ตลาดหลักทรัพย์ลาว

[ปรัชญา]

วันอังคารที่ 18 มกราคม 2011
ปฐมฤกษ์เปิดตลาดหลักทรัพย์ลาว

[ปรัชญา]

นับจากพักปะซาซนปะติวัดลาว ได้รับชัยชนะในการต่อสู้เพื่อครองอำนาจเหนือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในปี 2519 เป็นต้นมา แนวทางพัฒนาประเทศด้วยวิถีสังคมนิยม ตามเส้นทางเดิมที่แนวลาวฮัก

ซาดและขบวนการปะเทดลาว ได้ปูทางเอาไว้ให้รัฐบาลลาวได้เรียนรู้มากขึ้นที่ทำความคุ้นเคยกับเศรษฐกิจ

ทุนนิยมอย่างค่อยเป็นค่อยไป

วันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวใหญ่อีกก้าวหนึ่งของประเทศลาว เมื่อได้มีการเปิดตลาดหลักทรัพย์ลาวขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังจากมีการเตรียมการมายาวนานหลายปี

เหตุผลของการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ลาว ก็เป็นเหตุผลทั่วไปของตลาดหลักทรัพย์ทั้งหลายใน

โลก นั่นคือ สร้างเครื่องมือด้านการระดมทุน ช่วยเสริมให้ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีอยู่แล้ว

และยังช่วยให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำเป็นเพื่อขยายกิจการ

ผู้ว่าการธนาคารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายพูเพ็ด คำพูนวงเผยว่า เหตุที่ลาวจัดตั้งตลาดหุ้นเพื่อเป็นทางเลือกการระดมทุน เพราะลาวมีแต่ระบบธนาคารพาณิชย์เพื่อระดมทุนระยะสั้น แต่มีข้อจำกัดของการระดมทุนของโครงการใหญ่ ซึ่งตลาดหุ้นจะช่วยแก้ไขปัญหาได้

ข้อเท็จจริงที่ทำให้ทางการลาวตัดสินใจผลักดันตลาดหุ้น อยู่ที่เงินสดสำรองของธนาคารแห่ง สปป.ลาวมีค่อนข้างต่ำ ไม่เพียงพอต่อการเร่งพัฒนาประเทศได้ ตัวอย่างเช่น ปริมาณเงินออมในระบบ ณ ไตรมาส 2 ของปี 2552 ที่ประกาศโดยธนาคารแห่ง สปป.ลาว มีอยู่เพียง 10,629.1 พันล้านกีบ เงินจำนวนนี้หากแปลงเป็นเงินบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท เท่ากับ 258 กีบ) จะเท่ากับ 41,198 ล้านบาท ซึ่งน้อยเกินไป ไม่เพียงพอในกรณีที่บริษัทขนาดใหญ่ในประเทศเกิดความต้องการใช้เงินทุนขึ้นมาพร้อมๆ กัน

ไม่เพียงเท่านั้น นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะกองทุนขนาดใหญ่ ก็ถือเป็นสูตรสำเร็จที่จะตัดสินใจลงทุนข้ามชาติในกรณีเฉพาะในประเทศที่มีตลาดหลักทรัพย์ที่เปิดเผยเท่านั้น ทำให้ยากที่จะหลบเลี่ยงไม่ยอมเปิดตลาดทุนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานเพื่อดึงดูดทุนด้วย

เบื้องหลังความสำเร็จของการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ลาว มีชาติที่อยู่เบื้องหลังสนับสนุนจริงจัง 2 รายหลักคือ การสนับสนุนทั้งด้านการเงิน ระบบเทคโนโลยี และการฝึกอบรม ซึ่งถือหุ้น 49% ในตลาดหลักทรัพย์ลาว รวมทั้งได้รับคำแนะนำจากประเทศไทย

ตลาดหลักทรัพย์ลาวได้ลงนามกับตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วมลงทุนจัดตั้งตลาดหุ้น โดยเกาหลีจะให้การสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการนำระบบซื้อขายของเกาหลีมาพัฒนาในตลาดหุ้นลาว และจะร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 49% ซึ่งลาวถือหุ้น 51%

ตลาดหลักทรัพย์ฯไทย ซึ่งจัดวางตำแหน่งของตนเองให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ Indochina Leader (ในความหมายว่า ใช้ประสบการณ์ของไทยเป็นตัวอย่าง ถ่ายเทสิ่งที่มีอยู่ให้ชาติในอินโดจีนยืนขึ้นมาได้เท่าๆ กันในฐานะพลังในกลุ่มอินโดจีนร่วม) มีบทบาทช่วยสนับสนุนและให้คำแนะนำในการเตรียมข้อมูลของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนใน สปป.ลาว การคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและผู้รับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ ตามที่ สปป.ลาว มีความประสงค์เพื่อให้การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง สปป.ลาว เป็นไปโดยราบรื่น

ในการเตรียมการ คณะจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่ง สปป.ลาว ได้จัดการให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ารับการอบรมในภาคปฏิบัติเพิ่มเติมผ่านหลักสูตรต่างๆ ในหลายปีที่ผ่านมาโดยมีเนื้อหาครอบคลุมทุกด้านของการลงทุนที่ครบถ้วนและพัฒนาบุคลากรให้พร้อม

แม้ว่าจะรับความร่วมมือและสนับสนุนจากเกาหลีใต้และไทย แต่ทางการลาวก็รอบคอบที่จะถ่วงดุลเพื่อดูดซับเทคโนโลยีตลาดทุนโดยในการออกใบอนุญาตให้ก่อตั้งบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนทั้งหมดที่จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญของตลาด โดยการคัดเลือกผู้ร่วมทุนต่างชาติในธุรกิจหลักทรัพย์จาก 3 ประเทศคือ เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ไทย และเวียดนาม โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกบริษัทหลักทรัพย์จาก ความเติบโตทางธุรกิจ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และรูปแบบการดำเนินงานที่มั่นคง

ธนาคารลาวพัฒนา (Laos Development Bank) กับธนาคาร “ไซ่ง่อนพาณิชย์” (Sacombank) ได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์ล้านช้าง (Lane Xang Securities) เพื่อดำเนินธุรกิจ

บริษัทหลักทรัพย์เคที ซีมิโก้ กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมทุนกับธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BCEL) ตั้ง “บริษัทหลักทรัพย์ ธกตล กรุงไทย จำกัด (BCEL-KT)” โดยรับงานวาณิชธนกิจ (IB) ทุกชนิดในตลาดหลักทรัพย์ประเทศลาว

ธนาคารพงสะหวัน 51% และบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด 49% เพื่อเป็นบริษัทหลักทรัพย์และที่ปรึกษาการเงิน

นอกจากนั้นบริษัทหลักทรัพย์ของเกาหลีที่ร่วมทุน กับธนาคารอินโดไชน่า ของลาว

บริษัทที่จะทำการซื้อขายเป็นแห่งแรกๆ คือ บริษัทของรัฐ 2 แห่ง ได้แก่ อีดีแอล-เจเนอเรชัน ซึ่งแยกตัวจาก อีดีแอล บริษัทผลิตไฟฟ้าของรัฐเมื่อเดือน ธันวาคม และธนาคารเพื่อการพาณิชย์ต่างประเทศลาว และคาดว่าจะมีบริษัทเอกชนอีก 3-5 บริษัทเข้าจดทะเบียนเพิ่มเติมในปลายปี

การไฟฟ้าลาว (EdL) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่ที่สุดของ สปป.ลาว ได้ตั้ง EdL-Gen เป็นบริษัทลูกขึ้นมาใหม่ โดยนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว ปัจจุบัน EdL เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สัดส่วน 75% ของหุ้น EdL-Gen ทั้งหมด โดยเสนอขายหุ้นสามัญ IPO จำนวน 217 ล้านหุ้น ที่ราคา 4,300 กีบ หรือประมาณ 16 บาท

ขณะที่หุ้นของธนาคาร BCEL ที่นำออกเสนอขาย IPO ที่ 20.5 ล้านหุ้น ในแบบประมูลที่ราคาเฉลี่ยราวหุ้นละ 5,910 กีบ หรือราว 25 บาท

หุ้นทั้งสองระบุว่าต้องขายให้กับประชาชนและนักลงทุนที่ถือสัญชาติลาวเท่านั้น ขณะที่การเปิดขายให้ต่างประเทศยังไม่มีการตกลงกับรัฐบาลลาวแต่อย่างใด เพียงแต่มีการยืนยันว่าในทางปฏิบัติ ต่างชาติสามารถลงทุนได้ เช่นสามารถเข้าซื้อหุ้นได้สูงสุดร้อยละ 3 ของหุ้นที่ประกาศขายโดยอีดีแอล หรือบริษัทและสถาบันต่างชาติจะสามารถเข้าจองหุ้นได้ถึงร้อยละ 10

นายเดชพูวัง มูลรัตน์ ประธานและผู้อำนวยการใหญ่ตลาดหลักทรัพย์ลาว ซึ่งมีบทบาทสำคัญผลักดันให้โครงการนี้บรรลุเป้าหมาย ได้เริ่มพิธีเปิดอาคารสำนักงานตลาดหลักทรัพย์เวียงจันทน์อาคารทันสมัยสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ในย่านชานเมือง ฝั่งตรงข้ามศูนย์ประชุมและนิทรรศการลาวไอเท็ค ขึ้นในวันที่ 10 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมฉลอง 450 ปีการก่อตั้งนครเวียงจันทน์ แต่การซื้อขายจริงได้ล่าช้ามาเพราะบริษัทจดทะเบียนและฝ่ายอื่นๆ ต้องการเวลามากขึ้นในการเตรียมความพร้อม

ในระยะแรกนี้ การซื้อขายจะยังเป็นระบบของตลาด OTC ไม่ใช่การซื้อขายปกติเหมือนตลาดหุ้นทั่วไปในโลก

การซื้อขายดังกล่าว ได้แก่การที่บริษัทหลักทรัพย์ในฐานะดีลเลอร์/โบรกเกอร์เป็นผู้รับไปขาย โดยการเจรจาซื้อขายจะทำที่ใดก็ได้ แต่ขั้นตอนการซื้อขายนั้นต้องมาทำกับบริษัทหลักทรัพย์อนุญาต แล้วออกราคาผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต หรือ ธนาคารที่ สปป.ลาวกำหนดไว้ 2 แห่ง เบื้องต้นคือ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารการค้าต่างประเทศ

จากรายงานข่าว หลังจากเปิดการซื้อขายวันแรก ได้มีการจับคู่(match) ซื้อขายหุ้นเพียงครั้งเดียว เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันนี้เพียงครั้งเดียวก่อนปิดตลาดฯ ด้วยมูลค่าการซื้อขายมีทั้งสิ้น 2,100 ล้านกีบ จากการเทรดหุ้น 2 บริษัทใหญ่ ได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าลาว จำกัด (มหาชน) (EdLGen) และ ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BCEL)

นี่คือย่างก้าวแรกของของตลาดหลักทรัพย์ลาว เพื่อที่จะมีย่างก้าวต่อไป ซึ่งจะต้องจับตากันต่อไปว่า ตลาดทุนเกิดใหม่แห่งนี้ จะช่วยให้ลาวสามารถเรียนรู้ที่จะรับมือกับความเฟื่องฟูของทุนนิยมได้ในทางบวกหรือลบ ซึ่งต้องใช้เวลาในการเรียนรู้อีกยาวนานพอสมควร

กรณีของตลาดหลักทรัพย์ไทยซึ่งปีนี้ ย่างเข้าสู่ปีที่ 36 แล้ว ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอีกหลายประการที่รออยู่ข้างหน้า เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน


วันอังคารที่ 18 มกราคม 2011
ปฐมฤกษ์เปิดตลาดหลักทรัพย์ลาว

ขอขอบพระคุณ นสพ.ข่าวหุ้น
http://www.kaohoon.com/daily/index.php? ... Itemid=126

[thaloengsak]

ขอบคุณครับ