ทำการบ้านแล้ว ทำการบ้านอีก
เปรียบเทียบแล้ว เปรียบเทียบอีก แถมไปขอยืมของเพื่อนมาลองใช้งานซะอีก) มาใช้ในการลงทุนล่ะ
๋ยกตัวอย่างเพื่อให้ชัดขึ้นอีก สมมติว่าแข่งกัน "จับใหญ่" ใครหยิบได้ไพ่ใบใหญ่สุด คนนั้นชนะ
A. หยิบไพ่ 1 ใบ
B. หยิบไพ่ 3 ใบ แล้วเลือกตัวที่ดีที่สุด
C. หนิบไ่พ่ 10 ใบ แล้วเลือกตัวที่ดีที่สุด
มองแค่นี้ก็เห็นชัดว่า โอกาสที่ C จะชนะมีมากว่า B และ A ...ย้ำว่าโอกาส
A อาจจะฟลุ๊กได้ Q,K หรือ A เลยก็ได้ แต่โอกาสมันเท่าไหร่กันหนอ
การเลือกกิจการที่เราจะลงทุนก็เหมือนกัน ถ้าเรามี Watch Lisht*** ของหลายๆบริษัท มาเปรียบเทียบ
ก็เหมือนหยิบไพ่มาสำรองให้เลือก เราก็มีโอกาสชนะ หรือได้กิจการที่มีโอกาสชนะได้มากกว่า
ในเกมจับใหญ่ชีวิตจริง ก็ไม่ได้มีกติกาว่า เราถือไพ่ได้แค่ใบเดียวซะหน่อย
แถมไพ่ในมือ แม้จะเป็นใบเดิม แต่เมื่อเวลาผ่าน ไพ่ในมือที่เคยใหญ่เมื่อหลายปีก่อน อาจะเปลี่ยนหน้าไปก็ได้
แถมกติกาไม่ได้บอกว่า ห้ามหงายไพ่ด้วย!! อ้าว งั้นก็หงายหลายๆใบแล้วค่อยเลือกซิ
ปล. ที่ยกตัวอย่างไพ่ขึ้นมา ไม่ได้ส่งเสริมให้เล่นการพนันนะครับ ผมเองก็ไม่ได้เล่นนะ แต่แม่ผมเป็นเจ้า(แกเล่นขำๆในเครือญาติ ได้มาก็เอาเลี้ยงหลานๆที่แทงล่ะครับ
)
*เป้าหมายของแต่ละคน , **กลยุทธ์การซื้อ ***ติดตามเพื่อเปรียบเทียบ
-------------------------------------------------------------
ปกติเวลาเราๆท่านๆจะซื้อของอะไรซักอย่าง ก็ต้องทำการบ้านก่อนใช่มั้ย เช่น จะซื้อมือถือสักเครื่อง ก็ต้อง
ศึกษาว่า แต่ละรุ่นทำอะไรได้บ้าง คุณสมบัติเทียบกับราคา คุ้มค่ามั้ย มันตอบโจทย์ความต้องการของเราหรือเปล่า
และอยู่ถึงแม้นว่า จะมีอยู่เครื่องนึงที่ มันทำได้แทบทุกอย่าง อยากได้ อยากได้
แต่ราคามันก็ใช่ย่อยเลยเอาไงดี ซื้อสดเลย ซื้อผ่อน หรือว่า คอย ให้ราคาตก*
โทรศัพท์ที่เราจะใช้เอง กับที่เราซื้อให้ พ่อกับแม่ หรือซื้อให้น้องสาว ก็คงไม่เหมือนกัน เพราะความต้องการต่างกัน**
พ่อกับแม่ อยากได้แค่โทรเข้าออก ตัวหนังสือใหญ่ พอแหละ ส่วนของเรานี่ มันต้อง iPhone ไม่ก็ Android
กล้องหน้า กล้องหลัง Support 3G ที่ 850 CPU Dual Core ก็ว่าไป
น้องอยากได้ BB เพราะ เพื่อนๆเค้าใช้กัน
แต่ละคน วิถีชีวิตต่างกัน มีความสนใจต่างกัน เป้ายหมายต่างกัน ก็ไม่แปลกที่จะเลือกลงทุนกันคนละแบบ
หรือแม้แต่เราเอง เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความต้องการ และเป้าหมายก็เปลี่ยนไปอีก
ให้เราจินตนาการว่า เรานี่แหละเป็น Venture Capital แบบว่ามีเรามีเงินเยอะมาก
(แล้วหุ้นแต่ละตัว ก็เหมือนคนมาขอเงินเราไปลงทุน แล้วจะเค้าก็จะเล่าหรือโษณาผ่านสื่อว่า
แผนธุรกิจเค้าให้เราฟัง ว่า บ.เค้าทำอะไร จะโตแค่ไหน แผนในอนาคตเค้าเป็นยังไง พร้อมกับเสนอราคามาให้ทุกวั้นทุกวัน
สิ่งที่เค้าเล่า หรือโฆษณา นั้น เราเคลิ้มมั้ย แต่ถึงเคลิ้มยังไง ก็มิวายไป ดูโฆษณาหรือ รีวิวของรุ่นอื่นอีก
ทำไมเราไม่ใช้หลักการเดียวกับการซื้อ มือถือ (ที่เราแสนจะสนใจ ทำการบ้านแล้ว ทำการบ้านอีก
เปรียบเทียบแล้ว เปรียบเทียบอีก แถมไปขอยืมของเพื่อนมาลองใช้งานซะอีก) มาใช้ในการลงทุนล่ะ
๋ยกตัวอย่างเพื่อให้ชัดขึ้นอีก สมมติว่าแข่งกัน "จับใหญ่" ใครหยิบได้ไพ่ใบใหญ่สุด คนนั้นชนะ
A. หยิบไพ่ 1 ใบ
B. หยิบไพ่ 3 ใบ แล้วเลือกตัวที่ดีที่สุด
C. หนิบไ่พ่ 10 ใบ แล้วเลือกตัวที่ดีที่สุด
มองแค่นี้ก็เห็นชัดว่า โอกาสที่ C จะชนะมีมากว่า B และ A ...ย้ำว่าโอกาส
A อาจจะฟลุ๊กได้ Q,K หรือ A เลยก็ได้ แต่โอกาสมันเท่าไหร่กันหนอ
การเลือกกิจการที่เราจะลงทุนก็เหมือนกัน ถ้าเรามี Watch Lisht*** ของหลายๆบริษัท มาเปรียบเทียบ
ก็เหมือนหยิบไพ่มาสำรองให้เลือก เราก็มีโอกาสชนะ หรือได้กิจการที่มีโอกาสชนะได้มากกว่า
ในเกมจับใหญ่ชีวิตจริง ก็ไม่ได้มีกติกาว่า เราถือไพ่ได้แค่ใบเดียวซะหน่อย
แถมไพ่ในมือ แม้จะเป็นใบเดิม แต่เมื่อเวลาผ่าน ไพ่ในมือที่เคยใหญ่เมื่อหลายปีก่อน อาจะเปลี่ยนหน้าไปก็ได้
แถมกติกาไม่ได้บอกว่า ห้ามหงายไพ่ด้วย!! อ้าว งั้นก็หงายหลายๆใบแล้วค่อยเลือกซิ
ปล. ที่ยกตัวอย่างไพ่ขึ้นมา ไม่ได้ส่งเสริมให้เล่นการพนันนะครับ ผมเองก็ไม่ได้เล่นนะ แต่แม่ผมเป็นเจ้า(แกเล่นขำๆในเครือญาติ ได้มาก็เอาเลี้ยงหลานๆที่แทงล่ะครับ
)*เป้าหมายของแต่ละคน , **กลยุทธ์การซื้อ ***ติดตามเพื่อเปรียบเทียบ
