Thai VI

ไม่อยากเชื่อเลยครับว่าการที่ผมยึดแนวทางลงทุนแบบ VI มาอย่างเหนียวแน่น เห็นราคาหุ้นที่เราถืออยู่วิ่งขึ้นก็ยังไม่ขาย เพราะราคายังไม่ถึงเป้าหมาย แต่อนิจจา...ตอนนี้นอกจากขาดทุนกำไรร่วมล้านแล้ว ผมยังขาดทุนหุ้นใน port ซึ่งซื้อในราคาต่ำแล้ว ตอนนี้ยังต่ำกว่าแล้วครับ มีใครเป็นอย่างผมบ้างครับ แล้วนี่หรือคือผลตอบแทนของ VI ????

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตั้งแต่เล่นมา นี่ ก็ได้ กำไรตอนเป็น VI ยันไว้ละครับ ตอนเก็งกำไร ถึงจะขาดทุนไปบ้าง แต่ก็เทียบไม่ได้กับตอนเป็น VI

อิอิ

ไม่ว่าเราเล่นแบบไหน ถ้าเราขาดทุน อย่าไปโทษหลักการครับ ลองทำการบ้านดูว่าเราขาดทุนเพราะอะไร

หุ้นที่ผมถือไม่ใช่หุ้นเก็งกำไรเลยนะครับ และซื้อในราคาที่คิดว่าต่ำแล้ว เช่น ASTL PATKL FANCY SE-ED RGR ต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้แจ้งชื่อหุ้น อาจจะทำให้คิดว่าเป็นหุ้นเก็งกำไรครับท่าน jeng แต่หุ้นที่ผมถืออยู่ตอนนี้ราคาลงมาลึกแบบเหลือเชื่อจริงๆครับ

คุณ VI นี่เป็นคนที่น่านับถือจริงๆ เป็นคนอื่น ขาดทุน แล้วโดนผมพูดแบบนี้โกรธไปแล้ว อิอิ

หุ้น VI ไม่ใช่ว่าจะเป็นหุ้นที่ดีได้ตลอดไปนะครับ เมื่อถึงเวลาที่สมควร หรือราคาที่สำควร มันก็กลายเป็นหุ้นไม่ดีพอ และควรจะรีบเอาออกจากพอร์ต ได้เหมือนกัน และที่น่าจะสำคัญกว่านั้น ไม่ว่าหุ้นจะดีไม่ดี หรือต่อให้ดีขนาดไหน เราก็ไม่มีทางรู้ครับว่า คนที่ถือหุ้นเดียวกับที่เราถือ หุ้นที่เราคิดว่าราคาถูกมาก ดีมาก ๆ คนกลุ่มนั้นจะคิดเหมือนกันกับเราหรือเปล่า เรื่องพวกนี้ก็เป็นความเสี่ยงระดับหนึ่งครับ

แต่ส่วนตัวผมคิดว่า หุ้นใด ๆ ถ้าผมเลือกที่จะซื้อเข้าพอร์ตแล้ว ผมกำลังพยายามคิดว่า การที่หุ้นราคาตก คือโอกาสครับ (ในเงื่อนไขที่ การตกของราคาไม่ได้เกิดจากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ) และถ้าผมไม่รีบที่จะต้องใช้เงินที่นำไปซื้อหุ้นนั้นในเร็ว ๆ นี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลกับการผันผวนของราคาหุ้นครับ ไม่ได้หมายความว่าผมทำได้แล้วนะ แต่กำลังฝึกใจอยู่ครับ

อ่านใน The New buffetology เน้นให้ซื้อ ตอน pe 4 - 6 ถ้าราคาทั้งบริษัทน่าซื้อ ค่อยซื้อ

เมื่อซื้อแล้ว ราคาลงก็ไม่กลัว

ลงไปมากๆก็ซื้อเพิ่ม

ถ้าหุ้นที่ถืออยู่ราคาลงมากๆผิดปกติ ก็น่าจะเข้าไปดูสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร เพราะหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่องมากๆ ราคามีแนวโน้มไปตามผลประกอบการณ์

ซึ่ง อาจจะลงบ้างในช่วงตลาดปรับฐาน แต่ไม่น่าจะลงมาก

ขอแจ้งแถลงไขเล็กน้อยครับ

ซื้อตอน P/E 4 - 6 ไม่น่ากลัวครับ ที่น่ากลัวคือ E ปีหน้าต่างหาก

ถ้า E สาละวันเตี้ยลงล่ะก้อ ...

นโยบายการซื้อหุ้นที่ conservative สุดๆ ดูจะเริ่มเตะตาขึ้นมาทันที

ขอเสริมอีกนิด ถ้าเราใจเย็น แล้วค่อยๆ เอา pe 4-6 ทั้งหมด มาเลือกตัวที่ดีที่สุด

เช่น e เพิ่มขึ้น

หนี้น้อย หรือไม่มี

เป็น โมโนโพลี่

และอื่นๆ

โอกาสขาดทุนก็จะน้อยมากครับ

มาเป็นกำลังใจครับ อย่าเพิ่งท้อแท้

สำหรับผมขาดทุนตั้งแต่วันแรกที่ลงทุน ภายใต้แนวความคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่า แบบว่าหุ้นเค้าขึ้นกันยกแพงแต่พอร์ตผมมันก็ได้แค่กระดึบๆๆ แต่พอเวลาหุ้นตกหนักๆๆ พอร์ตผมก็ตามกะเค้าไปด้วย ดูมันซิครับ ไม่รักดีเลยยย
ตั้งแต่วันแรกที่ลงทุนจนถึงวันนี้พอร์ตผมไม่เคยอยู่แดนบวกเลยครับ นี่ถ้าไม่ติดคำพูดของบัฟเฟตที่ว่า "ถ้าคุณเห็นหุ้นที่คุณชื้อลงไปถึง 50% ไม่ได้ คุณก็ไม่ควรอยู่ในตลาดหุ้น" แบบว่าประมาณเนี๊ย ผมเลยไม่ขายสักที ตอนซื้อว่ายาก ตอนขายยิ่งยากกว่าอีก ผมเลยจะให้โอกาสลูกๆของผมซัก 3-5 ปี ถ้ามันไม่รักดีถึงค่อยจะขายมันทิ้งล่ะครับ อย่างน้อยผมก็ได้ปันผล และอย่างน้อยมันก็ปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดผมก็พอจัยแล้วครับ แบบว่ามักน้อยน่ะครับ...

VI เขียน:หุ้นที่ผมถือไม่ใช่หุ้นเก็งกำไรเลยนะครับ และซื้อในราคาที่คิดว่าต่ำแล้ว เช่น ASTL PATKL FANCY SE-ED RGR ต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้แจ้งชื่อหุ้น อาจจะทำให้คิดว่าเป็นหุ้นเก็งกำไรครับท่าน jeng แต่หุ้นที่ผมถืออยู่ตอนนี้ราคาลงมาลึกแบบเหลือเชื่อจริงๆครับ

ที่อ่านดู มีหุ้นตัวไหนที่ไม่มีเก็งกำไร
ถึงไม่เก็งกำไรราคา
เขาก็เก็งกำไรผลประกอบการ
ส้วม ก็ราคามันสูงรายใหญ่ไม่ชอบเก็ง
ส่วนที่เหลือก็อ่อนไหวไปกับการแวยโอกาส
ของราคาวัตถุดิบที่เข้ามากระทบ
ยิ่งราคาต่ำ10เก็งกันทั้งนั้นล่ะครับ
มีแต่คนตั้งกระทู้คิดว่าไม่เก็งกำไร

แต่ผมมอง ถ้ามีช่วงราคาหรือข่าวเข้ามาเสริมก็เป็นไปกับเขาเหมือน
ขอดทษ ถ้าเขียนแบบนี้แล้วจะโกรธกัน ก็ไม่เป็นไร
นานไปท่านก็จะรู้ว่า ดร.ของผมกำลังขายไฟรถยนต์อยู่ หึหึ

[quote="ปรัชญา(ไม่ได้ล็อกอิน)"][quote="VI"]หุ้นที่ผมถือไม่ใช่หุ้นเก็งกำไรเลยนะครับ และซื้อในราคาที่คิดว่าต่ำแล้ว เช่น ASTL PATKL FANCY SE-ED RGR ต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้แจ้งชื่อหุ้น อาจจะทำให้คิดว่าเป็นหุ้นเก็งกำไรครับท่าน jeng แต่หุ้นที่ผมถืออยู่ตอนนี้ราคาลงมาลึกแบบเหลือเชื่อจริงๆครับ :([/quote]

ที่อ่านดู มีหุ้นตัวไหนที่ไม่มีเก็งกำไร
ถึงไม่เก็งกำไรราคา
เขาก็เก็งกำไรผลประกอบการ
ส้วม ก็ราคามันสูงรายใหญ่ไม่ชอบเก็ง
ส่วนที่เหลือก็อ่อนไหวไปกับการแวยโอกาส
ของราคาวัตถุดิบที่เข้ามากระทบ
ยิ่งราคาต่ำ10เก็งกันทั้งนั้นล่ะครับ
มีแต่คนตั้งกระทู้คิดว่าไม่เก็งกำไร

แต่ผมมอง ถ้ามีช่วงราคาหรือข่าวเข้ามาเสริมก็เป็นไปกับเขาเหมือน
ขอดทษ ถ้าเขียนแบบนี้แล้วจะโกรธกัน ก็ไม่เป็นไร
นานไปท่านก็จะรู้ว่า ดร.ของผมกำลังขายไฟรถยนต์อยู่ หึหึ[/quote]


พี่ปรัชญาไปดูท่าไหนครับถึงรู้ว่าขายอยู่ครับ

ผมว่าหลักการณ์ของviไม่ได้เปี๊ยนไป๊หรอกครับ
ผมมานั่งreview พอร์ตตัวเอง
มั่นใจว่าหุ้นตัวที่ตัวเองเข้าไปลงทุน viล้วนๆ
แต่พวกเราต่างหากที่ทำได้ไม่ครบตามหลักการณ์
1.หุ้นต้องมีพื้นฐานดี
2.ราคาที่ซื้อมีmargin of safetyมากพอ
2ข้อนี้กว้างมากครับ แล้วแต่การตีความของแต่ละคน
ข้อแรก ต้องมั่นใจว่าพื้นฐานที่เราดูต้องไม่เปลี่ยนแปลงกันง่ายๆ
ไม่ใช่ดีเป็นบางปี โดยเฉพาะพวกโภคภัณฑ์หรือไฮเทค
ข้อ2 การดูราคาเทียบกับกำไร กำไรที่ใช้ควรจะเป็นค่าเฉลี่ย3ปีย้อนหลัง ไม่ใช่ดีปีนี้จากที่แย่ๆมาก่อน เอากำไรปีที่ดีที่สุดท้ายสุดมาคิด ทำให้แม้ราคาจะแพงขึ้นมากแต่p/eก็ยังไม่สูง แต่พอกำไรโดนกระทบหน่อยร่วงลงมาเท่าปกติก็ทำให้ราคาร่วงลงมาได้มาก โดยเฉพาะพวก"growth stock"ที่ได้ บวก ความคาดหวังเข้าไปในราคาค่อนข้างมาก พวกนี้ขึ้นเร็วแต่ก็ลงเร็วมากเช่นกัน
ตอนนี้ผมว่า"ตูดขาด"พอๆกันแหละครับ
แต่อย่าให้พวกเราเสียกำลังใจครับ
รวบรวมสติ ทบทวนการลงทุนของตัวเอง
หาบทสรุป หาข้อบกพร่อง และวิธีแก้ไขครับ
ถ้าคุณล้มต้องรีบลุก ถ้าล้มแล้วลุกช้า นับ10 ก็น๊อกแหละครับ

สไตล์ VI คือใช้ผลประกอบการเป็นตัววัดมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นครับ

ถ้าหุ้นที่คุณถือมีผลประกอบการที่เติบโตตามที่คุณคาดหวัง และยังคิดว่าแนวโน้มผลกำไรยังดีต่อไป ก็ไม่เห็นต้องสนใจราคาตลาดนี่ (ยกเว้นต้องการซื้อเพิ่ม)

มองในแง่ดี หากคุณไปเล่นเก็งกำไร อาจจะหมดตัวแล้วก็ได้
แทนที่จะแค่ขาดทุน ถ้าคุณไปซื้อ MS MS-W1 ESTAR KDM N-PARK HEMREJ etc.,,

ตอนผมลงทุนแบบเน้นพื้นฐานใหม่ๆ ตลาดซบเซามาก
เศรษกิจก็ทรงๆทรุดๆ หลังเกิดวิกฤิต
พอร์มลดไปเกือบๆ 40 % ผมร้อนใจมากครับ
ดูราคาแล้วต้องข่มใจทุกวัน
อดทนรอได้เกือบๆ ปีราคาก็ขึ้นมามากครับ หลายเท่าตัว
แต่หุ้นตอนนั้นก็ถูกเหลือเชื่อจริงๆ บางตัวซื้อขายกันพีอี 1 หรือ 2 เท่าครับ
และตอนนี้หุ้นบางตัวก็ถูกพอสมควรครับ แม้จะยังไม่ถูกมาก

ถึงตอนนี้พอร์ทผมจะลดลงจากต้นปีบ้างตามสถาวะตลาด แต่ผมก็ไม่รู้สึกวิตกทุกร้อนเลยครับ ยังกินได้นอนหลับสบาย เพราะถือหุ้นที่ซื้อแบบคัดพิเศษ
กำไรก็เพิ่มเกือบทุกบริษัท ผมก็สบายใจซิครับ แต่ถ้าผลประกอบการลดลง ก็ต้องศึกษาดูว่าเกิดจากอะไร ปัญหาชั่วคราว หรือจุดเิริ่มต้นของปัญหาใหญ่ หากเป็นแบบหลัง ก็รีบตัดไฟแต่ต้นลมก็ดีครับ

แต่หุ้นที่คนถือกระทู้ถืออยู่ ก็ดีๆทั้งนั้นนี่ครับ แต่ PATKOL ผมยังไม่เข้าใจธุรกิจเค้าครับ ส่วนตัวอื่นๆ ก็อดทนถือดีกว่าครับ มีปันผลให้ทุกปี
หากทนดูราคาหุ้นลดลงไม่ได้ ก็ลองหยุดดูตลาดไปสักพักก็ได้นี่ครับ

ผมเห็นด้วยกับความเห็นของพี่ประจวบครับ ชัดเจน ตรงประเด็น :lol:

จริงๆนะครับ คณ VI บริษัทที่คณลงทนทั้งหมดนั้น ถึงแม้ราคาตกลงมาถึงขณะนี้แล้ว ผมยังไม่คิดว่าถกจนมี MARGIN OF SAFETY ที่ดีเลยครับ

**

เอ่อ ขอแจมนิสนะครับ
คือ ที่อ่านมาจาก หุ้นที่คุณ VI ถืออยู่น่ะครับ
มีตัวไหนบ้างเหรอครับที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันแบบยั่งยืน
ไม่ได้แข่งขันกันในเฉพาะด้านราคา
ผมยังตอบข้อนี้ให้คุณไม่ได้เลยครับผม

ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นครับที่กรุณาให้กำลังใจและแนะนำมา ผมเพียงแต่ขอบ่นดังๆเท่านั้นครับ ไม่ถึงกับเครียดมาก..แค่เซ็งๆเท่านั้นครับ เพราะเป็นเงินเย็นยังไงก็ได้ปันผลอยู่เหมือนกันครับ

ผมคงต้องทบทวน port ของตัวเองตามที่แนะนำแล้วครับ

ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นครับที่กรุณาให้กำลังใจและแนะนำมา ผมเพียงแต่ขอบ่นดังๆเท่านั้นครับ ไม่ถึงกับเครียดมาก..แค่เซ็งๆเท่านั้นครับ เพราะเป็นเงินเย็นยังไงก็ได้ปันผลอยู่เหมือนกันครับ

ผมคงต้องทบทวน port ของตัวเองตามที่แนะนำแล้วครับ

ผมว่าถึงเราลงทุนแบบ VI ก็จริง
แต่ถ้าราคาถึงจุดๆหนึ่งก็ควรปรับพอร์ทบ้างก็ดีนะ
เช่นถ้าเริ่มสูงเกินพื้นฐานก็ขายออกบ้างแล้วค่อยมาซื้อกลับ
เมื่อพื้นฐานเกินราคา

แนะนำหนังสือ กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ
และหนังสือ วิถีแห่งเซียน หุ้นห่านทองคำ ของคุณเทพ ครับ
เกี่ยวกับการตกแต่งสวน(พอร์ท)