หน้า 1 จากทั้งหมด 3

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 24, 2004 5:30 pm
โดย pk8
ยอดขายปี 46 มากถึง 22000 ล้านบาทไตรมาสแรกปีนี้ยอดขายรวมกว่า 6000 ล้านบาทปีนี้น่าจะทำยอดขายได้ไม่น้อยกว่าปีที่แล้วและในไตรมาส3เป็นต้นไปก็จะมียอดขายยางแท่งstr-20เข้ามาเสริมยอดขายอีกกำลังผลิต6000 ตันต่อเดือนราคายางแท่งstr-20ตอนนี้เฉลี่ยก็ 51 บาทได้น่าจะมียอดขายจากส่วนนี้เพิ่มขึ้นมาอีก 1000 กว่าล้านบาทต่อปี ล่าสุดเข้าซื้อหุ้นบริษัทพัฒนาการเกษตรล่วงหน้าซึ่งเป็นบริษัทbrokerตลาดเกษตรล่วงหน้าจากบริษัทลีพัฒนาผลิตภัณฑ์จำนวน 40%ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ก่อนหน้านี้ปีที่แล้วเปิดบริษัทลูกที่สิงคโปร์และอเมริกาเมื่อต้นปีน่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการแข็งขันในตลาดโลกของstaได้มากเห้นการมีพัฒนาการแบบเชิงรุกแบบนี้ผมว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวครับแล้วเพื่อนๆล่ะครับมีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 24, 2004 11:48 pm
โดย Blueblood
ตัวนี้คงมีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานจริงๆแล้วนะครับ เมื่อมีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า :)

Symbol: STA
Headline: การลงทุนในธุรกิจตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
Time: 24 พ.ค. 2004 13:19:00




วันที่ 24 พฤษภาคม 2547

เรื่อง การลงทุนในธุรกิจตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บริษัทขอแจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2547 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 โดยมีรายละเอียดดังนี้

คณะกรรมการของบริษัท มีมติที่จะลงทุนในธุรกิจตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า โดยเข้าร่วมลงทุนในบริษัท พัฒนาการเกษตร
ล่วงหน้า จำกัด ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายล่วงหน้า (Broker) no. 2012 ในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตร
ล่วงหน้าแห่งประเทศไทย จากคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (กสล.) โดยบริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนบริษัท
80 ล้านบาท และมีความสัมพันธ์กับ บริษัท ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ จำกัด ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ร้อยละ 99.5 โดยมีรายละเอียด
ของการทำข้อตกลงดังนี้

1. ทางบริษัทฯ จะทำการซื้อหุ้นบริษัท พัฒนาการเกษตรล่วงหน้า จำกัด จากบริษัท ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ จำกัด จำนวน
3,200,000 หุ้น (สามล้านสองแสนหุ้น) ราคา Par หุ้นละ 10.- บาท ในราคาหุ้นละ 11.584 บาท (สิบเอ็ดบาทจุดห้าแปดสี่สตางค์)
เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 37,068,800.- บาท (สามสิบเจ็ดล้านหกหมื่นแปดพันแปดร้อยบาทถ้วน) คิดเป็นร้อยละ 40 ของทุนจดทะเบียน

2. บริษัทจะได้รับประโยชน์ทั้งในรูปของรายได้จากเงินปันผลจากกิจการดังกล่าวหากมีผลการดำเนินงานที่ดีจากค่านายหน้า
ที่ได้รับ และผลดีทางด้าน Synergy เนื่องจากบริษัทฯสามารถใช้ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย เป็นเครื่องมือ
ในการบริหารงานด้านการตลาด อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของระดับราคาในอุตสาหกรรม
ยางธรรมชาติที่บริษัทประกอบธุรกิจอยู่

3. การตกลงเข้าทำรายการดังกล่าวข้างต้น ไม่เข้าข่ายว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และการเปิดเผยเกี่ยวกับการ
ได้มาหรือ จำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินของบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

4. บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินหลายแห่งภายในประเทศในการ
ซื้อหุ้นดังกล่าว


จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ



( นายกิติชัย สินเจริญกุล )
กรรมการ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 25, 2004 12:50 am
โดย pk8
ปี47ความต้องการยางพาราโลกเพิ่ม4%แต่ผลผลิตเพิ่มขึ้นเพียง2%เท่านั้นปีที่ผ่านมาเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนมีความต้องการใช้ยางทั้งหมด1.4ล้านตันและในปี47คาดว่าความต้องการอยู่ที่1.6-1.7ล้านตัน ไตรมาส1ปี47ยอดจำหน่ายรถยนต์ของจีนอยู่ที่ 1.275 ล้านคันเพิ่มขึ้น 3 แสนคันyoyปี47คาดว่าจะอยู่ที่ 5.5 ล้านคัน[ปี46อยู่ที่ 4.44 ล้านคัน] ปี48คาดว่าจะมียอดจำหน่ายเป็นอันดับ2ของโลกซึ่งจะเท่ากับ 10 ล้านคัน ผมคิดว่าความต้องการใช้ยางพาราของโลกในระยะ2-3ปีข้างหน้าน่าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะครับอีกทั้งเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวได้ดียิ่งน่าจะทำให้ความต้องการเพิ่มขณะที่พื้นที่การปลูกยางโตตามไม่ทันความต้องการ sta คงมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงได้มีการปรับตัวเองเพื่อให้ได้รับประโยชน์ในสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมากที่สุดถ้าstaทำยอดขายได้แค่เท่าปี46น่าจะมีกำไรกว่า 10 บาทต่อหุ้นในปี47ถ้าปันผลได้ซัก4-5บาทก็คงจะดีกำไรสะสมตั้ง 23 บาทต่อหุ้นแน่ะ ตั้งแต่ต้นปีผู้บริหารเก็บจังดอดเก็บทีละ 4-5 หมื่นหุ้นมันน่าจะมีอะไรดีจริงมั้ยครับ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 29, 2004 3:35 pm
โดย น่าเก็บ
ความต้องการยางพาราสูงขึ้น
บ.ขยายตลาดในเชิงรุก ผมสังเกตุเห็นตอนเขาเพิ่มทุนก็สงสัยเหมือนกันเห็นบริษัทเงียบๆมาตลอด เห็นเขาไปตั้ง บ.เทรดเดอร์ที่สิงคโปร์ เเล้วขยายไปอเมริกา ยอดขายเพิ่มก็หายสงสัย
การร่วมมือกันระหว่าง 3 ผู้ส่งออกยางรายใหญ่ของโลกทำให้ราคายางมีเสถียรภาพในระดับสูงไม่ถูกกดราคาโดยผู้ซื้อ
ต้นยางมีจำนวนลดลง ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีชาวสวนยางจะตัดขายต้นยางค่อนข้างมาก ในช่วงนั้นรัฐเองก็มีการส่งเสริมการทำเฟอร์นิเจอร์จากไม้ยางพารา ช่วงนี้ราคายางดีชาวสวนบางส่วนเริ่มกลับมาปลูกยางเพิ่มขึ้นเเต่การที่จะกรีดยางได้ต้นยางจะต้องมีอายุ 7 ปีขึ้นไป ราคายางจึงน่าจะดีไปอีกหลายปี
q2 ตรวจดูราคายางที่กรมการค้ากระทรวงพาณิชย์เเล้วราคายางยังคงตัวในระดับสูงตลอด ที่จริงเเล้ว q2 จะเป็นช่วงความต้องการยางน้อยสุดของปี ถ้ากำไรไตรมาสนี้มากกว่า 3 บาทต่อหุ้น ราคา sta ต้นปีคงได้เห็นสามหลัก

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 29, 2004 5:53 pm
โดย CK
น่าเก็บ เขียน:ระดับสูงตลอด ที่จริงเเล้ว q2 จะเป็นช่วงความต้องการยางน้อยสุดของปี ถ้ากำไรไตรมาสนี้มากกว่า 3 บาทต่อหุ้น ราคา sta ต้นปีคงได้เห็นสามหลัก
อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ เคยมีคนพูดเหมือนกันว่าถ้า PSL จะไปสามหลัก
ต้นปีนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่ใกล้เคียง

ที่พูดไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่พอข่าวดีออก คนก็จะมองแต่
ด้านดี พอข่าวร้ายออก คนก็จะมองแต่ด้านร้าย

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 29, 2004 8:21 pm
โดย pk8
ที่จริงอย่างที่คุณckว่าไว้ก็มีส่วนถูกและเป็นข้อที่ต้องพึ่งระมัดระวังเช่นกันถ้าดูจากอดีตstaก็มีผลประกอบการที่เดายากพอสมควรแต่ถ้าดูจากสภาวะแวดล้อมในธุรกิจยางในปัจจุบันต้องยอมรับกันอย่างหนึ่งว่าในระยะ2-3ปีข้างหน้าความต้องการยางยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ยางธรรมชาติไม่สามารถที่จะปลูกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วได้อย่างน้อยการปลูกยางต้องใช้เวลาถึง 7 ปีกว่าจะเริ่มกรีดได้ ราคายางที่ดีดตัวอย่างต่อเนื่องขึ้นมาตลอดจากปีที่แล้วมาวันนี้ก็ 54-55 บาทต่อกิโลเข้าไปแล้วปัจจัยนอกจากความร่วมมือกันที่ว่าแล้วที่สำคัญผมว่าก็คือความต้องการใช้ในโลกมันเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนั่นเองครับถ้าในปีนี้ไม่มีอะไรที่ผิดพลาดผมว่ายอดขายของstaน่าจะอยู่ในราวๆ20000-25000ล้านซึ่งก็มีราคายางเข้ามาเกี่ยวของด้วยเช่นกันในq1/47ราคาขายยางเฉลี่ยอยูที่1250 เหรียญ/ตันซึ่งเท่ากับ 50 บาทต่อกิโลถ้ายอดขายยางมีปริมาณเท่าๆเดิมหรือน้อยกว่าปี46ไม่มากนักทุกๆ 10 บาทที่ราคายางขึ้นไปstaจะมีกำไรเพิ่มขึ้น3-4 บาทต่อหุ้นเลยทีเดียวและจากยอดขายราวๆสองหมื่นล้านน่าจะทำให้staมีกำไรได้ราวๆ800-900ล้านบาท

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 29, 2004 8:33 pm
โดย pk8
ที่ผมประเมินกำไรไว้เป็นแบบหยาบๆเท่านั้นนะครับ ข้อน่าสังเกตุคือบ.ลูกของstaนั้นทำกำไรได้ดูแล้วอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากครับ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 30, 2004 11:12 am
โดย XXyyZZ (no login)
...ก่อนอื่นต้องบอกก่อนผมถือตัวนี้อยู่ครับ...
แต่อยากถามเป็นความรู้ถึงความเสี่ยงในการที่ผู้บริโภคทั้งหลายจะเปลี่ยนไปใช้ยางสังเคราะห์ทดแทนยางธรรมชาติหน่ะครับ ผมไม่แน่ใจข้อได้เปรียบเสียเปรียบในยางทั้งสองประเภทเท่าไหร่นัก ราคายางธรรมชาติที่สูงขึ้นเรื่อยๆจะมีผลต่อความคุ้มทุนทางเศรษฐกิจในการใช้ยางสังเคราะห์ทดแทนหรือไม่ครับ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 30, 2004 3:49 pm
โดย pk8
อยากรู้เรื่องยางสังเคราะห์เหมือนกันครับแต่ในระยะเวลา2-3ปีข้างหน้าน่าจะยังไม่มีอะไรที่ใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อไปแปรรูปแทนยางธรมชาติในสินค้าที่มีความต้องการใช้สูงอย่างยางรถยนต์ ถุงมือยาง คงต้องรอให้ผู้ที่มีความรู้ด้านนี้มาตอบเช่นกันครับ สำหรับธุรกิจยางนี่ปัญหาด้านการจัดการบริหารต้นทุนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญซึ่งstaก็ประสบมาเมื่อปีที่แล้วแต่ในปัจจุบันตั้งแต่ q4/46เป็นต้นมา เข้าใจว่าปัจจัยเสี่ยงที่เคยมีนั้นลดลงมากครับ อีกทั้งการมีตลาดเกษตรล่วงหน้าของเราเองน่าจะช่วยลดความผันผวนด้านการประเมินสถานการณ์ราคายางลงได้อีกแรงหนึ่งซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นครับนั่นก็หมายความว่าน่าจะทำให้ลดความผันผวนของผลประกอบการลงอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้อีกด้วย (การลงทุนมีความเสี่ยง นี่เป็นเพียงความคิดเห็นเท่านั้นครับ)

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 30, 2004 6:54 pm
โดย Blueblood
คุณ pk8 น่าจะเปิดหัวข้อ STA ในโครงการร้อยคนร้อยหุ้นนะครับ เดี๋ยวผมศึกษาละเอียดๆและจะเข้าไปคุยด้วยดีมั๊ยครับ :) จะได้เก็บข้อมูลไว้ดู

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 31, 2004 9:25 pm
โดย pk8
ขอบคุณคุณbluebloodมากครับแต่ผมไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ครับเพียงแต่ให้ข้อมูลเสริมให้กันก็พอได้นิดหน่อย อย่างไตรมาสสองนี่ใครก็คิดว่าผลการดำเนินงานน่าจะลดลงมากสำหรับsta แต่ดูจากการสต็อกยางแล้วstaมีการเตรียมตัวไว้แล้วครับq4/46แค่2000กว่าล้านแต่สิ้นq1/47มากกว่า 3500 ล้านทีเดียวและในq3/47ราคายางพาราน่าจับตาครับ ค่าเงินบาทอยู่ระดับ40บาท+/-นี่เป็นผลดีต่อกำไรของstaครับ q1/47ยอดขายยางของstaอยู่ที่130,634ตันราคาขายยางเฉลี่ยของsta q4/46 1150 เหรียญต่อตัน q1/47 1250 เหรียญต่อตัน ปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ 1350 เหรียญต่อตันตามราคายางที่เพิ่มขึ้น แต่คุณbluebloodว่ามั้ยstaนี่ทำนักวิเคราะห์หน้าแตกมาหลายหนแล้วครับตอนนี้ถึงไม่มีโบรกไหนออกบทวิเคราะห์ให้เห็นกันเลย และตั้งแต่ตั้งกระทู้มาราคาลงมาเรื่อยๆเลยสงสัยต้องหยุดชั่วคราวครับ55555

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 31, 2004 10:57 pm
โดย Blueblood
นั่นสิครับ ผมก็เคยตกม้าตายกับตัวนี้เหมือนกัน หลังจากนั้นเลยเข็ดเลยครับ ตอนนี้เห็นเริ่มกลับมาดีอีกครั้งและผู้บริหารก็ซื้อตลอด เลยอยากลองตามดูอีกครั้งครับ ยังไงมีอะไรเกี่ยวกับยางช่วยโพสท์บอกด้วยนะครับ ตอนนี้ยังไม่มีงบซื้อเลยต้องรอดูไปเรื่อยๆก่อน :)

share ข้อมูล

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 01, 2004 12:37 am
โดย kaiwan
เคยตามเรื่องยางพารามานาน ถามเพื่อนวิศวเคมี ได้ความว่ายางสังเคราะห์ทำได้นานแล้ว คุณภาพได้แค่ดีเกือบพอกัน แต่จะดีเท่าหรือดีกว่านิดหน่อย ต่อเมื่อผสมด้วยยางธรรมชาติ (ผมก็ไม่ได้ถามรายละเอียดมากนัก) แต่ราคาจะแพงกว่ามากๆ (แบบน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ กับน้ำมันเครื่องธรรมดา) ก็เป็นประโยชน์ที่คุณสมบัติเฉพาะที่โดดเด่นของยางพาราที่ยังต้องใช้กันต่อไป

เมื่อ 6-7 ปีก่อนเคยเห็นโฆษณาครึ่งหน้านสพ.ของ Dupont เรื่องความสำเร็จใหม่ในการผลิตยางสังเคราะห์คุณภาพดี เพื่อใช้กับยางรถยนต์ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่เห็นขายในเชิงพาณิชย์เลยครับ

คุณสมบัติที่ตรงข้ามของความยืดหยุ่นกับความคงทนของยางธรรมชาติ
ทำให้เกิดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นผลให้เกิดdemandต่อเนื่อง เป็นผลดีกับผู้ผลิตยางครับ

ถ้ามีการพัฒนาสารผสมที่ยืดอายุการใช้งานหรือเพิ่มความคงทนให้กับผลิตภัณฑ์จากยางได้ก็จะดีกับผู้บริโภค ปัจจุบันมีการเสริมความคงทนต่อการสึกหรอเช่นเสริมใยเหล็ก แต่เมื่อยางแห้งกรอบหมดอายุขาดความยืดหยุ่นก็ยังคงต้องเปลี่ยนอยู่ดีครับ สรุปโดยผม..ว่ายางธรรมชาติน่าจะยังไม่ถูกทดแทนโดยง่ายในอนาคตอันใกล้ครับ
(ใครมีข้อมูลที่update หรือแย้ง กรุณาแบ่งปันกันนะครับ)

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 01, 2004 10:48 am
โดย ปรับเป้ายางโต 30%
หวัดนกฉุดส่งออก"กุ้ง-ไก่"วูบ40% พาณิชย์ดัน4สินค้าเกษตรชดเชย

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังร่วมประชุมประเมินสถานการณ์ส่งออกกับกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ว่า แม้ว่าการส่งออกไก่และกุ้งจะประสบปัญหา แต่ไม่น่าจะกระทบต่อการส่งออกโดยรวมที่ตั้งเป้าปีนี้จะเติบโต 15% หรือ 92,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะสินค้ากุ้งและไก่ทำรายได้เข้าประเทศเพียง 0.2-0.3% ของมูลค่าการส่งออก ขณะที่ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และสินค้าอีกหลายกุล่มมีอัตราการขยายตัวที่สูงขึ้นมาก ซึ่งจะชดเชยส่วนที่ลดลง

นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผู้ส่งออกส่วนใหญ่วิตกเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นทำให้กระทบต่อค่าระวางเรือ แต่เนื่องจากทุกประเทศได้รับผลกระทบเหมือนกันจึงไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ

นางจันทรากล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะปรับเป้าส่งออกเท่าไหร่ แต่ผู้ส่งออกประเมินว่าสินค้าเกษตรของไทย 4 รายการ คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และน้ำตาล มีแนวโน้มที่จะส่งออกได้สูงขึ้น จึงเสนอให้กรมปรับเป้าหมายใหม่ คือ ข้าว จากเดิมจะขยายตัว 1.6% เพิ่มเป็น 24% เพราะผลผลิตข้าวในจีนมีปริมาณน้อย ขณะเดียวกันมีความต้องการสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง ต้องการนำเข้าข้าวไทย สูงถึง 43% โดยเชื่อว่าปีนี้จะสามารถส่งออกข้าวได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 8.5-9 ล้านตัน ส่วนสินค้ามันสำปะหลัง ควรปรับเป้าจากเดิม 11.5% เป็น 13% ยางพาราจาก 20% เป็น 30% ส่วนน้ำตาลยังคงเป้าหมายเดิม 4.5%

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 02, 2004 6:06 pm
โดย pk8
การบริโภคยางธรรมชาติ
การคาดการณ์การบริโภคยางในปี 2578 มีถึง 36 ล้านตันปี45เท่ากับ18.1 ล้านตัน พื้นที่ปลูกยางปัจจุบัน 18.75 ล้านไร่ ต้องเพิ่มพื้นที่ปลูกใหม่อีก 25 ล้านไร่ เท่ากับ 2.375 ล้านไร่ต่อปี การขาดแคลนยางธรรมชาติคาดว่าจะเกิดขึ้นระหว่างปี 2548-2558 ในปัจจุบันมีการผลิตยางสังเคราะห์ครับในอัตราส่วน60%ยางธรรมชาติ40% แต่ยางรถยนต์ยังคงต้องใช้ยางธรรมชาติในการผลิตอยู่โดยเฉพาะยางเรเดียล การผลิตยางสังเคราะห์มีต้นทุนสูงครับ ในระยะยาวราคายางธรรมชาติควรมีราคาต่ำกว่ายางสังเคราะห์อยู่เล็กน้อย
ขณะนี้ศูนย์กลางของอุตสาหกรรมอิลาสโตเมอร์ ได้เปลี่ยนจากซีกโลกตะวันตกเป็นซีกโลกตะวันออก เอเชียได้เป้นภูมิภาคที่มีการผลิตและการใช้ยางมากที่สุดและเป็นกุญแจพลิกผันอุตสาหกรรมยางในระดับโลก
ประเทศจีนมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในระดับโลกโดยมีการผลิตและใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปี46 มีปริมาณการใช้ยางธรรมชาติถึง 1.44 ล้านตันและคาดว่าจะเพิ่มถึง 2 ล้านตันในปี 2553 เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็วและคงตัว ในญี่ปุ่นเองก็มีสัญญานซึ่งแสดงให้เห็นถึงปริมาณการใช้ยางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
ในปี2563 น่าจะมีความต้องใช้ยางเท่ากับ 27.7 ล้านตัน เฉพาะที่จีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 30%ของปริมาณการใช้ยางในตลาดโลกและจะคงที่หลังจากนั้นโดยมีการคาดการณ์กันว่าราคายางธรรมชาติน่าจะมีค่าประมาณ 2 เหรียญดอลล่าร์ก่อนปี 2553
พื้นที่ปลูกยางพาราแน่นอนว่าประเทศไทยเรามากที่สุดผลิตยางมากที่สุดในขณะนี้ ใน 10 ปีที่ผ่านมากำลังการผลิตของมาเลเซียลดลง ลาตินอเมริกาผลิตได้น้อยมาก ในอินโดนีเชียอัตราการปลูกทดแทนในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาอาจไม่เพียงพอหากมีการเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในแอฟริกาก็เผชิญปัญหาเช่นเดียวกัน เวียดนามอาจจะผลิตได้ถึง 1 ล้านตันแต่หลังจากนั้นจะถูกจำกัดด้วยพื้นที่ไม่เพียงพอ สรุปคืออัตราการปลูกทดแทนโดยรวมของโลกยังไม่เพียงพอในช่วง 8-10 ปีที่ผ่านมาซึ่งจะรู้สึกถึงผลที่จะตามมาจนถึงปี2558

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 02, 2004 6:57 pm
โดย pk8
โดยส่วนตัวผมคิดว่าราคายางยังจะน่ามีระดับราคาสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่องเท่าที่ดูแล้วคงไม่ใช่ 2-3 ปีอย่างที่เคยคิดๆไว้แล้วครับ สำหรับผมเองมันเริ่มมีนัยยะแล้วที่จะมองผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากมูลค่าเพิ่มของมันอย่างจริงจังครับคุณ blueblood เริ่มมองๆหน่อยนาครับประเมินแล้วนี่เพิ่งโหมโรงเท่านั้นราคาที่ประเมินไว้มันค่อนข้างมากครับ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวผู้ลงทุนโปรดใช้ความพิจารณานะครับ)ผลประกอบการไตรมาสสองออกเมื่อไหร่คงจะประเมินกันได้ดีกว่านี้ครับ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น.....

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 02, 2004 7:56 pm
โดย Blueblood
อิ อิ อย่าเพิ่งรีบไปไหนนะครับ โพสท์เรื่อยๆเลยครับ ผมชอบข้อมูลแบบนี้ ว่าแต่ sta ยังมีความเสี่ยงอะไรที่สำคัญๆหลงเหลืออยู่บ้างมั๊ยครับ อยากทราบด้านที่ไม่ดีบ้างน่ะครับ :)

ป.ล. คุณ pk8 ทำงานเกี่ยวกับยางหรือปล่าวครับ ??

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 03, 2004 12:52 am
โดย pk8
ผมไม่ได้อยู่ในวงการยางครับ ข้อมูลข้างต้นส่วนหนึ่งมาจากการประชุมยางนานาชาติซึ่งจัดที่เชียงใหม่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กับบางส่วนของบทความที่เขียนโดย Mr.patrick hays managing director,SMPT singapore chairman,singapore commodity exchange เกี่ยวกับโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมยางธรรมชาติเชิงนิเวศน์ครับ ที่โพสท์มาแบบสรุปครับข้อมูลอาจไม่ครบถ้วน สำหรับ sta ตามความเห็นความเสี่ยงประการแรกคือถ้าราคายางไม่เสถียรคือเหวี่ยงขึ้นลงผันผวนแบบมากๆครับถ้าราคาเป็นไปตามที่ควรจะเป็นโดยไม่มีการเก็งกำไรกันขนาดหนักคือหากราคาจะขยับก็ควรจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปจะเป้นผลดีต่อ sta มากกว่ามันจะง่ายต่อการจัดการมากกว่าแต่ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าก็ถือว่าเป็นกลไกที่ช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้ในระดับหนึ่งครับ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2004 3:24 pm
โดย krit
ดร.ไวยวุฒิ MD ยังเก็บหุ้นอย่างต่อเนื่องใน Q2 ส่งสัญญาณเป็นนัยๆ

ไวยวุฒิ สินเจริญกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 19/04/2547 16/04/2547 30,000 35.28 ซื้อ
ไวยวุฒิ สินเจริญกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 19/05/2547 17/05/2547 41,400 36.64 ซื้อ
ไวยวุฒิ สินเจริญกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 19/05/2547 18/05/2547 8,000 36.50 ซื้อ
ไวยวุฒิ สินเจริญกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 24/05/2547 21/05/2547 10,000 35.00 ซื้อ
ไวยวุฒิ สินเจริญกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 03/06/2547 01/06/2547 24,000 34.50 ซื้อ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 08, 2004 1:06 pm
โดย pk8
ยอดรวมที่คุณไวยวุฒิเข้าซื้อ STA ตั้งแต่กลางธันวาคม 2546 เป็นต้นมาถึงปัจจุบันเท่ากับ 710,200 หุ้นครับ
ยอดจำหน่ายรถประจำเดือนพ.ค.ของอเมริกาเท่ากับ 1.5 ล้านคัน
ยอดจำหน่ายรถประจำเดือนพ.ค.ของจีนเท่ากับ 1.8 แสนคันเพิ่มขึ้น20% yoy แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย เนื่องมาจากทางการจีนออกมาตรการในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์เพื่อลดความร้อนแรงของอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนในขณะนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีอัตราของการเติบโตเฉลี่ยมากขึ้นกว่า 40%
ราคายางแผ่นรมควันชั้น3(rss3)ประจำวันที่4/6/47
หาดใหญ่ 55.30/กก.
sicom สิงคโปร์ 1.34 เหรียญ/กก.
ราคายางrrs3ตลาดเกษตรล่วงหน้า 4/6/47
ส่งมอบเดือนต.ค. 53.60/กก.
ส่งมอบเดือนพ.ย. 53.70/กก
สำหรับตลาดเกษตรล่วงหน้า 4/6/47 มีเฮดเจอร์(ผู้ประกันความเสี่ยงทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร)เข้ามาทำการซื้อขายเพิ่มขึ้นจำนวนทั้งหมด 96 สัญญา

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 11, 2004 4:40 pm
โดย krit
วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ปีที่ 27 ฉบับที่ 9590

แนวโน้มราคา"ยาง"ขาขึ้น

นายพันธ์ศักดิ์ เวชวนุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(ก.ส.ล.) เปิดเผยว่า ปริมาณซื้อขายรวม 8 วันหลังเปิดดำเนินการ 28 พฤษภาคม มีจำนวนซื้อขาย 343 สัญญา หรือปริมาณยางพารา 1,715 ตัน คิดเป็นมูลค่า 91.2 ล้านบาท โดยราคาซื้อขายใกล้เคียงกับตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าต่างประเทศ ซึ่ง ณ วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2547 ราคาไทยอยู่ที่ 53.2 บาท/ก.ก. สิงคโปร์อยู่ที่ 54.36 บาท ญี่ปุ่น 54.92-55.18 บาท/ก.ก. เซี่ยงไฮ้ประเทศจีน 61.44 บาท และเชื่อว่าความต้องการใช้ยางพาราในจีนกำลังขยายตัวเชื่อว่าจะส่งผลต่อราคาที่ขยับขึ้น

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 12, 2004 1:23 pm
โดย นักดูดาว
http://www.itv.co.th/news/news_detail.asp?ID=27811

เพลิงไหม้โรงงานยางพารา จ.ตรัง [12/6/47]
เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานยางพารารมควันที่จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นโรงงานยางใหญ่ที่สุดในประเทศ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครตรังระดมรถดับเพลิงกว่า 20 คัน ควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้โรงงานยางพารารมควันศรีตรังแอรโกรอินเตอร์อินดัสทรีย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโรงงานยางพาราที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเพลิงเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 5.00 น.วันนี้ (12 มิ.ย.) แม้ขณะนี้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังต้องฉีดน้ำเลี้ยงตลอดเวลา เพื่อป้องกันเพลิงลุกไหม้ขึ้นอีกครั้ง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า โกดังเก็บยางพาราเสียหาย 3 คูหา ยางแผ่นถูกไฟไหม้กว่า 40 ตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

โชคดีครับทุกทั่น นั่งยางกันอีกแร้ว

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 12, 2004 4:49 pm
โดย บุคคลทั่วไป
โกดังเก็บยางพาราเสียหาย 3 คูหา ยางแผ่นถูกไฟไหม้กว่า 40 ตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
ณ วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2547 ราคาไทยอยู่ที่ 53.2 บาท/ก.ก.
ลำพังเฉพาะสินค้าก็มากกว่า 20 ล้านแล้วเนอะ เดี๋ยววันจันทร์ก็รอดูผล

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 12, 2004 6:40 pm
โดย เด็กๆ
ยอดขายปีละมากกว่า 25,000 ล้าน 10 ล้านเด็กๆ กำไรไตรมาสเเรกก่อนหักภาษีจ่ายดอกเบี้ยก็ 336.59 ล้านเลี้ยว กระเเสเงินสดกว่า 800 ล้าน

CASH AND CASH EQUIVALENTS 822.05

PROFIT (LOSS) BEFORE INTEREST AND INCOME TAX EXPENSES 336.59
INTEREST EXPENSES 46.23
INCOME TAX EXPENSES 5.03
PROFIT (LOSS) AFTER TAX 285.32
NET PROFIT (LOSS) OF MINORITY INTEREST 11.95
PROFIT (LOSS) FROM ORDINARY ACTIVITIES 273.38
NET PROFIT (LOSS) 273.38
TOTAL BASIC EARNINGS PER SHARE 3.65
BASIC EARNINGS PER SHARE - PROFIT (LOSS) FROM ORDINARY ACTIVITIES 3.65
BASIC EARNINGS PER SHARE - NET INCOME (LOSS) 3.65

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 12, 2004 8:27 pm
โดย pk8
ขอโทษครับ ยางแผ่น 40 ตัน คิดยังไงครับตั้ง 20 ล้าน กก.ละ 53 บาท พันกก. 53000 บาทต่อตัน 40 ตัน รวมแล้ว 2 ล้านกว่าๆนิดหน่อยครับ ถ้ายาง 40 ตันได้เงินตั้ง 20 ล้าน STA ปีนี้คงรวยไม่รู้เรื่องเลยครับ สำหรับโกดังที่เสียหายคงไม่น่าเป็นห่วงอะไรดูแล้วเสียหายไม่มาก และในส่วนนี้น่าจะมีประกันไว้ครับ เป็นโอกาสถ้าวันจันทร์มีใคร panic sell ลงมาครับ ซึ่งก็อาจจะมีผลทางจิตวิทยาบ้างในเรื่องแบบนี้

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2004 7:27 pm
โดย pk8
update ข้อมูลครับ เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นที่โรงอบยางของ STA นั้นเกิดที่โรงอบเตาที่ 42 43 44 จากโรงอบยางทั้งหมด 56 เตาที่โรงงานของSTAแห่งนี้ และใช้ฟืนเป็นพลังงานความร้อนในการอบ ทั้งหมด 56 เตาขณะนี้ทำงานเติมกำลังการผลิตครับถ้าคิดกำลังผลิตเต็มที่ 56 เตาจะอบยางได้ 2.5 พันตันหรือเท่ากับ 45 ตันต่อเตา ฉะนั้นมูลค่ายางแผ่นที่เสียหายน่าจะอยู่ที่ราวๆ 6-7 ล้านบาทครับเป็นประมาณการณ์เท่านั้นครับแต่เฉพาะยางที่ได้รับความเสียหายน่าจะมากน้อยกว่านี้ไม่มากคงต้องดูการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ของ STAอีกครั้งจึงจะถือว่าแน่นอนครับ จะเห็นได้ว่าตอนนี้ STAเดินกำลังผลิตเติมที่ครับยอดขายในปีนี้ยังอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ตามที่ประมาณการณ์ไว้ครับ ผู้ที่ถือ STAอยู่สบายใจได้ครับไม่ได้ปลอบใจนะครับ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2004 8:02 pm
โดย นักดูดาว
ถ้าหุ้นมันจะไปต่อ ผมว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสดีที่น่าจะมี panic sell กันลงมาหนักๆ ซักรอบ เพื่อทุบให้คนขี้ตกใจขายตามกันลงมาก่อน คุณ pk8 ว่าจริงมั้ยล่ะครับ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2004 11:18 pm
โดย BEN
ผมว่าน่าจะย้ายกระทู้นี้ไปโครงการร้อยคนร้อยหุ้นเลยนะครับ มีประโยชน์มากๆเลย ไม่อยากให้หายไปน่ะครับ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 14, 2004 8:59 am
โดย นักดูดาว
คุณ pk8 ถ้าไม่รังเกียจก็เชิญสมัครสมาชิกเลยครับ

sta รือจะเปี๊ยนไป๋?

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 14, 2004 9:22 am
โดย CK
มาเชียร์ตุ๊บด้วยคนครับ

ขอออกตัวก่อนว่ายังไม่ได้ซื้อ แต่เล็งมานานมากแล้วครับ ถ้าวันนี้
มีมหกรรมลดราคา ฝันคงจะเป็นจริงเสียที