โบรกเกอร์เป็นอย่างไรเมื่อเปิดเสรี
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 09, 2011 6:27 pm
ในปีหน้าจะเปิดเสรี แต่ โบรกเกอร์ต่างแข่งขันการลงทุน เพื่อเปิดสาขามากมาย บางโบรกเกอร์ก็ถูกต่างชาติเข้ามา take over บางโบรกเกอร์ก็ถูกคนไทย take over ในราคาที่ล้วนสูงกว่าราคาหน้ากระดาน
มีเหตุผลใด จึงเป็นเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่ ปี หน้า นักลงทุนกลัวว่า เมื่อเปิดเสรี โบรกเกอร์รายได้จะหดหายไป แล้วทำไมนักลงทุนต่างชาติที่มีข้อมูลต่าง ๆ ดี แต่ความชำนาญในประเทศไทย ย่อมสู้คนไทยไม่ได้ ทำไมเขา ไม่กลัว กลับกล้าเข้ามา take over โบรกเกอร์ในไทย
สำหรับในความคิดเห็นของผม ไม่ต้องกังวล และเห็นว่ายังเป็นตัวที่น่าลงทุนอยู่
1. ลูกค้าจะใช้บริการที่ใด นั่นหมายความว่าเข้าต้องไว้วางใจ โบรอกเกอร์นั้น ๆ ในระดับหนึ่ง การจะเปลี่ยนเพียงเพราะลดค่าคอม นิดหน่อย ผมว่าไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงกับเงินลงทุน อันเป็นสาเหตุที่เมื่อพนักงานย้ายโบรกฯ เราก็จะย้ายตาม
2. แต่ละโบรกเกอร์ก็มีจุดเด่นของตนเอง ดีหน่อยลูกค้าก็มากหน่อย แต่ทุกบริษัทก็มีลูกค้า มีลูกค่าน้อยค่าใช้จ่ายเขาก็น้อย แต่ก็ยังมีกำไร ซึ่งนักลงทุนบางคนชอบเสียอีกลูกค้าน้อย ๆ เวลาสั่งซื้อขายจะได้ทันท่วงที และมีเวลาคุยกับนายหน้าได้นานขึ้น
3. การแข่งขัน สินค้าทุกอย่างก็ต้องมีการแข่งขัน เช่น เปปซี่ กับโค้ก ซึ่งแถบไม่มีอะไรแตกต่าง เขาก็แข่งขัน แต่ไม่มีการแข่งขันลดราคา เพราะต้นทุนกับกำไร เป็นจุดที่ต้องคำนึกถึง หากการลดราคา แล้วสามารถทำให้คู่แข่งขันตาย นั่นหมายความว่าเราต้องมีทุนมากพอที่อยู่ได้จนคู่แข่งอื่นตาย จึงจะทำได้ ซึ่งผมเห็นว่า ใครจะกล้าเสี่ยง เพราะปัจจุบัน โบรก์ใหญ่พอ ๆ กันก็มี หากแข่งกันลด ทำไปทำมาตายทั้งคู่ ดังนั้นการที่จะทำการค้าขาดทุน สู้ตัดลูกค้ารายนั้น ๆ ออกไป ไม่ดีกว่าหรือ
4. ในตลาดมีลูกค้ารายใหญ่ ๆ กี่ราย รายย่อยกี่ราย มูลค่าเป็นอย่างไร ผมยังเชื่อว่ารายย่อย รวม ๆ กันน่าจะมีมูลค่าซื้อขายมากกว่ารายใหญ๋
5. และ ในไตรมาส 4/54 จะเพิ่มเวลาการเทรดเพิ่มขึ้นอีก นั่นหมายความว่ารายได้แต่ละโบรกเกอร์ น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
เพื่อน ๆ มีความคิดเห็นอย่างบ้างครับ ช่วยกันให้คำแนะนำหน่อย
มีเหตุผลใด จึงเป็นเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่ ปี หน้า นักลงทุนกลัวว่า เมื่อเปิดเสรี โบรกเกอร์รายได้จะหดหายไป แล้วทำไมนักลงทุนต่างชาติที่มีข้อมูลต่าง ๆ ดี แต่ความชำนาญในประเทศไทย ย่อมสู้คนไทยไม่ได้ ทำไมเขา ไม่กลัว กลับกล้าเข้ามา take over โบรกเกอร์ในไทย
สำหรับในความคิดเห็นของผม ไม่ต้องกังวล และเห็นว่ายังเป็นตัวที่น่าลงทุนอยู่
1. ลูกค้าจะใช้บริการที่ใด นั่นหมายความว่าเข้าต้องไว้วางใจ โบรอกเกอร์นั้น ๆ ในระดับหนึ่ง การจะเปลี่ยนเพียงเพราะลดค่าคอม นิดหน่อย ผมว่าไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงกับเงินลงทุน อันเป็นสาเหตุที่เมื่อพนักงานย้ายโบรกฯ เราก็จะย้ายตาม
2. แต่ละโบรกเกอร์ก็มีจุดเด่นของตนเอง ดีหน่อยลูกค้าก็มากหน่อย แต่ทุกบริษัทก็มีลูกค้า มีลูกค่าน้อยค่าใช้จ่ายเขาก็น้อย แต่ก็ยังมีกำไร ซึ่งนักลงทุนบางคนชอบเสียอีกลูกค้าน้อย ๆ เวลาสั่งซื้อขายจะได้ทันท่วงที และมีเวลาคุยกับนายหน้าได้นานขึ้น
3. การแข่งขัน สินค้าทุกอย่างก็ต้องมีการแข่งขัน เช่น เปปซี่ กับโค้ก ซึ่งแถบไม่มีอะไรแตกต่าง เขาก็แข่งขัน แต่ไม่มีการแข่งขันลดราคา เพราะต้นทุนกับกำไร เป็นจุดที่ต้องคำนึกถึง หากการลดราคา แล้วสามารถทำให้คู่แข่งขันตาย นั่นหมายความว่าเราต้องมีทุนมากพอที่อยู่ได้จนคู่แข่งอื่นตาย จึงจะทำได้ ซึ่งผมเห็นว่า ใครจะกล้าเสี่ยง เพราะปัจจุบัน โบรก์ใหญ่พอ ๆ กันก็มี หากแข่งกันลด ทำไปทำมาตายทั้งคู่ ดังนั้นการที่จะทำการค้าขาดทุน สู้ตัดลูกค้ารายนั้น ๆ ออกไป ไม่ดีกว่าหรือ
4. ในตลาดมีลูกค้ารายใหญ่ ๆ กี่ราย รายย่อยกี่ราย มูลค่าเป็นอย่างไร ผมยังเชื่อว่ารายย่อย รวม ๆ กันน่าจะมีมูลค่าซื้อขายมากกว่ารายใหญ๋
5. และ ในไตรมาส 4/54 จะเพิ่มเวลาการเทรดเพิ่มขึ้นอีก นั่นหมายความว่ารายได้แต่ละโบรกเกอร์ น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
เพื่อน ๆ มีความคิดเห็นอย่างบ้างครับ ช่วยกันให้คำแนะนำหน่อย