หน้า 1 จากทั้งหมด 1

อเมริกาประกาศลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 9:46 pm
โดย kabu
ไม่ทราบว่า จะมีผลกระทบในแง่ไหนบ้างครับ
เช่น
ข้อดี
1. มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในอเมริกา
2. ร้านค้า ต่างๆ ผู้ทำธุรกิจมีกำไรดีขึ้น

ข้อเสีย
1. ประเทศได้เงินน้อยลง ตอนนี้ก็ขาดดุลงบประมาณจะแย่อยู่แล้ว
2. ค่าเงินแข็งขี้นเนื่องจากมีความต้องการเงินดอลล่าห์มากขึ้น ยิ่งทำให้การส่งออกแย่ ขาดดุลงบประมาณอีก

คิดไม่ออกแล้ว

Re: อเมริกาประกาศลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2011 9:29 am
โดย miracle
ลดภาษีเป็นการกระตุ้นทางด้านการคลัง
จุดนี้ทำให้ภาระในการจัดเก็บเงินรายได้ของรัฐลดลง
ระยะยาวต้องออกพันธบัตรออกมาชดเชยการขาดดุลอีก
เอาเงินที่ไม่มีดอกเบี้ยไปจ่ายเงินที่มีดอกเบี้ย

เมื่อกระตุ้นทางด้านการคลังผ่านการลดภาษี
ทำให้นิติบุคคลสามารถขยายงานเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากต้นทุนในการทำกิจการลดลง
เมื่อขยายงานได้เิพิ่มขึ้นแล้ว ประชาชนก็ได้ประโยชน์มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
เมื่อมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ประชาชนจับจ่ายมากขึ้นจากคนที่จ้างงานเพิ่มและคนที่ได้รับเงินเดือนเพิ่ม
จนเกิดปัญหาเงินเฟ้อในระยะเวลาต่อมา
เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแลกกับอัตราการจ้างงานที่ลดลง ในช่วงนี้

และถ้าหากยิ่งตีเกลียวไปกับปัญหาออกพันธบัตรอีก งานนี้ ถ้าคุ้มเงินเฟ้อไม่ดี และ อัตราการจ้างงานไม่ดีล่ะก็
เจอเกลียวของสองปัญหานี้ก็แก้ไขยากขึ้น

:)

Re: อเมริกาประกาศลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2011 8:21 pm
โดย kabu
อย่างที่พี่มิบอก ผมว่าอเมริกาคงอยากจะลดปัญหาการว่างงาน ซึ่งตอนนี้อยู่ในอัตราที่สูงมากๆ (ประมาณ 10%) สิ่งที่อเมริกากลัวมากๆ ผมว่าไม่ใช่เงินเฟ้อ แต่เป็น เงินฝืด

ตอนนี้อเมริกาเป็นหนี้ประเทศอื่นๆ เยอะมากๆ โดยการขายพันธบัตร และพิมพ์แบงค์เป็นว่าเล่น ถามว่าอนาคตข้างหน้ามีคนอยากถือดอลล่าห์มั้ย ??

อเมริกาพยายามทำทุกวิถีทางให้ดอลล่าห์ตัวเองน่าเชื่อถือไม่อ่อนค่าไปกว่านี้
กำลังดูว่าจะไปได้ขนาดไหน :D

Re: อเมริกาประกาศลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2011 10:50 pm
โดย miracle
ภาวะถดถอยผ่านไปแล้ว
เพราะ หลายไตรมาสที่ผ่านมา GDP โตขึ้นมาจากจุดที่ต่ำที่สุด จากจุดที่ต่ำที่สุดของการถดถอย
แต่อย่างไงก็ตาม GDP ที่เพิ่มขึ้นยังไม่เท่ากับก่อนเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์
และการเติบโตยังอยู่ในภาวะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิด Double dip ถ้าหากน้ำมันดิบพุ่งเกิน 100 เหรียญต่อบาร์เรล

GDP ของ US คิดแบบ chain weighted แล้ว
คือ แบบเป็นลูกโซ่ไม่มีปีฐานแบบเมืองไทยแล้ว

ตอนนี้ตัวเลขที่หยุดไม่ค่อยอยู่คือตัวเลขการว่างงานครับ
ต้องแก้ไขให้ได้ ไม่งั้นอาจจะมีผลต่อการเมืองในปีกว่าที่เหลือครับ
:)