หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 11:57 am
โดย panwasit
ก็เริ่มมาจากวันก่อน ลงมามากเหลือก่อน ถ้าจำไม่ผิด ต่างชาติขายออกไปเกือบ 8000ล้าน เลยมั้ง ไม่แน่ใจเท่าไรนะครับ ก็หลังจากวันนั้น ตลาดลงมาจาก 1000จุด มาที่960จุดเลย (ประมาณ-40ได้มั้ง) ก็เป็นครั้งแรกสำหรับมือใหม่ไร้ความสามารถอย่างผมคนนี้นะครับ

ตอนเช้าหลังจากพี่สาวไปทำงานแล้ว ผมก็ตื่นมานั่งจิบโกโก้ร้อน (ชงเองกินเองนะครับ) ก็คุยกับแม่กันสนุกสนานเลย ว่าจะเล่นยังไง ลงทุนยังไงดี มีพ่อที่กำลังนั่งดูกราฟเพลินๆ แต่มาเครียดที่ เมื่อวานต่างชาติขายเยอะมาก ก็ลงมาเยอะเหมือนกันนะครับ สำหรับผมเอง ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก (พึ่งเข้ามาเล่นจริงจังไม่นานน่ะ) ก็นั่งขำๆ กะจะเข้าวันนี้ เพราะน่าจะรีบาวน์ ส่วนแม่ผมก็ไม่ซื้อไม่ขาย ถืออย่างเดียวครับ

เอ้อลืมบอกไปว่า พ่อผมเน้นเล่นทางเทคนิค แล้วตามต่างชาติเป็นหลักนะครับ ก็ถ้าต่างชาติเข้า ก็เข้า ต่างชาติ ออก ก็ออกตาม ไม่มีอะไรมาก แต่ถ้าต่างชาติ ซื้อๆขายๆ ก็เทคนิคแทนน่ะครับ

ส่วนแม่ผมก็เล่นแบบแปลกสุดๆ จะว่าตามบัฟเฟต์ หรือ ดร นิเวศ ก็ไม่เชิง คือ แม่ผมเล่นเหมือนทุกอย่างนะ ตั้งแต่ เลือกหุ้นแบบ "ตีแตก" แล้วก็มานั่งไล่ใน thaivi แล้วก็ตามอ่านย้อนรอยกว่าร้อยหน้า ตามดูว่าเป็นธุรกิจที่ชนะยั้นยืนหรือเปล่า อนาคตไกลแค่ไหน

แม่มาตีแตก (ดังโพล้) ออกมาได้สุดยอดมากครับ หุ้น...100% ตัวเดียว ใจเดียว ถือตลอดกาล หุหุ (ปัจจุบันนี้ ผมยังหาหนังสือที่แนะนำการเล่นการลงทุนในหุ้นตัวเดียวไม่เจอเลยครับ แต่อันนี้มีข้ออ้างว่า หุ้น... นี่ มีบริษัทย่อยเยอะ ทำหลายอย่างด้วย แต่ธุรกิจหลักๆก็ ขายไก่ (อิอิ แอบใบ้ให้) ก็สุดยอดเลยนะ ทำไปได้

พี่สาว 2 คนก็เล่นคนละแบบ คนนึงตามข่าว (ทำงานที่ธนาคารแห่งนึง) อีกคน ลืม…(งานเยอะมากเลยไม่มีเวลามาดูแลเลย)

เห็นแม่ชอบล้อพ่อเล่นบ่อยๆ "ไม่มีจุดตัดก็ไม่ซื้อ อิอิ" "ตกรถอีกแล้ว" แต่ก็มีหลายครั้งที่พ่อแซงแม่ได้ ก็โดยล้อคืนบ้างก็มีบ่อยๆ “เห็นไมล่ะ ไม่เชื่อ” “ถ้าไม่ขายนะ อ๊วกแน่” ประมาณนี้ ไม่เหมือนผม “รู้งี้” อิอิ

แต่ก็มีเรื่องแปลกนะ คนที่ได้กำไรมากที่สุดจากการเล่นหุ้น คือคนที่ “ลืม” เฉลี่ยเกือบ 40% ต่อปีเลยนะ (แน่นอนไม่ใช่ผม)

วันนั้นเปิดตลาดมา ก็แปปเดียว –10จุดได้ พ่อตกใจมาก ผมก็เลยตกใจตามไปด้วย วิ่งอยู่รอบบ้านน่ะล่ะ ทำไงดีๆ ตลาดลงมาแรงมาก ผมเลยตัดสินใจแอบขายล้างพอร์ตเลย (ไม่เหลือเลย) ก็ขาดทุนไปเยอะเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เรา cut loss ไม่ใช่ cut profit เหมือนที่เคยทำบ่อยๆ (รู้งี้ไม่ขายดีกว่า T.T ) ก็หนีจากตลาดคนแรกเลย

สักพักพี่สาวโทรมาเล่าอย่างตื่นตกใจให้ฟังว่า โชคดีตัวเองขาย cut loss ไปหมดแล้ว เพื่อนที่ทำงานยังไม่ยอมขายกันเลย พวก ตัวที่ลงท้ายด้วย L ทั้งเลยนี่ (พวกที่ปั่นๆกันอยู่น่ะ) เพื่อนพี่มันบอกว่า ถ้าไม่ขายไม่ขาดทุน ยอมติดดอย เป็นปีๆก็ยอม ขนาดพี่อธิบายแล้วยังไม่เข้าใจอีกว่าต้อง cut loss แล้ว เอาเงินไปเล่นตัวอื่นแทนจะดีกว่านะ ผมเองก็ตกใจอีก แต่อีกใจก็รู้สึกดีเพราะว่าขายไปหมดแล้ว อิอิ

ส่วนพ่อผมกำลังวุ่นวายกับการตั้งขายในราคาที่มากกว่าคนรับซื้ออยู่ (คือต้องรอคิว ขายเลยไม่ได้) ก็เลยขาดทุนหนักขึ้น สุดท้ายเลยก็เลย cut loss ไปอีกคน แล้วก็มาคุยกับผม “ถ้าต่างชาติขาย แนวบ้าอะไรก็ฉุดไม่อยู่” “จะซื้อจะขาย ดูต่างชาติ ง่ายกว่า” ประมาณนี้

เหลืออีกคนที่ยังไม่ขาย (ไม่รวมพี่สาวขี้ลืมนะ) “แม่” ผมกับพ่อเข้าไปถามแม่ ไม่ขายหรอก ตอนนี้ตลาดมันถล่มแล้วนะ (ตอนที่บอก –20 แล้ว เป็นช่วงพักครึ่งสำหรับมวยรุ่นใหญ่ที่น๊อคผมซะทีเดียวเลย แม่ก็ยังยืนยันคำเดิม ไม่ต่างจากเหมือนเช้านี้ว่า “ไม่เป็นไร แม่ไม่ขาย แม่จะลงทุน ไม่ใช่เก็งกำไร” แล้วก็ยกเหตุผลมาอ้างนิด “อย่าง ดร.นิเวศ ยังพูดเลยว่า ไม่รู้ว่าจะขายดีหรือเปล่า เพราะไม่รู้ว่าจะตกแค่ไหน แล้วจะเป็นยังไง ต่อ สรุปไม่ขาย” แต่สิ่งที่ต่างออกไป แม่เริ่มมือสั่น ตาสั่นไปแล้ว (ประมาณว่า แฟนฉัน ลูกฉัน ขายหนีหมดแล้วหรอ)

ครึ่งบ่ายต่างชาติเริ่มขายหนักอีกรอบ ราคาก็ลงมาต่อเรื่อยๆ ทั้ง set ถูกย้อมด้วยเลือดคนไทย “รู้งี้” แดงฉานไปทั้งกระดาน คนตื่นตกใจหนีตายกันไม่คิดชีวิต ใครเข้ามารับ เพราะคิดว่า ราคาถูก ซื้อเพิ่มๆ รับมีด ทะลุมือ เลือดสาดกันเป็นแทบๆ นักวิเคราะห์ต่างออกมาวิเคราะกันใหญ่ว่า เข้าสู่ขาลงแล้ว (เมื่อวานซืนยังวิเคราะห์ว่าตลาดสดใสจะไป 1700 กันอยู่เลยนินา) แม่ผมแทบขาดใจโดนพ่อกับผมและก็พี่สาวที่ทำงาน โทรกันมาไซโคนกันใหญ่ ตลาดก็ไม่มีที่ท่าว่าจะบวกหรือ รีบาวเลย

สุดท้าย แม่ตัดใจ ขายน้องไก่ที่รักและหวงใยมาตลอด ครึ่งตัว เลือดสาดกันเลย แล้วก็ไปตัดสินใจโดยขายให้ลูกสาวขี้ลืมอีกคนด้วย ครึ่งพอร์ตเลย แล้วตลาดลากเลือดก็จบลงด้วยความเจ็บช้ำของคนทั้งบ้าน ที่ขายทุนกันไปหมดเลย

วันนั้นเป็นวันเกิดแม่ผมพอดี เลยยังพอมีอะไรให้มีความสุขกันนิดหน่อยอยู่ในตอนกลางคืน อันเงียบสงบ

ก็หลังจากวันนั้น หุ้นก็เด้งจริง เด้งหลอกหลายครั้ง เป็นช่วงที่ผมได้หาหุ้นใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายๆตัว เข้าๆออกๆในพอร์ตผมเรื่อยๆ (ขาดทุนบ้างกำไรบ้าง ไม่มีหุ้นปั่นนะ) ส่วนแม่ผมก็รอจนมันลงมาที่ราคาเดิมแล้วก็ซื้อกลับไป ขาดทุนนิดหน่อย แต่ไม่ชอบมีเงินสดเท่าไร หุ้น 100% ดีกว่า พ่อผมก็ซื้อๆขายๆนิดหน่อย แต่ก็ยังรอต่างชาติเข้าซื้ออยู่

จนกระทั่ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างชาติ เข้าตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ จู่ๆก็เข้าหนักเลย แม่ขึ้นรถไปแล้ว (แต่รถดันไม่ไป) ส่วนพ่อผม ก็ขึ้นไปได้ครึ่งตัว ก็ยังดี ผมเอง ได้แค่รองเท้าไปเท่านั้น แถม รองเท้าตกมาอีกข้างด้วย (ขายหมูๆ)เศร้าเลยครับ

เรื่องนี้สอนให้ผมรู้ว่า
อย่าคิดเรื่องโง่ๆ เช่น วันพรุ่งน่าจะขึ้นนะ
อย่าทำเรื่องโง่ๆ กลัวกำไรมากเกินไป ขายหมูซะ
อย่าแสดงความฉลาด กลัวคนอื่นได้กำไร ชวนมาขาดทุนกันดีกว่า
อย่าคิดแค่ช่วงเวลาเล็กๆ มองภาพใหญ่ๆก่อนดีกว่า
และ อย่าสวน “เจ้ามือ” อ๊วกเลย


แล้วก็ ผมไม่แน่ใจเท่าไร ว่าผมควรมาลงที่ห้องไหนน่ะครับ

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 12:51 pm
โดย pornchai_w
โอ้โห้ เล่นกันทั้งบ้านเลย คนละแนวอีกต่างหาก น่าจะเป็นกรณีศึกษาได้เนอะว่า แบบไหนกำไรมากกว่า แต่แบบถือลืมกำไร40%นี่น่าสนเนอะ ไม่เสียค่าคอมไม่ต้องเครียดด้วย :lol:

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 1:16 pm
โดย kindaichi
ไม่มีคนไหน หา value หุ้นเลยเหรอครับ

ผมอ่านแล้ว ไม่เห็นเขียนบอกชัด ๆ เลย

อ่านใน ร้อยคน ก็ไม่มีการหา value นะครับ

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 1:21 pm
โดย ชีซี
มี CPF หรือเปล่าครับ ความเห็นผมนะครับ ถ้าจะลงทุนต้องพิจารณาว่ามันเป็นหุ้น
ที่กำไรขึ้นลงเป็น cycle หรือเปล่า ที่มันดี ๆ ตอนนี้ก็อาจเป็นจุดสูงของรอบก็ได้
นะ (2-3 ปีที่ผ่านมา) ถ้าจุดต่ำของมันอาจกำไรลดลงมาก ผมคิดว่าโดยพื้นฐานของธุรกิจถึงจะหลากหลาย แต่ตัวที่ทำให้กำไรดีมาก ที่ผ่านมาคงมีกำไรบางส่วนที่ผันผวน เป็นกำไรส่วนใหญ่เช่น ขายเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ส่วนกำไรจากธุรกิจอื่น เช่น cpall หรืออาหารแช่แข็งก็อีกเรื่องนึง มี vi หลายคนที่คิดว่าหุ้นที่ลงทุนเป็นหุ้นที่ดี แล้วไปซื้อตอนรอบสูงสุดของธุรกิจ แล้วลงมาก็ไม่ตัดใจขาย ถือเรื่อย ๆ จนในที่สุดต้องขาดทุนอย่างหนัก

-ผมว่าเราต้องแยกหุ้น blue ship กับ VI ให้ออก ( บางตัวอาจเป็นทั้งสอง แต่บางตัว อาจโดดเด่นจากวัฏจักร ขาขึ้นของธุรกิจจากบริษัทขนาดกลาง เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ในแง่ market cap จนนักวิเคราะห์บอกว่าเป็นหุ้น blue ship

- การออกบทความเชียร์ของนักวิเคราะห์ก็ต้องระวังเพราะตอนหุ้นขึ้น ก็จะยกเหตุผลทุกอย่างว่าดีหมด แล้วก็ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ถ้าราคาลง เขาก็จะหาเหตุผลต่าง ๆ มาอ้าง หรือบางทีเงียบหายไปเลยนะครับ

- ไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างอื่นนะครับ แต่อยากออกความเห็นอาจถูกผิดก็ได้ครับ

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 1:36 pm
โดย panwasit
เรื่องกำไรนี่ ฮาสุดแล้ว คนขี้ลืมได้เยอะสุดๆ งงกันหมดเลยล่ะครับ

เรื่องหา คุณค่าน่ะครับ คือบ้านผม แม่ผม แล้วก็พี่ ซื้อมาตั้งแต่ ราคาแค่ครึ่งเดียวแล้วครับ เมื่อปีที่แล้วน่ะครับ ก็ได้เกือบ 2เท่าน่ะครับ

ส่วนที่ไม่อยากเขียนชัดๆ เพราะว่าจะเป็นการบอกว่าหุ้นอะไร คือไม่อยากมีปันหาน่ะครับ ก็เลยไม่พูดตรงๆ ขออภัยนะครับ

ส่วนเรื่อง CPF ตัวนึงที่ผมถือไว้ ผมมองว่า เป็นไก่อันดับ 1 ของไทย (ติด 1ใน5 ของโลกด้วย) ชอบผู้บริหารด้วย ท่านเจียร์น่ะครับ ดูเหมือนบัฟเฟต์บริหารดี คือเปิดโอกาสให้คนอื่นคิด ถ้าดี ก็เอา ถ้าไม่ดีก็ไม่เอา กำไรจากการขายของก็ไม่มากเท่าไร อาจจะเป็นหุ้น cycle ด้วย ในตอนแรก (ราคาไก่สดเป็นปัจจัยหลัก) แต่ตอนนี้กำไรส่วนใหญ่เกิดจากการขายอาหารสำเร็จรูปมากกว่า มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง แล้วก็ทำหลายอย่างมากๆน่ะครับ (ก็ไม่ได้ซื้อที่จุดสูงสุดนะครับ)

ขอบคุณมากครับ

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 1:49 pm
โดย thaloengsak
สาเหตุที่ผมไม่เชื่อถือบทวิเคราะห์
ชีซี เขียน:
- การออกบทความเชียร์ของนักวิเคราะห์ก็ต้องระวังเพราะตอนหุ้นขึ้น ก็จะยกเหตุผลทุกอย่างว่าดีหมด แล้วก็ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ถ้าราคาลง เขาก็จะหาเหตุผลต่าง ๆ มาอ้าง หรือบางทีเงียบหายไปเลยนะครับ

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 2:34 pm
โดย KGYF
ได้อีกมุมมอง

ขอบคุณครับ

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 2:35 pm
โดย ชีซี
panwasit เขียน:ส่วนเรื่อง CPF ตัวนึงที่ผมถือไว้ ผมมองว่า เป็นไก่อันดับ 1 ของไทย (ติด 1ใน5 ของโลกด้วย) ชอบผู้บริหารด้วย ท่านเจียร์น่ะครับ ดูเหมือนบัฟเฟต์บริหารดี คือเปิดโอกาสให้คนอื่นคิด ถ้าดี ก็เอา ถ้าไม่ดีก็ไม่เอา กำไรจากการขายของก็ไม่มากเท่าไร อาจจะเป็นหุ้น cycle ด้วย ในตอนแรก (ราคาไก่สดเป็นปัจจัยหลัก) แต่ตอนนี้กำไรส่วนใหญ่เกิดจากการขายอาหารสำเร็จรูปมากกว่า มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง แล้วก็ทำหลายอย่างมากๆน่ะครับ (ก็ไม่ได้ซื้อที่จุดสูงสุดนะครับ)

ขอบคุณมากครับ
ถ้ามีต้นทุนต่ำ ผมยินดีด้วยครับได้กำไรเยอะเลย ตัวนี้ผมพลาดไปตอนนั้นไม่ได้ซื้อลงทุน พอดีไปเล่นตัวอื่น

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 2:38 pm
โดย ชีซี
[quote="thaloengsak"]สาเหตุที่ผมไม่เชื่อถือบทวิเคราะห์

หุ้นบางตัวที่ไม่มีบทวิเคราะห์ ก็เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมากทีเดียว
เช่น PB S&P SORKON และอีกหลายตัว ถึงไม่มีบทวิเคราะห์แต่ตัวธุรกิจ
และสินค้าของบริษัท จะเป็นบทวิเคราะห์ที่ดีในอีกรูปแบบหนึ่ง

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 2:41 pm
โดย thaloengsak
ชีซี เขียน:
thaloengsak เขียน:สาเหตุที่ผมไม่เชื่อถือบทวิเคราะห์

หุ้นบางตัวที่ไม่มีบทวิเคราะห์ ก็เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมากทีเดียว
เช่น PB S&P SORKON และอีกหลายตัว ถึงไม่มีบทวิเคราะห์แต่ตัวธุรกิจ
และสินค้าของบริษัท จะเป็นบทวิเคราะห์ที่ดีในอีกรูปแบบหนึ่ง
เห็นด้วยในเรื่องขอเนื้อหา
ส่วนตัวธุรกิจที่คุณเอ่ยมา ผมยังไม่ศึกษาอย่างจริงจัง
เลยบอกไม่ได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 9:34 pm
โดย New low logist
ผมอิจฉามากๆเลย อยากให้ที่บ้านรู้จักหุ้นกันทั้งบ้านแบบนี้บ้าง ทุกวันนี้คุยได้แต่กับเพื่อนๆ เฉพาะคนที่เล่นไม่รู้จะคุยกะใคร

ขอบังอาจออกความเห็นนิสเดียว ผมว่าถ้าคุณพ่อคุณเป็นแนวเทคนิคอลระดับมืออาชีพมานาน ยังไงกราฟวันศุกร์กะวันจันททร์นี่น่าจะต้องซื้อกลับแล้วนะครับ ไม่ควรปล่อยตกรถ

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2011 9:49 pm
โดย simplelife
ถ้าลบ 40 จุดจากเกือบๆพันจุด แล้วเรียกว่า"วันแดงเดือด" แล้วสองปีก่อนตอนวันที่มัน circuit break ไปสองครั้งติดๆ เรียกว่าอะไรดีหละครับ

Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2011 9:00 pm
โดย thaloengsak
[quote="simplelife"]ถ้าลบ 40 จุดจากเกือบๆพันจุด แล้วเรียกว่า"วันแดงเดือด" แล้วสองปีก่อนตอนวันที่มัน circuit break ไปสองครั้งติดๆ เรียกว่าอะไรดีหละครับ[/quote]
เยี่ยมเลย