หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ผมอ่านกระทู้นี้น่าสนใจเลยขอคัดมาให้อ่านบ้างคับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 8:01 am
โดย hot
สงสัยว่า...ทำไมบางบริษัทต้องซื้อหุ้นในตลาดคืนครับ
กระทู้โดย : closeup
« เมื่อ 16/05/2004 , 01:35:09 »
--------------------------------------------------------------------------------
ล่าสุดที่เห็นก็ psl ไม่ทราบว่าเพราะอะไรครับ
1
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 8:01 am
โดย hot
ปีเตอร์ ชาง (admin)
Posts : 25
Replies : 293 « Reply #1 เมื่อ 16/05/2004 , 16:30:20 »
--------------------------------------------------------------------------------
การซื้อหุ้นคืน มีทั้งระยะสั้นและระยะยาวนะครับ
1. ในระยะสั้นๆ บริษัทมีเงินสดในมือเหลือเยอะ นอกเหนือจากการชำระหนี้ การกันเงินสดไว้ในการบริหารงาน กันไว้ในการจ่ายปันผล บริษัทมีทางเลือกสำหรับเงินสดที่เหลือคือ เอาเงินนั้นฝากธนาคารไว้ และได้ดอกเบี้ยเท่ากับเงินฝากออมทรัพย์ หรือเอาเงินนั้นไปลงทุนระยะสั้นๆ ซึ่งได้แก่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
กรณีนี้ บริษัทก็ควรลงทุนในกิจการที่ผู้บริหารรู้จักปัจจัยพื้นฐานดี และมองว่า ราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรเป็น ดังนั้น จึงมีหลายๆบริษัท ใช้เงินสดที่เหลือมากเกินไปในมือ เอามาซื้อหุ้นบริษัทตัวเองคืนครับ
2. ในระยะยาว กรณีบริษัทมีเงินสดในมือเหลือ ไม่มีหนี้ให้ชำระอีกแล้ว และบริษัทไม่สามารถขยายกิจการเพื่อให้มีการเติบโตของ eps ได้ บริษัทก็จะเอาเงินส่วนเกินเหล่านั้น ซื้อหุ้นคืน แล้วก็เคลียร์ให้หมดไป ทำให้หุ้นที่เหลือของบริษัทลดลง เมื่อบริษัทกำไรสุทธิเท่าเดิม แต่จำนวนหุ้นลดลง eps ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับการขยายกิจการเพื่อให้ได้ eps เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันครับ
การซื้อหุ้นคืน คือมีสองนัยยะ และทั้งสองแบบ ต่างก็เป็นรูปแบบการบริหารจัดการเงินสดเพื่อให้เกิดผลตอบแทนสูงสุดกับผู้ถือหุ้นทั้งนั้น
แต่หลายๆคน มองโลกในมุมแคบ คิดว่าการซื้อหุ้นคืน มีแต่กรณีที่สองเท่านั้น บริษัทควรใช้หนี้ให้หมดก่อนแล้วค่อยมาซื้อหุ้นคืน อันนี้ก็อาจจะมองไปในอีกแง่นึงได้แต่ผมว่าเป็นมุมมองที่คับแคบเกินไปครับ เพราะการบริหารจัดการการเงินนั้น มีทั้งแบบระยะสั้น และระยะยาวครับ
เพราะการที่บริษัทยังมีหนี้อยู่ แต่มีเงินสดในมือมาก บริษัทอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ให้หมดสิ้นในคราวเดียว เนื่องด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่นติดในสัญญาเงินกู้ จะเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม หากชำระก่อนกำหนด หรือ ต้องการให้มีเงินสด หรือทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงไว้ในมือในกรณีฉุกเฉิน หรือกรณีที่สภาพธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป มีความต้องการขยายกิจการเพิ่ม เป็นต้น
กรณี PSL ผมคิดว่า ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดเลยครับ บริษัทมีกระแสเงินสดเหลือมาก ก็เอามาลงทุนในระยะสั้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ อันที่สะดวกและมีสภาพคล่องสูง ก็คือการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
ก็ต้องถามต่อว่า แล้วหุ้นตัวไหนที่ผู้บริหารควรซื้อ
คำตอบก็คือ หุ้นที่ราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น และผู้บริหารรู้จักพื้นฐานหุ้นตัวนั้นเป็นอย่างดี มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจนั้นๆ
ถามต่อว่า แล้วหุ้นตัวไหนที่ผู้บริหาร PSL รู้จักดี คำตอบก็คือ ก็คือ PSL นั่นแหละครับ จะไปซื้อหุ้นกิจการอื่นๆที่เขาไม่ได้รู้จัก ไม่มีข้อมูลในกิจการนั้นๆทำไม
แล้วถามต่อว่า ทำไมไม่เอาเงินสดที่เหลือไปใช้หนี้ให้หมดก่อน
คำตอบก็คือ เรื่องหนี้นั้นก็ใช้ไปแล้ว มีการทำแผนแน่นอนแล้วว่า จะต้องใช้คืนเท่าไหร่ เมื่อใด ก็ทำตามแผนทุกอย่าง เงินสดพวกนี้ เป็นส่วนที่สุทธิจากส่วนต่างๆเหล่านั้น
ถ้าหากรีบใช้หนี้คืนมากเกินไป แล้วต่อมา พบว่า ธุรกิจมีแนวโน้มดี จะเพิ่มกองเรือ จะทำอย่างไร ก็ไปทำเรื่องกู้หนี้เขามาเพิ่ม แล้วก็เสียค่าธรรมเนียมเป็นร้อยล้านอีกหนน่ะเหรอ
ถ้าหากบริษัทซื้อหุ้นคืน เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ก็แค่ขายหุ้นออกไป ก็ได้เงินสดกลับคืนมาแล้ว โดยมีความเสี่ยงในส่วนที่ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวลงมากกว่าราคาตอนซื้อมา ซึ่งในประเด็นนี้ ก็ลดความเสี่ยงได้ด้วยการซื้อหุ้นที่รู้จักดี และคิดว่าราคาต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรเป็น
เรื่อง PSL ถ้ามองโดยไม่มีอคติ เข้าใจได้ไม่ยากนะครับ ผู้บริหารเขาจบ Finance มา คนที่เรียนมาทาง Finance เข้าใจวิธีคิดของเขาได้ไม่ยาก เว้นแต่มีอคติ และไม่ยอมเปิดใจเท่านั้น
2
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 8:02 am
โดย hot
/bin/vi
« Reply #2 เมื่อ 16/05/2004 , 18:17:12 »
--------------------------------------------------------------------------------
ขอมองต่างมุมกับคุณปีเตอร์
เท่าที่เรียนวิชาการเงินธุรกิจมา.. การบริหารเงินในระยะสั้นประมาณ 2-3 เดือน น่าจะเป็นการลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นมากกว่าครับ อย่างที่เห็นบริษัทต่างๆทำกันก็เป็นพวกตั๋วเงินคงคลัง การพักเงินที่กู้มาด้วยการซื้อหุ้นตัวเองคืนหากเป็นผมคงไม่ทำ เพราะหากตลาดหุ้นไม่อำนวยแต่ต้องการใช้เงินก็คงต้องขายขาดทุนและทำให้หุ้นยิ่งลงไปอีก ประกอบกับการบันทึกการขาดทุนจากการขายหุ้นคืน ผู้ถือหุ้นคงไม่สบายใจเท่าไหร่นะ
ในมุมมองของผม หากผู้บริหารคิดว่าดอกเบี้ยของเงินกู้ถูกมาก จะกู้เงินมาซื้อหุ้นคืน เพื่อเพิ่มกำไรต่อหุ้น หรือแม้กระทั่งกู้มาทำ tender offer ออกจากตลาดไปเลยก็ไม่แปลกครับ
3
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 8:02 am
โดย hot
/bin/vi
« Reply #3 เมื่อ 16/05/2004 , 18:18:46 »
--------------------------------------------------------------------------------
ในมุมมองของผม หากผู้บริหารคิดว่าดอกเบี้ยของเงินกู้ถูกมาก จะกู้เงินมาซื้อหุ้นคืน เพื่อเพิ่มกำไรต่อหุ้น หรือแม้กระทั่งกู้มาทำ tender offer ออกจากตลาดไปเลยก็ไม่แปลกครับ แต่นั่นเป็นการมองระยะยาวครับ
4
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 8:03 am
โดย hot
ปีเตอร์ ชาง (admin)
Posts : 25
Replies : 294 « Reply #4 เมื่อ 16/05/2004 , 18:52:11 »
--------------------------------------------------------------------------------
ผมคิดว่า การบริการการเงินด้วยตราสารระยะสั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่เสี่ยง หรือมีสภาพคล่องมากอะไรนะครับ ตราสารหลายๆอย่าง ก็ถูกจำกัดอีกเหมือนกันด้วยเงื่อนไขระยะเวลาที่ถือครอง การซื้อขายในตลาดรองผมก็ไม่แน่ใจว่าเหมาะสมหรือเปล่ากับสถานการณ์ที่ผู้บริหารยังไม่แน่ใจ
เกิดอีกสามวัน เกิดมีเรือมือสองราคาถูกมา หลุดมาให้ซื้อ จะให้ผู้บริหารทำอย่างไรครับ ตราสารทางการเงินอะไร คงไม่คล่องเหมือนหุ้นหรอกครับ
เรื่องการกู้เงินอะไร ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประเด็นตรงนี้เลยนะครับ ประเด็นอยู่ที่ว่า ผู้บริหารจะทำอย่างไรกับเงินสดที่มีในมือตอนนี้เพื่อให้เกิดผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นมากที่สุด โดยต้องเผื่อความคล่องตัวในการเปลี่ยนเป็นเงินสดด้วย
ซึ่งผมคิดว่า ผู้บริหารเขาเลือกแล้วครับ ระหว่างการซื้อหุ้นในจุดที่เขาคิดว่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน กับการเอาไปฝากในตราสารการเงินระยะสั้นๆที่ดอกเบี้ยคงไม่กี่ % เขาก็เลือกเอาการซื้อหุ้นแทน
อย่าลืมนะครับว่า มุมมองความเสี่ยงและผลตอบแทนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเอามุมมองจากจุดของตัวเองไปอธิบายว่าเขาทำถูกหรือไม่ถูก คงเป็นในมุมมองของแต่ละคน
จุดที่ผมเอามาอธิบาย ก็เพื่ออธิบายว่า ในมุมมองของผู้บริหารเขาทำอย่างนั้นทำไม
ถ้าตอบในแบบคุณความเห็นที่ 2 ก็ต้องไปตอบในคำถาม กรณีถ้ามีคนถามว่า ทำไมบริษัทนี้ มีสินทรัพย์ในแบบตราสารทางการเงินระยะสั้นล่ะครับ ทำไมไม่ถือเป็นเงินสด
อันนี้เป็นเรื่อง ตอบให้ตรงคำถามน่ะครับ
5
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 8:03 am
โดย hot
/bin/vi
« Reply #5 เมื่อ 16/05/2004 , 21:46:20 »
--------------------------------------------------------------------------------
ผมคิดว่าผู้ตั้งกระทู้คงจะสงสัยว่าการซื้อหุ้นคืนได้ประโยชน์อะไร หุ้นที่บริษัทซื้อคืนจะไม่ถือว่ามีการแบ่งกำไร เมื่อปริมาณหุ้นลดลง กำไรต่อหุ้นก็จะมากขึ้นเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นครับ
ขอตอบคุณปีเตอร์เรื่องการบริหารเงินสดระยะสั้น ที่ผมคิดว่า ไม่ใช่ประเด็นของการซื้อหุ้นคืน
วิธีบริหารเงินสดระยะสั้นอันเป็นที่รู้จักดีอย่างตั๋วเงินคงคลังไม่น่าจะมีอะไรเสี่ยงมากมายครับ ตั๋วเงินคงคลังเป็นตราสารการเงินระยะสั้นที่ออกโดยกระทรวงการคลังเพื่อที่จะนำเงินมาใช้จ่ายตามงบประมาณ หรือชดเชยการขาดดุลงบประมาณ บริษัทหลายแห่งใช้เป็นที่พักเงินครับ หลายกองทุนรวมก็ออกมาเพื่อเล่นกับตราสารประเภทนี้โดยเฉพาะ มีหลายระยะให้เลือกเป็นระดับสัปดาห์ ที่เห็นซื้อไว้พักเงินก็ระดับ 4 สัปดาห์หรือไม่ก็ 9 สัปดาห์ ยาวที่สุดที่เคยเห็นก็ 26 สัปดาห์ เวลาซื้อใช้วิธีประมูลซื้อลดจากราคาหน้าตั๋วครับ การซื้อขายในตลาดรองคงไม่จำเป็นเท่าไหร่สำหรับตั๋วเงินระยะสั้น ถือไว้แป๊บเดียวก็กำไรแล้วครับ ความเสี่ยงก็คงพอๆกับพันธบัตรรัฐบาล รายการลงทุนระยะสั้นประเภทนี้หากไม่เคร่งครัดจนเกินไปนักผมว่าเทียบเท่ากับเงินสดนะครับ
กรณีซื้อตั๋วไปแล้ว อีกวันมีเรือมาขาย ถ้าผมทำธุรกิจเดินเรือ อย่างแรกที่ผมจะทำก็คือการตรวจสภาพ ประเมินราคาทรัพย์สิน จากนั้นจึงเริ่มตกลงซื้อขาย กว่าจะเซ็นสัญญา ชำระเงิน โอนสินทรัพย์ก็คงไม่เสร็จในเวลาสั้นๆหรอกครับ แม้กระนั้นก็ยังมีระยะเวลาเครดิต หรือแบ่งการชำระเงินเป็นงวดๆได้อีกตามแต่ตกลง คงใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะจ่ายเงิน สภาพคล่องทางการเงินที่บริหารโดยตั๋วเงินคงไม่แย่เกินไปครับ
หากผมบริหารบริษัทแล้วถูกถามคงจะอธิบายอย่างที่ตอบไปครับ หากผู้ถือหุ้นถึงกับไม่พอใจที่ผมบริหารเงินระยะสั้นด้วยวิธีนี้ เพราะผลกำไรต่ำไป ผมคงชี้แจงว่านี่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท ไม่ได้ต้องการหารายได้หลักด้วยการลงทุนระยะสั้น จึงเลือกการพักเงินด้วยวิธีที่มีความเสี่ยงต่ำไว้ก่อน ....อันที่จริงผู้ถือหุ้น WG ได้ถามไปแล้ว ผมก็จำๆมาตอบครับ
6
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 8:04 am
โดย hot
enokwan
« Reply #6 เมื่อ 16/05/2004 , 22:38:11 »
--------------------------------------------------------------------------------
ขอถามต่ออีกนิดนะคะ คือเคยได้ยินว่าบ.ที่ซื้อหุ้นตัวเองคืนจะต้องทำการขายออกมาภายในเวลาที่กำหนด อันนี้ไม่ทราบว่าเท็จจริงแค่ไหนคะ ขอบคุณค่ะ
ผมอ่านกระทู้นี้น่าสนใจเลยขอคัดมาให้อ่านบ้างคับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 11:04 am
โดย บุคคลทั่วไป
ถ้ายังจำกันได้นะครับ เมื่อตอนปลายปี เคยมีข่าวลือว่า psl น่าจะเพิ่มทุน
แต่ตอนนี้บริษัทกลับทำตรงข้ามแฮะ
แปลกดี ต้องคอยดูกันต่อไปละครับว่าจะเป็นอย่างไร
*************
บริษัทในตลาดส่วนใหญ่จะมีนโยบายการเพิ่มทุน ให้คอยจับตาพวกกลุ่มธนาคารให้ดีนะครับ น่ากลัวมาก
ผมอ่านกระทู้นี้น่าสนใจเลยขอคัดมาให้อ่านบ้างคับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 11:13 am
โดย Blueblood
ขอบคุณครับ
