Thai VI

อยากทราบว่าคิดกันอย่างไรครับ

การมีความคิดเป็น VI จะสามารถทำงานนี้ได้หรือไม่
แล้วจะทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดในหน้าที่หรือเปล่า?

ทำได้หมดแหละคับ

งานก็คืองาน
หน้าที่ก็ทำไปตามหน้าที่

การใช้การลงทุนแบบ Value Investment
เราก็ใช้กับพอร์ตของเรา
อย่าไปยึดติดว่าอันนี้ดีอันนี้ไม่ดี
VI ก็เป็นแนวคิดนึงเท่านั้น มีทั้งส่วนดีไม่ดี

เวลาเราจะทำอะไรให้คำนึงถึง
หลักการ และความมุ่งหมายของสิ่งนั้นๆ
ว่าเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและผู้อื่น
ต้องแยกแยะคับ

ดูตามเหตุผล
ดูตัวเองว่านิสัยยังไง ถนัดทำไรได้บ้าง
ต้องทำอะไรรู้จักประมาณตัวเอง
ต้องรู้ว่าทำอะไรได้ ไม่ได้ตอนไหน
ต้องรู้ว่าเราอยู่ในสังคมแบบไหน ผู้คนรอบข้างเราเป็นอย่างไร
ต้องเข้าใจบุคคลที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วยว่าเค้าเป็นอย่างไร

VI ไปทำอาชีพไรก็ได้คับ เพียงแต่เราใช้แนวทางนี้ในการลงทุนเท่านั้นเอง

ขอตอบในฐานะที่อดีตเคยเป็น Marketing มาก่อน
การที่เราเดินมาในแนวทาง VI นั้น ถ้าเข้าใจถึงแก่นของ VI จริงๆนั้น จะไม่ใช่แค่การลงทุน แต่เป็นการใช้ชีวิตด้วย

การที่เราเป็น Marketing ในทางทฤษฎีอาจมองว่าไม่เป็นไร แบ่งหน้าที่กับเรื่องส่วนตัวของเราออกจากกัน แต่ในความเป็นจริงนั้นยากมาก เพราะเราจะเห็นคนจำนวนมาก เน้นซื้อขายไว เก็งกำไรตามตลาด แล้วคนเหล่านั้นบางครั้งอาจกำไรเร็ว แต่จะขาดทุนกันเกือบทุกคน ซึ่งถ้าเรามั่นใจในแนวทาง VI แล้ว เราอาจจะอยากช่วยเขา บอกเขา แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอาชีพนี้จะถูกกดดันจากสภาพแวดล้อม จากหัวหน้างานของเรา ให้ต้องทำ Volume ในแต่ละวัน

ในแต่ละวันคุณจะเห็น และคุณจำเป็นต้องแนะนำให้คนอื่นทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อส่วนตัวของคุณ
และถ้าคุณควบคุมความโลภไม่ได้ คุณนั่นล่ะจะเปลี่ยนจากแนวทาง VI ไปสู่การเก็งกำไร

สรุป ถ้าคุณเป็น VI จ๋า นั้นสามารถไปเป็น Marketing ได้ครับ แต่ผมเชื่อว่าจะทำตัวลำบากมากๆ และไม่น่าจะอยู่ได้นานครับ

ปล. ความเห็นส่วนตัวจากประสบการณ์ของผมนะครับ

จริงๆ ต้องถามกลับครับ ว่าเป็นไปได้ไหมที่ mkting จะกลายมาเป็น VI จากประสบการณ์ส่วนตัวเช่นกันครับ การเป็น mkting ทำให้เห็นรูปแบบการเล่น วิธีคิดของคนหลายรูปแบบ รวมทั้งเห็นจิตวิทยามวลชน เวลาดีใจสุดกับเวลาที่กลัวสุดๆ ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปก็จะรู้ได้จากการอ่านหนังสือแนวลงทุน แต่ mkting จะได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้จริงๆ จากการสังเกตลูกค้าทั้งหมดที่เล่น คนที่เล่นตามข่าวประเภท inside คนกลุ่มนี้จะโทรมาตอนเช้าถามแค่ว่าหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่าอะไรบ้าง ตัวไหนมีข่าวว่าเจ้ามือจะปั่น ระยะสั้นคนกลุ่มนี้จะได้ค่อนข้างเยอะ แต่สุดท้ายที่ได้มาทั้งหมดก็จะคืนกลับด้วยการติดหุ้นตัวนึงที่พลาดแล้วไม่ cut ส่วนคนที่เล่นหุ้นโดยเน้นผลประกอบการวัดกับกำไรจริงๆ ของบริษัท คนกลุ่มนี้จะได้กำไรในระยะยาว วันที่หุ้นตกก็ไม่ต้องมา alert กับตลาด ปีๆนึง เขาจะซื้อขายเพียงไม่กี่ครั้ง ข้อมูลจริงๆ ที่เขาต้องการคือคาดการณ์กำไรแต่ละไตรมาสของหุ้นนั้นๆ แต่คนกลุ่มหลังที่ผมเจอ มีแค่ 10 % ของนักลงทุนทั้งหมด สรุปคือการเป็น mkting ช่วยให้เราเห็นวิธีการเล่นหลายรูปแบบทั้งแบบที่ชนะแล้วก็แพ้ตลาด สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวเราว่าจะเลือกวิธีเล่นแบบไหนที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จครับ

ดูผิวเผินเหมือนประโยชน์จะขัดกัน ลูกค้าซื้อเร็วขายเร็ว เก็งกำไร...
ทำไปทำมา ลูกค้าขาดทุน..แล้วก็เลิกเล่นหุ้น.
หากมองอีกมุม หากมีมาร์ ที่เป็นวีไอ เขาให้ความรู้เรื่องการลงทุนที่ถูกต้อง แนะนำหุ้นคุณค่าให้แก่ลูกค้า ลูกค้าได้กำไร พอร์ตใหญ่ขึ้นๆ....ลูกค้าเห็นฝีมือ ก็จะไปชักชวนแนะนำเพื่อนๆญาติๆของพวกเขามาลงทุน แม้จะนานๆปรับพอร์ทที แต่พอร์ทใหญ่ และจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น รายได้ของมาร์ ก็มากขึ้นตามไปด้วย
สรุป วีไอเป็นมาร์ได้ และน่าจะเป็นมาร์ที่ดีได้ด้วย

ขอบคุณความคิดเห็นของทุกท่านมากครับ

"ในแต่ละวันคุณจะเห็น และคุณจำเป็นต้องแนะนำให้คนอื่นทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อส่วนตัวของคุณ"

ข้อนี้เลยครับที่ทำให้ผมคิดหนักทีเดียว แม้ว่าตัวผมยังไม่สามารถเข้าถึงแก่นของ VI ได้จริงๆ แต่โดยส่วนตัวก็ชื่นชอบแนวทางนี้มาก ทั้งการลงทุนและการใช้ชีวิต จึงพยายามยึดมั่นในแนวทางนี้ และคิดว่าซักวันคงจะเป็น VI ได้อย่างสมบูรณ์

ส่วนการได้สัมผัสประสบการณ์จริงจากลูกค้าก็ดูเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย

Comment ของทุกท่านอาจเปลี่ยนจุดเริ่มต้นการงานของผมได้เลย

naijan เขียน:ดูผิวเผินเหมือนประโยชน์จะขัดกัน ลูกค้าซื้อเร็วขายเร็ว เก็งกำไร...
ทำไปทำมา ลูกค้าขาดทุน..แล้วก็เลิกเล่นหุ้น.
หากมองอีกมุม หากมีมาร์ ที่เป็นวีไอ เขาให้ความรู้เรื่องการลงทุนที่ถูกต้อง แนะนำหุ้นคุณค่าให้แก่ลูกค้า ลูกค้าได้กำไร พอร์ตใหญ่ขึ้นๆ....ลูกค้าเห็นฝีมือ ก็จะไปชักชวนแนะนำเพื่อนๆญาติๆของพวกเขามาลงทุน แม้จะนานๆปรับพอร์ทที แต่พอร์ทใหญ่ และจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น รายได้ของมาร์ ก็มากขึ้นตามไปด้วย
สรุป วีไอเป็นมาร์ได้ และน่าจะเป็นมาร์ที่ดีได้ด้วย

ในชีวิตมาร์จริงๆทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะครับ เพราะหัวหน้าคุณและบริษัทที่คุณทำงานจะไม่ยอมรอเป็นปีๆหรอกนะครับ
เขาจะให้คุณพยายามให้ลูกค้าซื้อขายให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

naijan เขียน:ดูผิวเผินเหมือนประโยชน์จะขัดกัน ลูกค้าซื้อเร็วขายเร็ว เก็งกำไร...
ทำไปทำมา ลูกค้าขาดทุน..แล้วก็เลิกเล่นหุ้น.
หากมองอีกมุม หากมีมาร์ ที่เป็นวีไอ เขาให้ความรู้เรื่องการลงทุนที่ถูกต้อง แนะนำหุ้นคุณค่าให้แก่ลูกค้า ลูกค้าได้กำไร พอร์ตใหญ่ขึ้นๆ....ลูกค้าเห็นฝีมือ ก็จะไปชักชวนแนะนำเพื่อนๆญาติๆของพวกเขามาลงทุน แม้จะนานๆปรับพอร์ทที แต่พอร์ทใหญ่ และจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น รายได้ของมาร์ ก็มากขึ้นตามไปด้วย
สรุป วีไอเป็นมาร์ได้ และน่าจะเป็นมาร์ที่ดีได้ด้วย

แต่กว่าจะถึงจุดนั้น โดนหัวหน้าไล่บี้ตายก่อนแน่นอน

เพื่อนที่เป็นมาร์ บอกว่าบริษัทให้1ล้านต่อ600บาทแต่ถ้า1เดือนไม่ถึง50ล้าน ยอดทั้งหมดถือว่าโฆษะ แถมหัวหน้าบี้สุดๆ

ถ้าเรามั่นคงในแนวทาง VI จริง ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ตอนแนะนำลูกค้าก็เชียร์ให้เล่นเดย์เทรด,เล่นเทคนิคไป เราจะได้วอลุ่มมากๆ(นี่คือเรื่องจริง ที่ต้องทำ)
ส่วนตัวเราก็ไม่เกี่ยวกัน แยกขาดชัดเจนก็ไม่น่ามีปัญหา(แต่ถ้ายังไม่มั่นคงพอ เราเองที่จะใจแตก)

เด่วนี้งานเป็นมาร์นี่ ลำบากมากนะครับ
เพื่อนผมเพิ่งเริ่มงาน บริษัทตั้งเป้าให้ทำได้เดือนละ 30 ล้าน โปร3เดือน = 90 ล้าน
วัยรุ่นอายุ 23-24 จะไปหาวอลุ่ม 90 ล้านใน 3 เดือนมาจากไหนกัน
เหมือนรับเฉพาะคนรวยที่ชวนพอร์ตญาติๆมาเปิดได้เท่านั้น เหนื่อยแทน

Skyforever เขียน:ในชีวิตมาร์จริงๆทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะครับ เพราะหัวหน้าคุณและบริษัทที่คุณทำงานจะไม่ยอมรอเป็นปีๆหรอกนะครับ
เขาจะให้คุณพยายามให้ลูกค้าซื้อขายให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

น่าสงสารลูกค้าเนาะ
โชคดีที่ผมไม่เจอมาร์และเจ้านายของมาร์ประเภทนี้

BIG87 เขียน:แต่กว่าจะถึงจุดนั้น โดนหัวหน้าไล่บี้ตายก่อนแน่นอน

หากเป็นผม ผมยอมที่จะถูกหัวหน้าไล่บี้จนตาย ดีกว่าทำให้ลูกค้าขาดทุน แล้วผมอยู่รอด

ทำได้ครับ แต่ไม่รุ่ง 55

สรุปว่า โดยความเป็นจริงแล้ว มันก็เป็นไปได้ แต่ไม่รุ่งถูกมั้ยคับ...

เว้นเสียแต่ เราก็ต้องแนะนำลูกค้าให้เล่นเดย์เทรด,เล่นเทคนิคไป เพื่อทำวอลุ่ม (แม้จะขัดกับหลักความคิดของเราก็ตาม)

เหมาะกับผจก กองทุนมากกว่า (ถ้าเป็นได้)

เพิ่มเติมอีกนิด สำหรับ VI ที่เป็น mkting จะต้องเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยว เพราะคุณจะอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดูกราฟ เล่นข่าวรายวันเป็นหลัก ถ้าอยากจะคุยเรื่องงบการเงินหรือแนวโน้มธุรกิจแบบเจาะลึกจะไม่มีใครสนใจคุยด้วย ทั้งลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน ถ้าสู้กับสภาพจิตใจได้ การเป็น mkting ก็มีข้อดีอยู่บ้างคือความใกล้ชิดกับข้อมูล ทำให้เราสามารถเห็นข่าวสารต่างๆ ทั้งที่ตลาดแจ้งแล้วก็ตามสื่อต่างๆ ได้เร็วกว่าคนอื่น

ขอบคุณมากครับที่มาแบ่งปันประสบการณ์