Thai VI

อ่านหนังสือของ ดร.นิเวศน์ รวยหุ้นอย่างพอเพียง บทที่ ๒ "เซียน-ลิง-เด็ก" หน้า ๑๕
บอกว่าโดยสถิติแล้วการลงทุนแบบลิง (สุ่มเลือก)
ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยน ๑๐% และโอกาสที่เงินต้นหายจะน้อยมาก
สงสัยว่าข้อมูลนี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นมุขครับ และมีที่มาอย่างไร
ถ้าเป็นเช่นนี้สาเหตุที่คนมากมายขาดทุนจากตลาดหุ้นเกิดจากอะไรกันครับ

(เดาว่า) คนส่วนใหญ่ขาดทุน เพราะใช้อารมณ์ ในการซื้อและขาย

เรามักหาเหตุ มาใส่ผลที่มันเกิดขึ้น
ทั้งๆที่หลายครั้ง เราไม่ทราบสาเหตุจริงๆ

แล้วบางครั้ง ค่าสำคัญทางคณิตศาสตร์บางอย่างมันออกมาว่า Significant ด้วย

เคยอ่านเหตุผลขำๆเช่น ถ้าทีม อเมริกันฟุตบอล ฝั่งตะวันออกชนะ NFL แล้วหุ้นจะขึ้นไหมครับ
หรือ ผู้หญิงใส่กระโปรงสั้น แล้วหุ้นจะขึ้น

อ่านแล้ว เหตุนี้ไม่เกี่ยวกันเลย
แต่บางครั้งเราเห็นว่า มัน significant

เค้าก็เลยยกตัวอย่างตลกๆ แต่มันเกิดขึ้นจริงๆว่า
ซื้อหุ้นตามที่ลิงปาเป้า ให้ผลตอบแทนมากกว่า ผู้จัดการกองทุนเงินเดือนเป็นแสนๆ เพราะหลายครั้งผู้จัดการกองทุนบางคนถูก Mr.Market เล่นงานครับ

การรักษาระยะห่างระหว่างตัวเรา กับตลาดหุ้นให้พอเหมาะเป็นสิ่งสำคัญครับ

มีความสุข และมีสติกับการลงทุนนะครับผม

noooon010 เขียน:เรามักหาเหตุ มาใส่ผลที่มันเกิดขึ้น
ทั้งๆที่หลายครั้ง เราไม่ทราบสาเหตุจริงๆ

แล้วบางครั้ง ค่าสำคัญทางคณิตศาสตร์บางอย่างมันออกมาว่า Significant ด้วย

เคยอ่านเหตุผลขำๆเช่น ถ้าทีม อเมริกันฟุตบอล ฝั่งตะวันออกชนะ NFL แล้วหุ้นจะขึ้นไหมครับ
หรือ ผู้หญิงใส่กระโปรงสั้น แล้วหุ้นจะขึ้น

อ่านแล้ว เหตุนี้ไม่เกี่ยวกันเลย
แต่บางครั้งเราเห็นว่า มัน significant

เค้าก็เลยยกตัวอย่างตลกๆ แต่มันเกิดขึ้นจริงๆว่า
ซื้อหุ้นตามที่ลิงปาเป้า ให้ผลตอบแทนมากกว่า ผู้จัดการกองทุนเงินเดือนเป็นแสนๆ เพราะหลายครั้งผู้จัดการกองทุนบางคนถูก Mr.Market เล่นงานครับ

การรักษาระยะห่างระหว่างตัวเรา กับตลาดหุ้นให้พอเหมาะเป็นสิ่งสำคัญครับ

มีความสุข และมีสติกับการลงทุนนะครับผม

ขอบคุณครับ

การรักษาระยะห่างระหว่างตัวเรา กับตลาดหุ้นให้พอเหมาะเป็นสิ่งสำคัญครับ <-- ความหมายคืออะไรเหรอครับ

คือ ไม่ติดตามตลาด(ราคาหุ้น,ข่าว) มากเกินไป

ซุนเซ็ก เขียน:คือ ไม่ติดตามตลาด(ราคาหุ้น,ข่าว) มากเกินไป

ไม่ติดตามราคานี่ยังพอเข้าใจครับ เพราะว่าราคาอาจจะไม่ได้สะท้อนพื้นฐานที่แท้จริง
แต่ข่าวนี่อาจจะทำให้พื้นฐานเปลี่ยนได้นี่ครับ หรือว่าเพราะดูข่าวแล้วอาจจะตื่นเต้นหรือตกใจเกินไป โดยที่ไม่พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนจะทำอะไรไป

ตามที่ผมพูดครับ คือ มากเกินไป
เพราะข่าวหุ้นในตลาดส่วนมากมักจะไร้สาระ ควรกรองข่าวที่กระทบพื้นฐานและตามเป็นระยะๆไม่ใช่ทุกวัน

ข่าวไม่สามารถทำให้พื้นฐานบริษัทเปลี่ยนได้ครับ
เวลาดูข่าว อ่านข่าว ฟังแล้ว อ่านแล้วก็ต้องคิดหน่อย
พิจารณาว่าข้อเท็จจริงคืออะไร
ข่าวเป็นแค่สื่อ เป็นการนำเสนอเนื้อหาจากแหล่งที่มา
ชึ่งการด่วนสรุปว่าข่าว คือ ข้อเท็จจริง
อาจจะทำให้เราเข้าใจผิด และลงทุนผิดพลาดได้

แจ่มแจ้งแล้ว ขอบคุณครับ